“กินอะไรดี?”
“อะไรก็ได้” เคยเป็นคำตอบดีฟอลท์ของหลายคนเลย
แต่ช่วงสองสามปีมานี่ ดูเหมือนคนจะเริ่ม ‘อะไรก็ได้’ กับการกินน้อยลง ใส่ใจพิถีพิถันกับเรื่องอาหารมากขึ้น และดูเหมือนจะมีวิธีคิดเกี่ยวกับอาหารที่มากไปกว่าการเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยสี่ และนี่คือ 7 เทรนด์อาหารมาแรงแห่งปี 2018 ที่น่ารอชมรอชิมกัน
1. Gut-friendly Food : ปีนี้ BBC Good Food คาดการณ์ประเภทอาหารมาแรงแห่งปีว่าเป็น ‘อาหารหมักดอง’ ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก แต่เป็นอาหารหมักดองจำพวกที่เป็นมิตรต่อลำไส้และระบบขับถ่ายอย่างเช่น กิมจิ มิโซะ โยเกิร์ต กระเทียมดอง หรือถั่ว เพราะพวกนี้จะมี probiotics และ prebiotics ซึ่งดีต่อแบคทีเรียในลำไส้ของเราไง
2. Alternative Proteins : คนเริ่มมองหาแหล่งโปรตีนอื่นนอกเหนือจากที่กินๆ กันอยู่มากขึ้น เนื้อสัตว์ทางเลือกอย่าง In Vitro Meat ที่ได้จากการเพาะเลี้ยงในห้องแลป หรือ Heme ซึ่งสังเคราะห์ขึ้นจากธาตุเหล็กจะเริ่มเป็นที่สนใจของคนมากขึ้น หลายประเทศจะใช้แมลงเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารมากขึ้น หรือไม่ก็โบกมือลาเนื้อสัตว์ ไปใช้โปรตีนจากพืชอย่างเต้าหู้หรือควินัวแทนเลย (แล้วก็ว่ากันว่าจะมีเทรนด์วันปลอดเนื้อ หรือ meat-free day ในหลายๆ เมืองด้วยนะ)
3. Hyper-local Food : จริงๆ การใช้วัตถุดิบท้องถิ่นมาปรุงอาหารนี่ก็เป็นเทรนด์มาสักระยะแล้วล่ะ แต่ปีนี้ขยับเข้ามาอีกขั้น เป็นวัตถุดิบที่หาได้ในระยะเดินได้เท่านั้น นั่นอาจทำให้เราเห็นร้านอาหารหันมาปลูกผักทำฟาร์มเองกันมากขึ้น (ซึ่งเทรนด์นี้เริ่มขึ้นที่ร้าน Noma อันโด่งดังนั่นเอง) การใช้วัตถุดิบในระยะเดินได้ยังเพิ่มจุดขายได้ด้วยสร้างเอกลักษณ์ รวมถึงใส่เรื่องเล่าลงไปในแต่ละจานได้ด้วย แถมอีกเทรนด์ที่จะโตควบคู่กันไปคือ ‘low-waste’ หรือการพยายามใช้วัตถุดิบให้หมดทุกส่วน ก็จะมาแรงในปีนี้ไม่แพ้กัน
4. Tea Flavour : ปีนี้ BBC พยากรณ์ว่าชาจะแซงหน้ากาแฟ และพวกกลิ่นหรือรสดอกไม้ก็จะมาแรง เพื่อตอบสนองหลายคนที่หันเข้าหาอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งก็จะส่งผลต่อไปถึงว่า Mocktail หรือเครื่องดื่มโนแอลนี่จะได้รับความใส่ใจมากขึ้น และอาจจะมีเมนู Mocktail ใหม่ๆ ให้ได้เลือกกันตามร้านมากขึ้นด้วยมั้งนะ
5. All Day Snacking : คนเริ่มมีไลฟ์สไตล์การกินแบบวีแกนมากขึ้น คือเปลี่ยนจากกินอาหารมื้อหลักสามมื้อ เป็นกินสแน็กที่กินได้ตลอดทั้งวัน จากการสำรวจตลาดของ Mintel เขาบอกว่าสแน็กที่จะได้รับความนิยมท่ัวโลกจะต้องเก็บได้นานหน่อย พกพาสะดวก มีน้ำตาลต่ำหรือไม่มีน้ำตาลเลยก็ดี มีสารอาหารและพลังงานสูง ที่เห็นๆ กินกันก็อย่างเช่นผลไม้อบแห้งหรือแท่งธัญพืช อะไรประมาณนั้น
6. Food Network : โซเชียลมีเดียได้สร้างเครือข่ายออนไลน์ของคนทำอาหาร ทำให้มีการทำอาหารกินเองที่บ้านมากขึ้น สร้างเมนูใหม่ๆ ด้วยตัวเองมากขึ้น อย่างปีที่ผ่านมาก็มีกระแส byob (Build Your Own Bowl) ตามโซเชียล ที่ชวนเชฟชื่อดังมาสอนการทําอาหารออนไลน์กันแบบเรียลไทม์ ปีนี้ก็คาดว่าเครือข่ายจะขยายกว้างขึ้น หรือเจาะลงเฉพาะกลุ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ออนไลน์ยังเป็นช่องทางอำนวยความสะดวกในการซื้อและจัดส่งวัตถุดิบและอาหารด้วย แอปพลิเคชั่นอย่าง UberEats หรือ Primenow จะได้รับความนิยมมากขึ้น (บ้านเราก็น่าจะเป็น Food Panda กับ Line Man เนอะ)
7. Dinner Party : มื้ออาหารจะถูกใช้เป็นกิจกรรมบำบัดความเครียดหรือแบบฝึกทักษะในการเข้าสังคมของคนวัยทำงานมากขึ้น คือแต่ละครั้งที่มากินข้าวด้วยกัน ก็จะมีวาระการพูดคุยหรือกิจกรรมอื่นๆ ทำให้ร้านอาหารต้องปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เอื้อต่อประสบการณ์ด้านนี้ตามไปด้วย รวมถึงว่าพวกบริการจัดหาเชฟมาปรุงและเสิร์ฟให้ถึงบ้านนี่ก็น่าจะบูมขึ้นเช่นกัน
Illustration by Warakorn Keeranan
อ้างอิงจาก
bbcgoodfood.com
เจาะเทรนด์โลก 2018 โดย TCDC