แม้ในแวดวงการเมืองบ้านเราจะยังไม่ได้เปลี่ยนผู้บริหาร แต่ในการเมืองระดับย่อยของมหาวิทยาลัย ประชาคมธรรมศาสตร์เตรียมเปลี่ยนโฉมรับผู้บริหารใหม่ ด้วยการเลือกตั้งสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัย ที่กำลังจะมารับตำแหน่งใหม่ในเร็วๆ นี้
และในขณะที่เรา เงียบๆ เฉาๆ เลือกตั้งไม่ได้ ดูข่าวประเทศอื่นๆ เลือกตั้งกันไปกี่ประเทศก็แล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววเป็นรูปเป็นร่าง The MATTER จึงอยากชวนมาดูการเลือกตั้งสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าแคนดิเดตผู้บริหารที่จะนำมหาลัยฯ การเมืองนี้ จะมีวิสัยทัศน์ นำนักศึกษาอย่างไร
การเลือกตั้งสรรหาตำแหน่งอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นั้นจะมีทุกๆ 3 ปี โดยในปีนี้ ศจ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีคนปัจจุบันจะหมดวาระการทำงานในวันที่ 23 พฤษจิกายน 2560
จากกระบวนการลงคะแนนสรรหา ที่ผ่านไปแล้วเมื่อสิ้นเดือนที่ผ่านมา ตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยได้แคนดิเดต ผู้เตรียมลงสนามท้าชิงตำแหน่ง หลังได้รับการทาบทาม ทั้งหมด 2 ท่าน ที่เราจะพาไปสำรวจวิสัยทัศน์ นโยบาย และแนวทางพัฒนามหาลัยฯ ของทั้งคู่กัน
1. รองศาสตราจารย์เกศินี วิฑูรชาติ
ปัจจุบันอาจารย์ดำรงตำแหน่งในมหาลัยฯ คือ ผู้ช่วยเลขานุการสภามหาวิทยาลัย และรองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและบริหารศูนย์รังสิต ทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งคณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีมาแล้วด้วย
รศ. เกศินี มาพร้อมแนวทางบริหารมหาวิทยาลัยทั้งหมด 19 หน้า A4 พร้อมด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า
‘มหาวิทยาลัยแห่งการสร้างผู้นำรุ่นใหม่เพื่อสังคมไทยและนานาชาติ “Grooming Next-Generation Leaders for Thailand and International Communities”’
อาจารย์ เกศินี ยังมีแนวทาง Strategy Highlights เช่น
• สร้างชื่อ Thammasat ให้กลายเป็น International Brand ที่รับรู้โดยประชาคมนานาชาติ
• เดินหน้า ‘SMART University’ ด้วยการยกเครื่องระบบการบริหารจัดการ
• พัฒนา 4 ศูนย์ของธรรมศาสตร์ให้มีความโดดเด่น และมีความแตกต่างกันที่ชัดเจน
โดยให้แคมปัสท่าพระจันทร์เป็น ผู้นำสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์, รังสิตเป็น ผู้นำนวัตกรรมวิทยาศาสตร์สุขภาพ เทคโนโลยีและการเรียนรู้, พัทยาเป็น ศูนย์วิชาการเพื่อรองรับการเติบโตของ EEC และสุดท้ายลำปางเป็น ศูนย์วิชาการเพื่อท้องถิ่นและเชื่อมโยงอาเซียน
• ให้คณะที่มีความพร้อม จัดทำหลักสูตร Double Degree ทั้งในระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา ร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก
• ชูจุดเด่นด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพผ่าน ตามแนวทาง Thailand 4.0
• กำหนดสัดส่วน ‘สอน’ และ ‘วิจัย’ ให้ยืดหยุ่นตามสมรรถนะของอาจารย์
• ริเริ่ม Thammasat Fellowships เพื่อดึง Professors ชั้นนำที่มีชื่อเสียงทั่วโลก มาร่วมพัฒนางานวิจัยกับคณาจารย์
• แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ ของประเทศให้มาร่วมกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
• ปรับโมเดลรายได้ด้วยการเพิ่มแหล่งรายได้ให้มีความมีหลากหลาย เพื่อความยั่งยืน
ซึ่งนี่ก็เป็นเพียง นโยบายและแนวทางโดยย่อของอาจารย์ เกศินี สามารถเข้าไปอ่านแนวทางฉบับเต็มได้ที่
http://www.tu.ac.th/
2. ศาสตราจารย์ ดร.กำชัย จงจักรพันธ์
ปัจจุบัน อาจารย์กำชัยดำรงตำแหน่งที่หลากหลายเช่น กรรมการบริหารมูลนิธิส่งเสริมการศึกษา และผู้อํานวยการโครงการหลักสูตรประกาศนียบัตรกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ ทั้งเคยดำรงตำแหน่ง คณบดีคณะนิติศาสตร์ด้วย นอกจากนี้ยังเคยเป็นแคนดิเดตในการท้าชิงตำแหน่งอธิการบดีมาแล้ว แต่สุดท้าย ศ.ดร.สมคิด ได้ครองตำแหน่งนี้ไป ในปี 2553
อาจารย์ กำชัย ลงสนาม ท้าชิงตำแหน่งอธิการบดีอีกครั้งพร้อมนโยบายและแนวทางทั้งหมด 17 หน้า A4 พร้อมวิสัยทัศน์ว่า ‘สร้างบัณฑิตที่มีคุณธรรมและความสามารถ ด้วยองค์ความรู้ที่ทันสมัยพัฒนาสังคมไทยสู่เวทีโลกอย่างยั่งยืน’
ทั้งยังมีเป้าหมายที่เป็นรูปธรรมคือ
‘เข้าสู่การจัดลําดับของสถาบันการจัดอันดับที่ได้รับการยอมรับและธรรมศาสตร์ต้องอยู่ในลําดับที่ดีขึ้น’
อาจารย์กำชัย มียุทธศาสตร์และพันธกิจเด่นๆ สำหรับการบริหารในครั้งนี้คือ
• สนับสนุนให้เกิดผลงานวิชาการและงานวิจัยที่มีคุณภาพในรูปแบบต่างๆ ในระดับ World-class
• สร้างบัณฑิตที่มีความสามารถ มีคุณธรรมจริยธรรม เพื่อให้บัณฑิตร่วม นําสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆ กับมหาวิทยาลัย ได้ เช่นสนับสนุนการเรียนรู้ และโอกาสในการไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างประเทศ
• ร่วมพัฒนาชุมชนและสังคมไทย ไม่ว่าจะสร้างมหาวิทยาลัยให้เป็นที่พึ่งในสังคม ประสานงานกับทุกส่วน และขยายความร่วมมือในอาเซียน
• ชี้แนะและร่วมนําประเทศด้วยองค์ความรู้ที่บูรณาการศาสตร์ต่างๆ ในมหาวิทยาลัยเพื่อสร้าง Impact ต่อสังคม
• บริหารงาน บริหารคนอย่างมีประสิทธิภาพ มีส่วนร่วม ภายใต้ความโปร่งใสและหลักธรรมาภิบาล
• ทํานุบํารุงศิลปะ วัฒนธรรมไทย และเผยแพร่อัตลักษณ์ธรรมศาสตร์
สามารถอ่านแนวทางบริหารของอาจารย์กำชัยฉบับเต็มได้ที่
ซึ่งในด่านต่อไป วันที่ 19 ตุลาคมนี้ คณะกรรมการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะเปิดให้อาจารย์ทั้ง 2 ได้แถลงแนวทางการบริหารอีกครั้ง โดยระบบประชุมทางไกล (Teleconference) ไปยัง 4 ศูนย์การศึกษาพร้อมกัน โดยให้เวลาไม่เกินคนละ 20 นาที และตอบคำถามได้ไม่เกินคนละ 20 นาที ก่อนจะถึงรอบ Final ในการนำรายชื่อผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นอธิการบดีเสนอต่อสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้เราได้ติดตามกันต่อในวันที่ 30 ตุลาคมนี้
อ้างอิง
https://www.isranews.org/
https://www.tu.ac.th/
illustration by Namsai Supavong