เป็นที่รู้กันว่าปี 2020 ที่ผ่านมา เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับหลายอุตสาหกรรมและธุรกิจ ท่ามกลางวิกฤตที่ทุกคนบนโลกเผชิญร่วมกัน Fast Company สื่อธุรกิจชื่อดังได้คัดเลือกบริษัทที่เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของโลก (World’s Most Innovative Companies) เพื่อปรบมือให้กับแนวคิด ผลิตภัณฑ์ และบริการที่พวกเขาสร้างขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อคุณประโยชน์ด้านธุรกิจ หรือคุณภาพชีวิต สังคม และอนาคตที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เรารับมือกับ COVID-19 ในปีที่ผ่านมาและปีนี้ (และอาจจะปีต่อไป) ได้ด้วย
#1 Moderna และ Pfizer-BioNTech : ครองอันดับหนึ่งร่วมกันในปีนี้ จากการผลิตวัคซีน COVID-19 ที่สร้างความหวังให้กับคนทั้งโลก สำหรับวัคซีนของ Moderna ได้รับการชื่นชมจากนวัตกรรม mRNA ที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 94% ขณะที่วัคซีนของ Pfizer-BioNTech ได้รับการยกย่องจากการที่เป็นเจ้าแรกของตลาดที่ผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถแจกจ่ายไปทั่วโลกได้หลายล้านโดสภายในเวลาไม่ถึงปี
#3 Shopify : ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับพัฒนา E-commerce ที่ใหญ่สุดของแคนาดา ได้เข้ามาช่วยชีวิตบรรดาร้านค้าปลีกทั้งหลายไว้ในช่วงล็อกดาวน์ ด้วยการสร้างเครื่องมือ e-commerce ต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ค้าสามารถย้ายมาขายของออนไลน์ได้ในชั่วข้ามคืน รวมถึงช่วยโปรโมตร้านค้าท้องถิ่นในแต่ละที่ให้ด้วย
#4 SpaceX : บริษัทเอกชนรายแรกของโลกที่ร่วมกับ NASA ส่งนักบินอวกาศไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station) การส่งนักบินขึ้นสู่อวกาศในครั้งนี้ ถือเป็นภารกิจส่งมนุษย์ขึ้นไปยังอวกาศจากแผ่นดินสหรัฐฯ ครั้งแรกในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่ NASA ยุติโครงการ Space Shuttle ในปี ค.ศ.2011 นอกจากนี้ SpaceX ยังมีแผนที่จะเปิดให้ผู้ที่สนใจเดินทางไปอวกาศในเชิงพาณิชย์ในอนาคตด้วย
#5 SpringHill Company : สตูดิโอผลิตรายการทีวีและภาพยนตร์ในสหรัฐฯ ได้รับฉายาว่า ‘The Envy of Hollywood’ ได้รับการยกย่องจากการทำสื่อบันเทิงเพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม โดยเลือกทำเฉพาะเนื้อหาที่สะท้อนเสียงของผู้ที่ถูกมองข้าม โดยผลงานที่โดดเด่นในปีที่ผ่านมา คือการนำเอาเรื่องราวของนักกีฬามาทำเป็นคอนเทนต์รูปแบบต่างๆ
#6 Epic Games : บริษัทพัฒนาวิดีโอเกมผู้อยู่เบื้องหลังเกมดังอย่าง Fortnite คว้าตำแหน่งในลิสต์นี้ด้วยความสามารถด้านการพัฒนาที่ท้าทายบรรดาบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่ ในการโลกเสมือนบนเกม ที่มีระบบเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของตัวเอง จนผู้เล่นนับล้านเข้าไปใช้ชีวิตร่วมกันอยู่ในนั้น ถึงขนาดมีคนบอกว่า นี่อาจเป็นอนาคตของโซเชียลมีเดียแทนที่แพลตฟอร์มที่เราคุ้นเคยก็เป็นได้
#7 Netflix : แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มีนโยบายเรื่องการไม่แบ่งแยกและความหลากหลายอย่างชัดเจน สะท้อนไปยังเนื้อหาที่อยู่บนแพลตฟอร์ม โดยปีที่ผ่านมา เรื่องราวของคนผิวสี (Black) ได้กลายมาเป็นจุดเด่น โดยเฉพาะตอนที่เกิดกรณี George Floyd ที่ช่วยทำให้คนดูตระหนัก เข้าใจและยอมรับในความหลากหลายได้มากขึ้น
#8 Tock : จากแพลตฟอร์มจองร้านอาหารยอดนิยม ที่ขยับตัวกลายเป็น Tock to Go แพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว หลังเผชิญกับภาวะล็อกดาวน์ และยังช่วยบรรดาร้านอาหารขนาดเล็ก ให้สามารถเลือกวิธีการส่งอาหารที่เหมาะกับธุรกิจของตนได้อีกด้วย
#9 Microsoft : ปี ค.ศ.2020 ที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่นี้ เหมือนกลายเป็นขุมพลังให้กับสังคมในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างและพัฒนานวัตกรรมมากมาย ให้องค์กรต่างๆ สามารถทำงานแบบรีโมตต่อได้ รวมถึงมีกาาพัฒนาระบบเตือนภัยธรรมชาติแบบก้าวกระโดด นอกจากนี้ ยังทำการปฏิญาณว่าจะลดปริมาณคาร์บอนที่บริษัทสร้างขึ้นให้หมดสิ้นในปี 2050 อีกด้วย
#10 Graphika : ทีมวิจัยของบริษัทวิเคราะห์โซเชียลเน็ตเวิร์กนี้ ได้พลิกเกมการเมืองและการเลือกตั้งครั้งใหญ่ของโลก ผ่านการเปิดโปงปฏิบัติการแทรกแซงทางข้อมูลข่าวสารของรัสเซียในช่วงก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ แถมยังเปิดเผยปฏิบัติการปราบปรามไต้หวันของจีน รวมถึงทำการวิเคราะห์ข่าวปลอมทั่วโลกในช่วงโควิด-19
ในลิสต์ของ Fast Company ยังมีบริษัทอีกมากมายที่ได้รับการชื่นชมในปีนี้ รวมถึงมีการจำแนกเป็น Top 10 ของภาคธุรกิจต่างๆ อย่างเช่น ธุรกิจความงาม พลังงาน อาหาร ภาพยนตร์ ฯลฯ เอาไว้ด้วย สามารถเลือกดูได้ที่ www.fastcompany.com/90603436/the-worlds-most-innovative-companies-2021