ขอออกตัวไว้ก่อนว่าเราไม่ใช่กูรูผู้รอบรู้ด้านเทคโนโลยี แต่เป็นแค่คนธรรมดาๆ ที่โชคดีได้ Samsung Galaxy S8+ สมาร์ตโฟนที่ดีไซน์สวยที่สุดในเวลานี้มาลองใช้เป็นเวลาเกือบๆ สัปดาห์ ดังนั้นรีวิวนี้จะมาจากมุมมองผู้ใช้ทั่วไป (เน้นถ่ายรูป เซลฟี่ เล่นเฟซบุ๊ก ไอจี ทวิตเตอร์ เช็กอีเมลล์ ทำงงทำงานบ้างเล็กน้อย) ตามมาดูเลยว่าเราอยากกดปุ่มเลิฟให้กับอะไรบ้าง!
1. ดีไซน์สวยด้วยหน้าจอโค้งมน ไร้ขอบ ไร้ปุ่มโฮม ดูแพงและเลอค่ามาก
เฮ้ย คือน้อง Samsung Galaxy S8+ สวยมากอะ! เราชอบที่รูปทรงมันโค้งมน ดูคลาสสิค ไม่เชย นี่มโนเองว่าเวลาถือแล้วตัวเองดูแพงมาก ฮ่าๆ แล้วตัวหน้าจอก็โค้งด้วยนะ คือโค้งลงไปด้านข้าง ทำให้หน้าจอดูใหญ่ขึ้น ผลพลอยได้คือขอบด้านข้างเรียวเล็กมากจนเกือบจะไร้ขอบ ส่วนขอบด้านบนและด้านล่างก็เล็กเหมือนกัน (ถึงจะไม่เท่าด้านข้างก็เถอะ) ปุ่มโฮมก็เลยโดนย้ายไปอยู่ในหน้าจอทัชสกรีน แต่ความล้ำคือตอนที่ปิดหน้าจออยู่ ก็สามารถกดปุ่มโฮมได้ด้วย คืออันนี้สงสัยมากเลยไปเสิร์ชอ่านข้อมูลจากกูรูท่านอื่นๆ เค้าบอกว่ามันมีปุ่มโฮมฝังอยู่ด้านใต้จริงๆ แต่ทำไมเราทัชหน้าจอแล้วมันไปโดนปุ่มด้านล่างได้ก็ไม่รู้เหมือนกัน (บอกแล้วว่าเราโลว์เทค…) ก็ได้แต่งงเด้งงเด้ต่อไป
2. สเกลหน้าจอ 18.5:9 เหมาะมากเวลาดูหนังหรือคลิปวิดีโอต่าง ๆ
โดยทั่วไปเรารู้ว่าสเกล 16:9 คือมาตรฐานสำหรับคอมพิวเตอร์หรือทีวีแบบไวด์สกรีน แล้วพวกกล้องวิดีโอและดีวีดีต่างๆ ก็รองรับสเกลนี้ แต่สเกล 18.5:9 ของน้อง Samsung Galaxy S8 และ Samsung Galaxy S8+ นั้นบียอนด์กว่านั้น เพราะเป็นสเกลที่ใกล้เคียงกับหน้าจอโรงหนังมาก แม้ไซส์ 5.8 นิ้วและ 6.2 นิ้วของน้องๆ จะห่างไกลไซส์โรงหนัง แต่จากการลองใช้ เราว่าฟีลลิ่งมันได้อะ มันดูไวด์ ดูเต็มจอสะใจ (เพราะหน้าจอโค้งมันส่งเสริมด้วยแหละ) คือปกติเราชอบดูคลิปในเฟซบุ๊กกับยูทูปผ่านมือถืออยู่แล้ว รู้สึกว่าสะดวกกว่าเปิดคอมหรือสมาร์ททีวีเยอะ ก็เลยประเดิมน้อง Samsung Galaxy S8+ ด้วยการดู Asia’s Next Top Model เลยจ้า คือเห็นความแตกต่างชัดมาก ภาพมันสวยคมกว่าที่ดูผ่านมือถือเครื่องเก่าเรามาก (นี่คือเริ่มงอแงอยากซื้อมือถือใหม่ ฮ่าๆ)
3. กล้องหลัง 12MP และกล้องหน้า 8MP ถ่ายรูปได้สวยแม้ในที่แสงน้อย หน้าชัดหลังเบลอก็ดีงาม
แกรรร นี่แหละจุดที่เราเลิฟมาก คือกล้องดีมาก เอ็นจอยการถ่ายรูปมาก ตอนแรกก็กล้าๆ กลัวๆ เพราะได้ยินกิตติศัพท์เรื่องความฟรุ้งฟริ้งของกล้องหน้ามาเยอะ แต่เอาจริงๆ คือมันปรับได้ว่าอยากให้ฟุ้งเบอร์ไหน หรือจะไม่ฟุ้งเลยก็ได้ พออยู่กับกล้อง 8MP ภาพค่อนข้างคมเลยล่ะ แล้วเราให้โบนัสพอยท์ตรงฟิลเตอร์ที่ติดมากับกล้องด้วย สนุกมาก จอยมาก คือปกติเราไม่เล่น Snapchat แต่ชอบเข้าแอพฯ ไปเล่นฟิลเตอร์ของเค้า แต่พอมี Samsung Galaxy S8+ แล้วก็เล่นฟิลเตอร์ในกล้องตัวเองได้เลย ดี๊ดี
ส่วนกล้องหลัง 12MP คือชัดมาก คมกริบ ไม่รู้คิดไปเองคนเดียวหรือเปล่า แต่เหมือนภาพที่เห็นผ่านกล้องจะชัดกว่าภาพที่เรามองด้วยตาเปล่าด้วยซ้ำ ฮ่าๆ สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตได้คือกล้องถ่ายรูปในที่แสงน้อยได้ดี เก็บรายละเอียดได้เยอะ
เอ้อ แล้วมันมีโหมดถ่ายรูปโปรด้วยนะ (แต่เราใช้ไม่เป็น…) จะปรับค่านู่นนี่นั่นได้ พวก White Balance, ISO, Shutter Speed ฯลฯ คนเล่นกล้องน่าจะชอบ อย่างพี่เราปกติใช้กล้องใหญ่ มายืมไปถ่ายรูปเล่น ถึงกับบอกว่าอยากซื้อ Samsung Galaxy S8+ ไปไว้ถ่ายรูปตอนไปเที่ยว จะได้ไม่ต้องพกกล้องใหญ่แล้ว ก็ได้แต่บอกมันให้ไปผ่อนเครื่องเก่าให้หมดก่อน ฮ่า ๆ
4. ระบบแสกนม่านตาหรือใบหน้าสุดล้ำ ช่วยให้ปลดล็อกเครื่องได้ง่ายกว่าแสกนนิ้วมือ
โอ้ย ข้อนี้คืออยากกดเลิฟซ้ำๆ เป็นพันครั้ง เราชอบระบบแสกนม่านตากับแสกนใบหน้ามากกกก ใช้แล้วรู้สึกเหมือนเป็นสายลับกำลังปฏิบัติการอะไรซักอย่างอยู่ รู้สึกล้ำ รู้สึกไฮเทค เวลาใช้ตอนอยู่กับคนอื่นจะแบบ ‘อุ้ย เธอยังต้องใช้ต้องแสกนนิ้วมืออยู่หรอ เธอยังต้องใส่รหัสอยู่หรอ ของชั้นแค่มองเข้าไปในกล้องก็เปิดได้แล้ว’ (อนุญาตให้มองบนทีนึง)
หลังจากลองเล่นทั้งสองอย่างแล้วเรารู้สึกว่ามันสะดวกในเลเวลเดียวกัน น้อง Samsung Galaxy S8+ อ่านม่านตาและใบหน้าเราได้เร็วมาก ไม่มีดีเลย์ ไม่มี processing time อะไรทั้งนั้น คือยกหน้าจอขึ้นจ่อหน้าก็ปลดล็อคได้เลย สะดวกเวอร์ แต่เวลาใช้จะเลือกได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น จะเปิดระบบสแกนม่านตากับใบหน้าพร้อมกันไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะเลือกอะไร ก็ยังสามารถใช้ระบบแสกนนิ้วมือ (ตัวแสกนอยู่ข้างกล้องหลัง เวลาถือจะพอดีกับนิ้วชี้) หรือระบบลากรหัสปลดล็อคควบคู่กันไปได้ด้วย
5. แบตเตอรี่ทนมาก ชาร์จแบตจนเต็มได้เร็วมาก แถมยังชาร์จไร้สายได้อีกต่างหาก
ขอสารภาพความเด๋อตรงนี้ว่า วันแรกที่เราพา Samsung Galaxy S8+ กลับบ้าน เราลืมที่ชาร์จแบตไว้ที่ออฟฟิศจ้า แล้วแบตเหลือแค่ 20 เปอร์เซ็นต์กว่าๆ ตอนแรกก็เซ็งแล้ว คืนนี้ได้เล่นนิดเดียวแน่ แต่ปรากฏว่าแบตอยู่นานมากถึงเช้าอีกวันเลย ทั้งที่เราก็ถ่ายรูปนู่นนี่ เล่นเฟซบุ๊ก เล่นไอจี ประทับใจในความอึด ถึก ทนมาก!
แล้วพอวันต่อมาเอาไปเสียบสายชาร์จทิ้งไว้ประมาณชั่วโมงนึง กลับมาอีกทีแบตก็เต็มแล้ว (อาจจะชาร์จได้เร็วกว่านั้น แต่เราไม่ได้เฝ้าดูตลอด) เอ้อ จริงๆ มันชาร์จแบบไร้สายได้ด้วยนะ แต่เราไม่ได้ลองเล่น เพราะมันไม่ได้มากับตัวเครื่อง ใครอยากใช้ชีวิตไฮเทคต้องซื้อแท่นชาร์จเพิ่มเองเน่อ