เฟสบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรืออินสตาแกรม อาจจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับใครหลายคน ที่เอาไว้ โพสต์รูปภาพ ของที่เราเพิ่งซื้อมาใหม่ หรือภาพไปท่องเที่ยวต่างประเทศที่เราต้องการแชร์กับเพื่อนเราในอินเทอร์เน็ต แต่สิ่งที่ควรระวังกันก็คือ เมื่อสิ่งเหล่านี้ถูกอัพโหลดลงอินเทอร์เน็ท ข้อมูลส่วนตัวของเราก็อาจไม่ปลอดภัยได้
มิจฉาชีพสมัยใหม่ พัฒนาสกิลการหลอกล่อ ล้วงลับข้อมูลได้ตามยุคสมัย 4.0 จากแค่รูปถ่ายธรรมดาที่โพสต์ลงโซเชียล ก็มีวิธีล้ำสมัยต่างๆ นานา ในการนำข้อมูลของเรา ไปใช้งานได้มากกว่าที่เราคาดคิด
The MATTER จึงขอมาเตือน ถึง 5 สิ่งที่ไม่ควรโพสต์ลงโซเชียล เพราะอาจมีภัยถูกนำข้อมูลส่วนตัวไป หรือเปิดช่องทางให้มิจฉาชีพเข้าถึงเรา ปลอมแปลงตัวตน ข้อมูล และขโมยทรัพย์สินของเราได้ โดยไม่รู้ตัว
บัตรประชาชน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใบขับขี่ และอื่นๆ ที่มีข้อมูลสำคัญ
หลายคนคงอาจใช้บัตรประชาชนในการยืนยันตัวตน ในการซื้อของ ช็อปปิ้งออนไลน์ ซื้อบัตรคอนเสิร์ต โดยการถ่ายส่งไปให้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ในการซื้อขายว่า นี่ฉันไม่ใช่มิจฉาชีพจริงๆ นะ แต่จริงๆ แล้วอาจกลายเป็นเราที่ส่งรูปบัตรพร้อมข้อมูลไปให้มิจฉาชีพก็ได้
บัตรประชาชน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และใบขับขี่ เป็น 3 บัตรที่มีข้อมูลบนบัตรคล้ายคลึงกัน คือ ชื่อ-นามสกุล, เลขบัตรประจำตัวประชาชน, วัน/เดือน/ปีเกิด รวมไปถึงรูปภาพของเรา ซึ่งแค่นี้ก็เป็นข้อมูลขุมทรัพย์ที่มิจฉาชีพสามารถนำไปใช้ได้มากมายแล้ว
แค่มีเลขบัตรประจำตัวประชาชน + วันเกิดของเรา ก็สามารถนำไปตรวจสอบข้อมูลทางการเงินกับธนาคาร ข้อมูลการสมัครบัตรเครดิต เปิดใช้โทรศัพท์มือถือ ขอสินเชื่อ เช็คข้อมูลภาษีได้โดยที่เราไม่รู้ตัว ทั้ง 2 สิ่งนี้ยังมักเป็นคำตอบของคำถามในการทำธุรกรรมทางโทรศัพท์เพื่อตรวจสอบ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมของเราได้อีกด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ ข้อมูลทั้งชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประชาชน หรือวัน/เดือน/ปีเกิด ยังสามารถนำไปใช้ในการสมัครสมาชิก เข้าบริการ ใช้แอพพลิเคชั่นต่างๆ ของทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่อาจทำให้เราถูกกลั่นแกล้ง หรือกระทบต่อตัวตนและชื่อเสียงได้ และที่ร้ายแรงที่สุดคือ การโดนปลอมแปลงรูปถ่าย เพื่อขโมยตัวตนในการอ้างอิงต่างๆ ที่กว่าเราจะรู้ตัว ก็อาจวุ่นวายใหญ่โต และสายไปเสียแล้ว
บัตรเครดิต / เดบิต และบัตรนักศึกษา
บัตรเครดิต / เดบิต เป็นบัตรที่เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินอยู่แล้ว บางคนอาจจะโพสต์ลายบัตรเครดิตรูปการ์ตูน หรือบัตรแพลตตินัมยอดวงเงินสูง เพื่อแชร์เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งบัตรนักศึกษาในสมัยนี้ ที่ส่วนใหญ่ก็ถูกเชื่อมโยงกับธนาคาร เป็นบัตร ATM ที่ทำธุรกรรมทางการเงินได้เช่นกัน ซึ่งบางที ในกรณีที่มีนักศึกษาทำบัตรหาย อาจมีการโพสต์หน้าบัตร เพื่อตามหาเจ้าของ ที่ทำให้มิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้
ในบางครั้ง การโพสต์รูปบัตรเครดิต เดบิตต่างๆ ที่ถึงแม้จะมีการเซ็นเซอร์ หรือเบลอตัวเลข แต่แค่เห็นชื่อธนาคารที่ใช้ ก็สามารถนำข้อมูลมาหลอกได้ ทั้งการโทรศัพท์หลอกล่อข้อมูลเพิ่ม หรือส่งข้อความ SMS แอบอ้างชื่อธนาคาร
ทั้งในยุคสมัยที่การช็อปปิ้งออนไลน์เป็นเรื่องยอดฮิต เพราะแค่คลิกก็กดจ่ายตังค์ รอรับของอยู่ที่บ้านได้ การโจรกรรมนำหมายเลขบัตรเครดิต และวันที่หมดอายุบนหน้าบัตรไปทำธุรกรรม แอบใช้ซื้อสินค้าจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายดายมาก หรือกระทั่งเจาะเข้าระบบการชำระเงิน หรือเข้าถึงฐานข้อมูลบัตรเครดิตของเราได้ ตลอดจนนำข้อมูลไปทำอย่างอื่นที่อันตรายมากกว่านั้นได้
กุญแจรถ และกุญแจบ้าน
ซื้อรถคันใหม่มา กำลังจะลองออกท้องถนนครั้งแรก ถ่ายรูปรถพร้อมกุญแจลงโซเชียล แค่นี้ก็อาจทำให้รถคันใหม่ของคุณหายวับเหมือนไม่เคยมีอยู่จริงได้ เพราะแค่รูปกุญแจรถ ก็ทำให้มิจฉาชีพปั๊มกุญแจใหม่ เพื่อมาขโมยรถไปได้ง่ายๆ
กลายเป็นเรื่องง่ายได้ที่แค่เห็นรูปถ่ายของกุญแจรถ ก็สามารถสร้างแบบจำลองจากคอมพิวเตอร์ที่แม่นยำ ได้จากรูปทรงและเงา แปลงจากภาพถ่ายและไปปั๊มเป็นกุญแจใหม่ และเพียงแค่ตามหาตำแหน่งของรถ ซึ่งก็ค้นหาจากการหาจุดเช็กอินในเฟซบุ๊ก หรือข้อมูลที่อยู่ ที่ทำงาน ที่รวบรวมจากโซเชียลเน็ทเวิร์ค ก็สามารถไปขโมยรถและปล่อยให้ลานจอดรถว่างเปล่า และก็ไม่ใช่กับแค่กุญแจรถเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกุญแจบ้าน ที่อาจทำให้ถูกเข้าไปขโมยของในบ้านได้ด้วย
หรือถ้าจะให้ปลอดภัย ไม่ให้มิจฉาชีพแอบเอารูปที่เราโพสต์ไปปั๊มกุญแจเพิ่มได้ ถ้าอยากจะโพสต์รูปจริงๆ ก็ไม่ควรโชว์ตัวกุญแจทั้งหมด โดยเอามือ หรือนิ้วบังตัวกุญแจ ก็สามารถป้องกันได้เช่นกัน
Boarding Pass
จะไปเที่ยวต่างประเทศทั้งที หลายคนคงชอบถ่ายรูป Boarding Pass พร้อมเช็คอินสถานบิน แชร์ให้เพื่อนๆ รู้ว่าเราออกเดินทาง แต่กระดาษบางๆ อย่าง Boarding Pass นั้น ซ่อนข้อมูลส่วนตัว ที่ทำให้ชีวิตของเราวุ่นวายได้ถ้าถูกเข้าถึง
ชื่อ-นามสกุล หมายเลขการจอง จุดที่ออกเดินทางและจุดหมายปลายทาง สามารถนำไปเข้าถึงข้อมูลการเดินทาง ซึ่งผู้ไม่ประสงค์ดีอาจใช้จุดนี้ เปลี่ยนแปลง ยกเลิกตั๋ว และเที่ยวบินของเราได้ หรือบางเว็ปไซต์ของสายการบิน แค่ใช้ข้อมูลนี้ ก็เข้าไปปริ้นท์ Boarding Pass อีกชุด หรือเข้าไปเอาข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ อย่างหมายเลขพาสปอร์ตหรือวันเกิด
ถึงแม้เราจะถ่ายให้ไม่เห็นชื่อ-สกุล หรือจุดหมายแล้ว แต่มิจฉาชีพก็ยังเข้าถึงข้อมูลได้จากบาร์โค้ด เพื่อไปดูวิธีการซื้อตั๋ว และข้อมูลบัตรเครดิตที่ใช้จ่ายได้ด้วย
นิ้วมือ
ท่าชูสองนิ้ว คิขุแบบญี่ปุ่น หรือท่าชูนิ้วโป้ง กดไลก์ อย่างยอดเยี่ยม ต่างก็เป็นท่าโพสต์ยอดฮิต ประจำการถ่ายรูป แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้ปัจจุบัน การถ่ายรูปด้วยท่าทางที่โชว์ลายนิ้วมือ ก็กลายเป็นความเสี่ยงให้มิจฉาชีพขโมยลายนิ้วมือ แอบอ้างข้อมูล หรือนำไปใช้ในการขโมย Iphone ของเราได้
Echizen Isao นักวิจัยแห่งกระทรวงสารสนเทศญี่ปุ่น เคยกล่าวเตือนว่า ตอนนี้เทคโนโลยีภาพและกล้องนั้นถูกพัฒนาขึ้นไปในระดับใหม่แล้ว ทำให้ข้อมูลลายนิ้วมือ สามารถถูกเก็บได้จากเพียงแค่การถ่ายรูปที่เห็นปลายนิ้วได้ชัดเจนภายในระยะ 3 เมตรจากกล้อง ซึ่งโอกาสเสี่ยงโดนขโมยลายนิ้วมือเพื่อใช้ในการสวมรอยและขโมยข้อมูลสำคัญ
แฮกเกอร์นาม Starbug ได้สาธิตตัวอย่างการขโมยลายนิ้วมือ ในงานสัมมนาของ Chaos Computer Club สมาพันธ์แฮคเกอร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ไว้โดยเขาสามารถสร้างลายนิ้วมือเทียมของ Ursula von der Leyen รัฐมนตรีความมั่นคงของเยอรมนี โดยใช้เพียงภาพถ่ายของเธอที่ปรากฏในข่าวเท่านั้น
ลายนิ้วมือ เป็นสิ่งที่ไม่เหมือนบัตรอื่นๆ เพราะเป็นสิ่งที่ติดตัวเราและไม่สามารถเปลี่ยนลายนิ้วมือใหม่ได้ ดังนั้นการที่มิจฉาชีพได้ลายนิ้วมือเทียวของเราไป อาจส่งผลต่อการแอบอ้างตัวตน หรือเข้าถึงข้อมูลของเราได้ตลอดชีวิต
อ้างอิง
http://www.admissionpremium.com/