โดนประจานออนไลน์คือเกมอันเจ็บปวด? แต่ขอโทษเถอะ เกมนี้คุณ ‘ชนะ’ ได้!
มองดูทะเลสีฟ้าครามใสแจ๋วตรงหน้าคุณสิ! ราวกับว่าโลกนี้ช่างเป็นใจ มอบวันอันรื่นรมย์ให้เป็นของขวัญ นี่เป็นโอกาสดีที่จะลอง ‘บิกีนี่’ ตัวใหม่ เพราะคุณเองก็ยังจินตนาการไม่ออกว่า สีชุดว่ายน้ำจะตัดกับหาดทราย แสงแดดและเกลียวคลื่นอย่างไร ถ่ายภาพตัวเองในลุคเซ็กซี่ ขี้เล่น เป็นกันเองก็ไม่เลวนี่นา
แต่เฮ้ย! ทำไมรูปคุณกลับมีใครหน้าไหนไม่รู้มาวิพากษ์วิจารณ์อย่างออกรส มีคนเป็นพันๆ กำลังจ้องมองคุณอยู่ในชุดว่ายน้ำ คุณเองไม่ได้มีร่างกายที่รังสรรค์มาเป็นนางฟ้า Victoria’s Secret และคุณก็ไม่ได้อยากถูกจับจ้องราวกับว่าคุณเป็นบิลบอร์ดกลางสี่แยกอนุสาวรีย์ฯ โดยไม่เอ่ยปากขอสักคำ แล้วทำไมพวกเขาหัวเราะเยาะคุณล่ะ?
คุณรู้สึกโดนดูถูก เหยียดหยาม ขายหน้า และละอายใจ ทั้งๆ ที่คุณไม่ได้ทำอะไรผิด
สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย
เกมแห่งความละอาย ‘Game of Shame’ เริ่มทำงานแล้ว…..
จากต้นเรื่อง “พี่ที่ทำงาน เอารูปที่เราใส่ชุดว่ายน้ำไปโพส และมีเพื่อนเค้ามาวิจารณ์แบบนี้ เราสามารถฟ้องร้องได้มั้ยคะ?”
The MATTER รู้ว่าคุณเคยเจ็บปวดจากความอับอาย (เพราะเราก็เคย) แต่หากเราจะทำความรู้จักกับความรู้สึกนี้ให้มากขึ้น เรียนรู้การทำงานของมัน และเปลี่ยนมันเป็นโอกาสสุดวิเศษที่จะทำให้คุณคัมแบคสวยๆ เพราะเมื่อคุณรู้ว่าความละอายมันเป็นเพียง ‘เกม’ นั่นก็หมายความว่า ‘คุณเอาชนะมันได้!’
ตราประทับแห่งความอัปยศ
ท่ามกลางประวัติศาสตร์สังคมมนุษย์ พวกเราใช้มาตรการ ‘สร้างความอับอายต่อสาธารณะ’ (Public Humiliation) เพื่อประจานพฤติกรรมของใครสักคนจากความนอกคอกที่มุ่งทำลายครรลองสังคมของคนหมู่มาก มนุษย์รู้ดีว่าความเจ็บปวดจากความละอายนั้นแสบสันกว่าและมีประสิทธิภาพกว่าในการลงโทษ เพราะหากคุณเลือกหวดใครสักคนแรงๆ ด้วยหวายเหนียวๆ เขาอาจจะเจ็บปวดชักดิ้นชักงออยู่สักสัปดาห์ ความเจ็บปวดทางร่างกายเป็นเพียงความรู้สึกขั้นพื้นฐานของระบบประสาทส่วนกลาง ส่งจากกระดูกสันหลังขึ้นสู่สมอง ซึ่งนวัตกรรมทางเวชศาสตร์สมัยใหม่สามารถลดความเจ็บได้ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน
แต่หากคุณทำให้ใครสักคนละอายในสิ่งที่เขาเป็น มันเหมือนกับคุณกรีดแผลลึกที่มองไม่เห็น จนสร้างความเจ็บปวดได้เป็นสิบยี่สิบปีหรือตลอดชีวิตของเขาเลยทีเดียว ซึ่งไม่มีนวัตกรรมใดๆ มาช่วยเยียวยาได้ อารมณ์จากความละอายนั้น เป็นผลจากการทำงานอันซับซ้อนของสมองประมวลผลด้วยปัจจัยร้อยแปด นักจิตวิทยากล่าวว่า “ความละอายคืออารมณ์ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่มนุษย์พึงมี”
มันบาดคมยิ่งกว่ามีดเล่มใดในโลก แทงทะลุเสียยิ่งกว่าหลาวเหล็กพันลี้
นั้นคือเหตุผลที่ทำไม มนุษย์ยังนิยมใช้มันเพื่อทำร้ายมนุษย์ด้วยกันอยู่
ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ชุมชนแถบเมดิเตอร์เรเนียนโบราณจะทำให้ชายหนุ่มอับอายด้วยการ ‘ถอนขนเพชร’ (การรับน้องก็ยังมีประเพณีนี้อยู่ ดึกดำบรรพ์มาก) หญิงสาวจะถูกประทับตราหรือโกนผมหากมีพฤติกรรมคบชู้ ผู้ต้องหาจะต้องถูกสวมหมวกกรวยสูงในยุคกลางในระหว่างการไต่สวน ชาวยิวจะถูกติดตราดาวเหลือง (Yellow badge) เพื่อคัดแยกเชื้อชาติโดยพรรคนาซี หรือแม้กระทั่งราชวงศ์สยามในอดีต ขังประจานเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทร์และครอบครัวให้ประชาชนสาปแช่งแบบถึงเนื้อถึงตัว เพื่อแสดงสัญญะและกำราบในข้อหา ‘กบฎ’
แต่สิ่งที่น่าวิตกในทศวรรษนี้คือ ความละอายอยู่ใกล้ตัวพวกเรามากยิ่งขึ้น เรื่องที่คุณเคยพลาดอาจถูกขุดคุ้ยด้วย Keyword ไม่กี่คำจาก Search Engine ทรงพลังและฉลาดพอที่จะปะติดปะต่ออดีตของคุณเป็นมหากาพย์สุดที่ใครๆ ก็อยากเปิดอ่าน (กับหนังสือเรียน หนูขยันแบบนี้ไหมลูก)
วิทยาศาสตร์แห่งความละอาย
‘ความละอาย’ เป็นญาติที่ใกล้เคียงกับ ‘ความสำนึกผิด’ เหมือนเกิดมาจากท้องแม่เดียวกัน เพราะล้วนเป็นความรู้สึกเชิงลบที่เกี่ยวพันกับการสำเหนียกได้ว่าคุณกระทำอะไรบางอย่างผิดพลาดไป แต่มันกลับทำงานต่างกัน เพราะการที่คุณจะสำนึกผิดได้ก็ต่อเมื่อคุณทำอะไรผิดและรู้สึกแย่กับผลของการกระทำ ส่วนความละอายนั้นแย่กว่า เพราะคุณกลับรู้สึกว่า ตัวคุณเองนั้นล่ะคือต้นตอแห่งความผิด และมันทำลายชื่อเสียงที่คุณสะสมไว้ตลอดชีวิต ไม่มีใครด่าคุณได้เจ็บเท่ากับด่าตัวเองอีกแล้ว
ในมิติของชีวเคมี ความละอายทำให้ร่างกายสร้างโปรตีนชื่อ ‘ไซโตไคน์’ (Cytokines) ซึ่งหากมีมากเกินไปร่างกายจะเกิดการอักเสบและทำให้แผลหายช้า นอกจากนั้นยังมีผลต่อการสร้างฮอร์โมน ‘คอร์ติซอล’ (Cortisol) ที่ควบคุมความเครียดอีกด้วย ไม่นานคุณจะกลายเป็นคนซึมเศร้า ก้าวร้าว และพยายามป้องกันตัวเองจากสิ่งเร้าซึ่งเป็นกลไกตามธรรมชาติ ดังนั้นไม่แปลกหากจะกล่าวว่าความละอายสร้างพิษให้กับร่างกายคุณแบบระยะยาว
50 Shades of ‘Shames’
เราวิเคราะห์ข้อเสียของความละอายไปตั้งมาก การสร้างความอับอายต่อสาธารณะยังเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในสังคม เพราะคุณเองก็ไม่โอเคกับคนที่ข่มขืนเด็ก ฆาตกรต่อเนื่อง ฆ่าพ่อฆ่าแม่ หรือคนที่ทำเรื่องเลวร้ายโดยที่ไม่เห็นหัวคนอื่น ดังนั้นการจัดการกับความละอายจึงต้องมีหลายเฉดสี หลายลวดลาย แตกต่างกันไปในแต่ละบริบท กฎเกณฑ์เพียงชุดเดียวตัดสินการกระทำพันล้านอย่างของมนุษย์ไม่ได้ (คนนะไม่ใช่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป)
ซึ่งในกรณีที่คุณถูกทำให้ละอายเพียงเพราะบิกินี่สวยๆ กับน้ำใสๆ นั้นก็ดูเหมือนเป็นเรื่องไม่แฟร์ และคุณก็ควรมีศักดิ์ศรีพอในการปกป้องชื่อเสียงคุณเอง
ปลุกพลังเปลี่ยน โต้คลื่นความเกลียด!
หากคุณไม่สามารถหยุดยั้งความละอายที่ถาโถมใส่ราวเกลียวคลื่น ทำไมไม่เล่นเซิร์ฟบอร์ดใส่ (แม่ง) เลยล่ะ คลื่นดีๆ ลูกโตๆ แบบนี้ คุณอาจโชว์ลีลาสุดพลิ้วก็ได้! งานวิจัยหลายชิ้นเห็นตรงกันว่า มนุษย์สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้ คนจะสวยเริ่มที่ Stay Strong เป็นสำคัญ
ปี 2008 ทีมนักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัย Tilburg ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้รวบรวมอาสาสมัครที่มีประวัติถูกทำให้อับอายในสังคมออนไลน์จำนวน 476 คน (ส่วนใหญ่โดนโพสต์ภาพประจาน โดนทวิตด่า) โดยนำพวกเขามาอภิปรายร่วมกันและติดตามรูปแบบการใช้ชีวิตอยู่หลายเดือน ทีมวิจัยพบว่า “คนส่วนใหญ่พยายามปรับเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นจากการสบประมาท” กลุ่มที่โดนดูถูกเรื่องร่างกาย มีแนวโน้มเอาใจใส่สุขภาพด้วยการออกกำลังกายและเลือกอาหารที่มีคุณค่า ส่วนคนที่เคยมีชีวิตล้มเหลวก็รู้จักวางแผนจัดการตัวเองให้ดีขึ้น
อีกตัวอย่างงานวิจัยที่มีชื่อเสียง นำโดยนักจิตวิทยา Rupert Brown จากมหาวิทยาลัย Sussex ในประเทศอังกฤษ เขาตั้งคำถามว่า “คนอังกฤษมองตัวเองในความขัดแย้งที่อิรักอย่างไร?” โดยให้อาสาสมัครกว่าพันรายมีโอกาสอ่านบทความเกี่ยวกับสถานการณ์ทหารอังกฤษที่เข้าไปประจำการท่ามกลางความขัดแย้ง (จากแหล่งข่าว BBC และ Guardian)
คนส่วนใหญ่รู้สึกละอายกับความขัดแย้ง เห็นใจชีวิตทหารทั้ง 2 ฝ่าย และรู้สึกว่าการเป็นคนอังกฤษบางครั้งก็น่าละอายอยู่เหมือนกัน พวกเขารู้สึกแย่กับความขัดแย้ง จนเกิดการตั้งคำถามว่าการเป็นคนอังกฤษที่ดีควรทำอย่างไร
ความละอายสร้างสรรค์ได้
ยินดีด้วย จงให้รางวัลกับตัวเอง! เพราะหากคุณรู้สึกแย่ๆ กับตัวเอง แปลว่าคุณรู้แล้วว่าอะไรคือปัจจัยแห่งความแย่ มันเหมือนมีเลเซอร์ช่วยชี้เป้าให้คุณเห็นปัญหาชัดยิ่งขึ้น มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเตะมันเข้าพรมแล้วลืมๆ ไปซะ หรือค่อยๆ แยกแยะโครงสร้างปัญหาออกมา ความละอายเป็นสิ่งดี มันขึ้นอยู่กับศรัทธาของคุณเองแล้วว่าจะจัดการมันอย่างไร หากคุณอยู่กับมันนานเกินไป นั้นหมายถึงคุณยอมรับตัวเองในสภาพแบบนั้น ธรรมชาติสร้างชุดอารมณ์ให้มนุษย์อย่างมีความหมาย จงเริ่มจัดการตัวเองให้สำเร็จ คุณจะพร้อมไปจัดการกับคนอื่นที่ดันทำให้คุณขายขี้หน้า ไหว้สวยๆ แล้วขอบคุณเขา 1 ที เพราะนั่นจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นคุณอ่อนข้อให้ก่อนจัด Combo เซ็ต!
ส่วนคนที่ประจานคนอื่น ท้ายที่สุดหากคุณมีเจตนาดีจริง อยากให้ผู้อื่นเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เพื่อให้เขาเกิดความละอายใจก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ใช่ก็ถามใจตัวเองดู
อ้างอิงข้อมูลจาก
Concern for self-image and social image in the management of moral failure