อะไรคือชีวิตแรกบนผืนพิภพนี้ แม้คุณจะเถียงว่าไม่มีโอกาสได้เห็นหร้อก เพราะอดีตมันก็นานตั้ง 500 ล้านปีนู่นแล้ว ถ้าคิดเช่นนั้นคุณประเมินโลกเราต่ำไป! คุณยังสามารถเห็นอดีตได้ด้วยสองตาของคุณเอง และมันอยู่ในประเทศไทย ณ ภาคใต้อันรุ่มรวยทรัพยากรของเราเอง ‘จังหวัดสตูล’ ไงล่ะ
ยินดีต้อนรับสู่ ‘อุทยานธรณีสตูล’ (Satun Geopark) ผืนดินลึกลับที่บันทึกหลักฐานของโลกใต้ทะเลเมื่อ 500 ล้านปีก่อนอันอุดมไปด้วยสิ่งมีชีวิตยุคเก่าตั้งแต่การระเบิดของแคมเบรียน (Cambrian explosion) ที่สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นอย่างมากมายราวการระเบิดอันยิ่งใหญ่ทางชีวภาพ ด้วยความโดดเด่นทางธรณีวิทยา ความรุ่มรวยทางประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตผู้คนที่ผูกพันกับพื้นที่แห่งนี้ สตูลจึงถูกยกระดับให้เป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) โดยยูเนสโก (UNESCO) ประกาศให้อุทยานธรณีสตูล เป็นอุทยานธรณีโลกแห่งแรกของประเทศไทย ลำดับที่ 36 ของโลก และเป็นแห่งที่ 5 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จริงๆ แล้วอุทยานธรณีสตูลมีการบริหารจัดการจากคนในท้องถิ่นมายาวนานผ่านงานวิจัยที่แน่นปึ้ก ชาวบ้านมีส่วนร่วมทุกกระบวนการจนมีความพร้อมที่จะเป็นโมเดลสำคัญสำหรับการจัดการอุทยานที่น่าศึกษา เป็นการต่อสู้ของคนในพื้นที่เพื่อบ้านเกิดของตัวเอง นี่ล่ะพลังชุมชน!
รีบหาวันหยุดยาวๆ ไว้ซิ ‘อุทยานธรณีสตูล’ ยังไม่ช้ำ เตรียมผจญภัยโลก 500 ล้านปี ผ่านการท่องเที่ยวชุมชนที่ดังไประดับโลก แล้วคุณจะได้คำตอบว่า กว่าจะเป็นมนุษย์นั้น เราเดินทางมาไกลเหลือเกิน
1. โลกเมื่อ 500 ล้านปีหน้าตาเป็นอย่างไร สตูลมีให้เห็น
ไม่ต้องง้อเครื่องย้อนเวลา คุณสามารถเห็นโลก 500 ล้านปีได้ด้วยตาตัวเอง แผ่นดินอุทยานธรณีสตูลถูกสร้างขึ้นมาจากอดีตผืนทะเลในยุคแคมเบียน (Cambrian) ที่อุดมไปด้วยสัตว์ทะเลรูปร่างพิลึกๆ หลายชนิดที่ดำรงชิวิตอยู่บนพื้นทรายใต้ท้องทะเล บางชนิดรูปร่างคล้ายแมงดาทะเลปัจจุบันที่เรียกว่า ‘ไทรโลไบต์’ (Trilobite) ซึ่งมีหลักฐานเป็นซากดึกดำบรรพ์ของพวกมันบริเวณเกาะตะรุเตาและอีกหลายพื้นที่ในสตูล
บันทึกสำคัญอีกหน้าของอุทยานธรณีสตูลคือ เมื่อประมาณ 450 ล้านปีก่อน หรือยุคออร์โดวิเชียน (Ordovician) ที่นี่เคยเป็นแหล่งผลิตก๊าซออกซิเจนให้กับโลกโบราณผ่านร่องรอยของกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทะเลตื้นที่เรียกว่า ‘สโตรมาโตไลต์’ (Stromatolite) ซึ่งเกิดจากการก่อตัวของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่เรียกว่า ‘ไซยาโนแบคทีเรีย’ พิสูจน์จากร่องรอยรูปร่างคล้ายตาข่ายในหินปูนบริเวณเขาน้อย อำเภอละงู นอกจากนั้นยังพบซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ทะเลชนิดอื่นๆ อีกจำนวนมาก เช่น นอติลอยด์หรือปลาหมึกโบราณ บ่งบอกความอุดมสมบูรณ์สิ่งแวดล้อมในทะเลในยุคนั้น … เรื่องแปลกๆ มีเพียบ
2. การเดินทางง่ายกว่าที่คิด
แม้จังหวัดสตูลจะถูกมองว่า ไม่ได้เป็นจังหวัดที่อยู่ในเส้นทางผ่านสู่ภาคใต้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปยากลำบากซะหน่อย หากจะเที่ยวอุทยานธรณีสตูลได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย คุณอาจจะต้องเผื่อเวลาไว้สัก 4-6 วันแล้วแต่กำลังทรัพย์และเวลาที่มี เพราะมีอาณาเขตครอบคลุมถึง 2,597 ตารางกิโลเมตร
การเดินทางที่สะดวกสบายที่สุด คือเดินทางโดยเครื่องบินจากท่าอากาศยานดอนเมืองหรือสุวรรณภูมิ ลงสนามบินหาดใหญ่หรือตรังใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นต่อรถแท็กซี่หรือรถตู้โดยสารที่สนามบินได้เลย เพื่อเดินทางสู่สำนักงานอุทยานธรณีสตูล อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล โดยใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมง
คุณอาจเริ่มวางแผนแหล่งท่องเที่ยวที่มีมากถึง 30 แห่ง หากอยากสำรวจเกาะต่างๆในทะเล คุณจำเป็นต้องไปยังท่าเทียบเรือปากบารา
วางแผนเดินทางอุทยานไป Satun Geopark Information Center ได้ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์อุทยานธรณีสตูลทาง www.satun-geopark.com หรือติดต่อ 062-441-6549
3. เด็กสตูลรู้จักโลก 500 ล้านปีได้ดีกว่าใคร
ในเมื่อบ้านของพวกเขาเต็มไปด้วยเรื่องราวดึกดำบรรพ์และการก่อกำเนิดชีวิต พวกเขาจึงสนิทสนมกับสิ่งมีชีวิตได้ดีกว่าใคร
“นั้นไง หอยฝาคู่โบราณ อย่าเดินไปเหยียบนะคะ” เด็กหญิงตัวน้อยชี้ไปยังพื้นในขณะที่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ แยกแยะระหว่างหินกับฟอสซิลยังไม่ออกเลย เด็กนักเรียนในจังหวัดสตูลมีความรู้ที่จะแยกแยะวิเคราะห์สิ่งมีชีวิตยุคแคมเบรียนได้ด้วยตาเปล่า พวกเขาสามารถสกัดฟอสซิลออกมาจากหินอย่างเบามือ วิเคราะห์หินในยุคต่างๆ ได้ และเรียงลำดับยุคสมัยได้ถูกต้อง
“เด็กสตูลต้องรู้จักโลก 500 ล้านปี ต้องรู้จักบ้านเขาเองให้มากที่สุด” อาจารย์ สุทธิ สายสุนีย์ ผอ.โรงเรียนอนุบาลสตูล กล่าวด้วยความภูมิใจ จากการริเริ่มหลักสูตรมัคคุเทศก์น้อยกับงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น โดยได้นำการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัย (Research-based learning) ในการเรียนรู้เรื่องใกล้ตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนมาผนวกกับวิชาการอย่างเข้าใจธรรมชาติของเด็ก
เด็กสตูลรักเรื่องราวของชีวิต พวกเขามีสายตาอันสดใสเมื่อได้เล่าเรื่องชีวิตโบราณที่ไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในห้อง กระบวนการนี้ได้สร้างความรักธรณีวิทยาโดยไม่ต้องบังคับขู่เข็ญ และเด็กๆ สนุกได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
4. เงินท่องเที่ยวทุกบาทเข้าชุมชนเต็มๆ
บอกลาการท่องเที่ยวแบบเข้ากระเป๋านายทุนใหญ่ไปได้เลย เพราะอุทยานธรณีสตูลเป็นการท่องเที่ยวที่ชาวบ้านมีส่วนร่วมให้เกิดขึ้น ในอดีตล้วนมีนายทุนทำทัวร์ที่ตักตวงทรัพยากรจนเสื่อมโทรม รายได้ไม่ถึงชุมชน ชาวบ้านได้แต่มองตาปริบๆ การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวโดยชุมชนโดยใช้งานวิจัยท้องถิ่นเข้ามาดำเนินงาน ทำให้ชาวบ้านจังหวัดสตูลมีสถานะเป็นทั้ง ‘นักวิจัยและผู้ประกอบการ’ ในเวลาเดียวกัน ภายใต้การจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ชุมชนสามารถจัดการกับทรัพยากรของชุมชนได้ด้วยข้อตกลงที่พวกเขามีส่วนร่วม
คุณจะได้เที่ยวแบบสัมผัสชีวิตจริงๆ ได้เห็นวิถีชีวิตประมงพื้นบ้าน ล่องเรือชาวบ้านที่รู้จุดทางธรณีวิทยา พบปะไกด์ชาวเลที่อบรมความรู้มาอย่างดีด้านธรณีวิทยา กินอาหารทะเลสดรสชาติอร่อยเหาะที่ได้จากทะเล และสำรวจความลับของชีวิต โดยมีชาวบ้านคอยเอื้อเฟื้อข้อมูล
ค่าใช้จ่ายกินเที่ยวเดินทาง มีสายป่านที่ลากถึงชาวบ้านโดยตรง ไม่ไปตกกับนายทุนใหญ่ โดยเพียง 6 เดือนที่ผ่านมามีการใช้จ่ายในพื้นที่อุทยานธรณีสตูลถึง 20 ล้านบาท ทำให้ชาวบ้านไม่ต้องย้ายที่ทำกิน ทำงานอื่นได้พร้อมบริการนักท่องเที่ยว
งานวิจัยท่องเที่ยวโดยชุมชน ทำให้ชาวบ้านมีลมหายใจในท้องถิ่นบ้านเกิด น่าชื่นใจที่คุณเองมีส่วนร่วมให้พวกเขามีชีวิตดีขึ้นได้จากการท่องเที่ยวอันเบิกบานของคุณ
5. ไปค้นหาความหมายของชีวิตและการตระหนักรู้
สิ่งมีชีวิตแรกเริ่มอุบัติการตระหนักรู้อย่างไร มีปัจจัยอะไรบ้างหลอมรวมจนเกิดกระบวนการทางความคิด ซึ่งนอกจากจะช่วยเปิดเผยให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนของสิ่งมีชีวิตแล้ว มันยังทำให้เราเห็นว่าธรรมชาติพึ่งพาความตระหนักรู้เพื่อการดำรงอยู่ด้วยเช่นกัน แต่กลับไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะหาหลักฐานสิ่งมีชีวิตเมื่อ 500 ล้านปีก่อนเพื่อทดสอบ เพราะฟอสซิลไม่สามารถคงสภาพความคิดใดๆ เอาไว้ได้ มันเสื่อมสลายไปตามเวลา ไม่เหมือนกระดูกที่ค่อนข้างอยู่คงทน
สิ่งมีชีวิตโหยหากระบวนการเรียนรู้อย่างไม่จำกัด ไม่ว่าพวกมันจะมีสมองหรือเซลล์ประสาทมากหรือน้อยแค่ไหนก็ตาม การเรียนรู้ที่ซับซ้อนพบได้ในกลุ่มของแมลงและสัตว์พวกกุ้ง-กั้ง-ปู ในไฟลัมสัตว์ขาปล้อง หรือในมอลลัสกา (Mollusca) ไฟลัมหนึ่งของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง อาทิ หมึกยักษ์ หอยทาก ที่ยิ่งค้นพบก็ยิ่งเจอว่า สัตว์ล้วนมีสติปัญญาที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้ตลอด
ทำให้นักวิจัยพบข้อสันนิษฐานว่า เป็นไปได้ว่าสิ่งมีชีวิตแรกที่ตระหนักรู้ (first consciousness being) อาจอยู่บนโลกมานานกว่า 540 ล้านปีมาแล้ว ตั้งแต่การระเบิดของแคมเบรียน (Cambrian explosion) ด้วยซ้ำ สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นอย่างมากมายราวการระเบิดอันยิ่งใหญ่ทางชีวภาพ การระเบิดในอดีตครั้งนั้นยังมีผลให้สิ่งมีชีวิตในปัจจุบันสืบรากเหง้ากลับไปนานถึง 540 ล้านปีได้
ไม่แปลกเลยที่การตระหนักรู้ของมนุษย์ที่จัดว่าซับซ้อนและละเอียด ก็มีรากฐานจากการโหยหาการเรียนรู้เหมือนดั่งสมาชิกในอดีต แต่ก็ยังมีการถกเถียงเรื่องการตระหนักรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด และจะเห็นได้ว่า consciousness รอบตัวเราแท้จริงแล้วมีหลายฟอร์ม เหมือนบนถนนที่มีทั้งคนเดินเท้า รถสามล้อ มอเตอร์ไซค์ รถกระบะ รถเก๋ง รถเมล์ ต่างไซส์ต่างขนาด ต่างลีลาในการขับเคลื่อนชีวิต
ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ การตระหนักรู้ของชีวิตล้วนมีความหมาย สัตว์แต่ละสายพันธุ์ไม่ใช่ความอ่อนด้อยที่น้อยกว่ามนุษย์
6. ไม่ช้ำ ไม่ซ้ำใคร
ยังมีนักท่องเที่ยวน้อยที่มาเที่ยวอุทยานธรณีสตูล อาจไม่มีบาร์อึกทึก ฝรั่งยังไม่รู้จัก ยังไม่ช้ำจากนักท่องเที่ยว (และรูปใน Instragram)
มีสถานที่น่าดึงดูดในอุทยานธรณีสตูลถึง 30 แห่ง แต่มีไฮไลท์ที่คุณน่าจะไปเยือนที่แปลก แหวกแนว จนถือเป็นไฮไลท์ที่ห้ามพลาดจนเราขอ recommend เป็นพิเศษ
- ปราสาทหินพันยอด
เขาหินปูนยุคออร์โดวิเชียน (490 ล้านปี) เกิดจากยอดเขาหินปูนถูกละลายด้วยฝนกรด ทำให้เป็นยอดแหลมเหมือนปราสาท ภายในเป็นหลุมยุบมีหาดทรายขนาดเล็กสวยงาม ที่คุณจะต้องพายเรือคายัคลอดเข้าไป
- ถ้ำเลสเตโกดอน
ถ้ำหินปูนที่มีความยาว 3.4 กิโลเมตร เป็นแหล่งพบซากดึกดำบรรพ์สมัยไพลสโตซีน เช่น ช้างโบราณสเตโกดอน แรด กวาง ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงามแบบอลังการ เหมาะสำหรับผู้รักการผจญภัย เพราะคุณต้องนั่งเรือคายัคอย่างแช่มช้า ค่อยๆ มุดไปใต้ถ้ำที่มืดมิด แต่ไม่ต้องห่วงมีไกด์ชาวบ้านเจนเส้นทางคอยนำคุณไปตลอดทาง
- เขตข้ามกาลเวลาเขาโต๊ะหงาย
คุณเคยเห็นยุคสมัยที่แบ่งเขตชัดเจนบ้างไหม ที่นี่คุณสามารถเดินลัดเลาะก้าวข้ามเขตกาลเวลาผ่านเขาหินซ้อนสองยุค รอยต่อเป็นรอยเลื่อนแสดงอายุประมาณ 490 ล้านปีก่อน โดยชั้นล่างเป็นหินทรายสีแดงยุคแคมเบรียน เหนือระนาบเป็นรอยเลื่อนหินปูนสีเทายุคออร์โดวิเชียน เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม (และโรแมนติกมากกกก)
7. จุดเช็กอินใหม่ หลากไฮไลท์น่าเที่ยว
- ปะการังเจ็ดสีบริเวณร่องน้ำจาบัง
หลงเสน่ห์ ‘ปะการังเจ็ดสี’ กองหินใต้น้ำ บริเวณร่องน้ำจาบังจะเป็นแหล่งปะการังอ่อน ดอกไม้ทะเล และฝูงปลาสีสันสวยงาม ที่ระดับน้ำลึกราว 15–20 ฟุต เหมาะแก่การดำน้ำตื้น และสามารถดำน้ำลึกได้อีกด้วย ในช่วงปิดฤดูการท่องเที่ยวปะการังเจ็ดสีจะพักฟื้นตัว จึงทำให้ยังคงมีความสวยงาม ชวนให้นักท่องเที่ยวมาชมความสวยงามทุกปี
- หาดสันหลังมังกร ตันหยงโป
‘ทะเลแหวก’ คือคำเรียกขานเกาะแห่งหนึ่งของชาวชุมชนตันหยงโป อำเภอเมืองสตูล เป็นสิ่งมหัศจรรย์กลางทะเลอันดามัน ซึ่งเกิดขึ้นในยามที่น้ำทะเลลดลงเหมือนกระแสน้ำและหลีกทางให้สันทรายโผล่ขึ้นมา ตัวสันทรายที่เต็มไปด้วยซากเปลือกหอยนับหลายล้านตัวทับถมกัน ทำให้เกิดเป็นเส้นทางคดเคี้ยวยาวกว่า 3 กิโลเมตร ที่สามารถเชื่อมไปยังอีกเกาะหนึ่งได้ เปรียบเสมือนกับมังกรฟ้าถลาลงเล่นน้ำ ให้เราได้เดินบนสันหลังมังกรที่เคลื่อนไหวพลิ้วตัวอย่างสวยงาม จึงเป็นที่มาของชื่อหาดแห่งนี้ ‘หาดมังกร’
- ถ้ำภูผาเพชร
เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ หินงอกหินย้อยที่พบภายในถ้ำมีความวิจิตรตระการตาเป็นอย่างมาก บางบริเวณยังมีน้ำหยดซึ่งก่อให้เกิดหินงอกหินย้อยได้ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ผนังถ้ำบางบริเวณยังพบซากดึกดำบรรพ์ของแบคทีเรีย (สโตรมาโตไลต์) และหมึกทะเลโบราณ (นอติลอยด์) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าหินปูนบริเวณถ้ำภูผาเพชรมีอายุอยู่ในช่วงยุคออร์โดวิเชียน หรือเมื่อประมาณ 450 ล้านปีมาแล้ว และยังพบเศษภาชน เครื่องปั้นดินเผา ซึ่งบ่งบอกถึงการเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์
ขอขอบคุณ
- อุทยานธรณีสตูล (Satun Geopark)
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (The Thailand Research Fund)