ชีวิตของคนเราจะสามารถเห็นปรากฏการณ์อันน่าตื่นตาทางวิทยาศาสตร์กันสักกี่ครั้งในชีวิต
เพราะธรรมชาติยังมีความมหัศจรรย์ที่รอคอยการมาเยือนของคุณอยู่ บางแห่งอยู่ถาวร แต่บางแห่งกำลังจะหายไป หากจะเก็บแต้มครบทุกที่ก็คงต้องใช้เงินมากโข
เที่ยวอย่างเดียวก็กระไรอยู่ ปรากฏการณ์เหล่านี้ควรสร้างแรงบันดาลใจให้กับความสนใจทางวิทยาศาสตร์ของคุณด้วย จัดกระเป๋าเดินทางหรือยัง เรามีนัดกันกับสถานที่มหัศจรรย์เหล่านี้!
**ราคาตั๋วเครื่องบินเป็นราคาโดยประมาณอาจยังไม่รวมค่าธรรมเนียมหรือภาษีใดๆ โปรดเช็กราคาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ที่สำคัญอย่านั่งข้างเด็ก**
1. สำรวจถ้ำคริสตัลยักษ์ในหุบน้ำแข็ง – ไอซ์แลนด์
ไอซ์แลนด์เป็นสรวงสรรค์ของนักถ่ายภาพ ความหนาวเหน็บสาปทุกสรรพสิ่งในประเทศนี้ให้เป็นน้ำแข็ง ราวกับคุณหลุดเข้าไปในถ้ำของสัตว์ร้ายสุดพิสดาร แม้แต่ผนังถ้ำเองยังสะท้อนเงาหน้าคุณซะชัดแจ๋ว
มีถ้ำนับร้อยๆ แห่งทั่วไอซ์แลนด์ เพียงคุณขับรถไปตามถนนสายหลักก็อาจเฉียดถ้ำคริสตัลมากมาย แต่ส่วนใหญ่ยังอันตรายและเข้าถึงได้ยาก เว้นแต่ถ้ำที่ขึ้นชื่อ ‘วาตนาเยอคูตล์’ (Vatnajökull) ที่ดูจะอ้าแขนต้อนรับนักเดินทางมากที่สุด
การชมถ้ำน้ำแข็งโดยไม่เสี่ยงตาย คือการไปในช่วงเดือนที่หนาวเหน็บของไอซ์แลนด์ ราวเดือนพฤศจิกายน – มีนาคม คุณสามารถจ้างไกด์นำทางท้องถิ่นที่เชี่ยวชาญการสำรวจถ้ำ พวกเขามักมีบริการให้เช่าอุปกรณ์นิรภัยต่างๆ ที่จำเป็นต่อการผจญภัย
ถ้ำส่วนใหญ่เกิดจากกระแสธารน้ำไหลผ่านช่องน้ำแข็ง คุณคงทึ่งกับกำแพงน้ำแข็งโปร่งแสงราวผลึกคริสตัล ผนังถ้ำรับแสงจากภายนอกแล้วหักเหกันเอง จนคุณสามารถเห็นแสงสีฟ้าสะท้อนได้เป็นพันๆ เฉดสี
ค่าตั๋วเครื่องบิน 38,000 บาท (กรุงเทพฯ – เรคยาวิค)
ช่วงเดือนที่ควรไป พฤศจิกายน – มีนาคม
ความคุ้มค่า 5 ดาว
2. ชะโงกไปดูนรกบนดิน – เติร์กเมนิสถาน
นรกเป็นอย่างไรหนอ? คุณมีโอกาสสำรวจนรกได้ด้วยตาตัวเองโดยไม่ต้องพบยมบาล (แต่ก็ไม่ได้ยืนยันว่ามันจะปลอดภัยนะ)
หลุมก๊าซที่เผาไหม้ตลอดเวลา ‘ดาร์วาซา’ (Darvaza Gas Crater) มีชื่อเรียกชวนสะพรึงว่า ‘ประตูนรก’ อยู่กลางทะเลทรายการากุม (Karakum) ในประเทศเติร์กเมนิสถาน ถูกค้นพบครั้งแรกอย่างบังเอิญโดยนักธรณีวิทยาชาวโซเวียตในปี 1971 ขณะที่พวกเขากำลังตามหาแหล่งน้ำมัน
ทีมสำรวจขุดพื้นผิวด้านบนจนเกิดการยุบตัว ดูดกลืนเครื่องมือขุดเจาะทั้งหมด ก๊าซธรรมชาติไหลทะลักออกมาจากหลุมจนเป็นอันตรายหากสิ่งมีชีวิตสูดดม ทีมสำรวจจึงต้องแก้สถานการณ์ฉุกเฉินโดยการจุดไฟให้ก๊าซธรรมชาติเผาไหม้ ซึ่งคาดว่ามันจะเผาไหม้เพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น แต่ที่ไหนได้! หลุมก๊าซกลับลุกไหม้ตลอดเวลาโดยไม่มีวี่แววจะดับ
ปากหลุมมีความกว้าง 60 x 20 เมตร กลายเป็นแหล่งดูดนักท่องเที่ยว มันอยู่ห่างจากเมืองหลวงอาชกาบัตเพียง 250 กิโลเมตร ปัจจุบันมีบริษัทจัดทัวร์เป็นล่ำเป็นสันแล้ว แนะนำให้คุณไปช่วงกลางคืน เพื่อจ้องมองประตูนรกที่สว่างโชติช่วงที่สุด จนคุณอาจเห็นอสูรนรกผ่านมโนสำนึกของตัวเอง
ค่าตั๋วเครื่องบิน 45,000 บาท (กรุงเทพฯ – อาชกาบัต)
ช่วงเดือนที่ควรไป ไปได้ทุกเดือน
ความคุ้มค่า 3 ดาว
3. ฟ้าคะนองที่ไม่มีวันจบสิ้น – เวเนซูเอล่า
ว่ากันว่า ‘ฟ้าผ่าจะไม่ซ้ำที่เดิม’ แต่กฎนี้ใช้ไม่ได้สำหรับเมฆอันเกรี้ยวกราดเหนือทะเลสาบมาราไกโบ (Maracaibo) ในประเทศเวเนซุเอลา
ในปีหนึ่งอาจมีปรากฏการณ์ฟ้าคะนองหนักๆ ถึง 297 คืนต่อปี จากอิทธิพลของภูมิประเทศอันแปลกประหลาด
ทะเลสาบมาราไกโบ ห้อมล้อมไปด้วยบึงอบอุ่นในเทือกเขาแอนดีส แสงอาทิตย์สาดทำมุมอย่างเหมาะเจาะไปยังทะเลสาบ ทำให้น้ำระเหยและควบแน่นเป็นไอน้ำ เมื่อลมเย็นพัดผ่านจากเทือกเขาจะทำให้ไอร้อนยกตัวสูงขึ้น จนกลายเป็นเมฆคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus) มีความสัมพันธ์กับพายุฟ้าคะนอง อากาศที่มีลักษณะแปรปรวนทำให้เกิดฟ้าผ่าดุดันจนไม่เหมือนที่ใดบนโลก การชมฟ้าคะนองในทะเลสาบมาราไกโบทำให้คุณรู้สึกถึงพลังงานอันไร้ขีดจำกัดของธรรมชาติ
อย่าพกอะไรนำไฟฟ้าไปดูล่ะ!
ค่าตั๋วเครื่องบิน 76,000 บาท (กรุงเทพฯ – คารากัส)
ช่วงเดือนที่ควรไป ตุลาคม – พฤศจิกายน
ความคุ้มค่า 4 ดาว
4. สุดยอดฝนดาวตก – แอริโซน่า สหรัฐอเมริกา
เมื่อดาวหางโคจรรอบระบบสุริยะ ดาวหางเหล่านี้มักทิ้งฝุ่นผงและสะเก็ดดาวไปทั่วเอกภพ โลกของพวกเราโคจรรอบดวงอาทิตย์เช่นกัน จึงมีบางครั้งที่โลกจะอยู่ในเส้นทางของดาวหางนักเดินทาง เมื่อดาวหางโคจรเข้าใกล้โลกจะเกิดการเผาไหม้จากแรงเสียดทานกับชั้นบรรยากาศ กลายเป็นลำแสงกลางเวหาอันแปลกตา (หรือโรแมนติกสุดหัวใจ)
แม้คุณจะสามารถมองเห็นดาวตกได้ทุกที่บนโลกในยามค่ำคืน แต่เพื่อให้ได้ประสบการณ์อันยอดเยี่ยมที่สุดจึงต้องมีการวางแผนซะหน่อย ในช่วงเดือนธันวาคม บรรดานักดูดาวจากทั่วโลกมักรอคอยปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ (Geminids Meteor Shower) ที่มีจำนวนดาวตกมากถึง 100 ดวงต่อชั่วโมง ส่วนตุลาคมเป็นคิวของฝนดาวตกโอไลโอนิค (Orionid Meteors shower) ก็คุ้มค่าที่จะชมเช่นกัน หรือในเดือนสิงหาคมอาจจะรอฝนดาวตกเพอร์ซอิดส์(Perseids Meteor shower) ที่มีอีกชื่อว่า ‘ฝนดาวตกวันแม่’ ก็ได้แล้วแต่สะดวก
โอกาสที่จะเห็นได้ฝนดาวตกอย่างเต็มตาที่สุดคือ ช่วงเที่ยงคืนฟ้าเปิด โดยพื้นที่ได้รับความนิยมในการดูดาวถูกเรียกว่า Dark Sky Park ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราวๆ 35 แห่งบนโลกจากรายงานของ World Atlas of Artificial Night Sky Brightness
ค่าตั๋วเครื่องบิน เข้าไปเช็กข้อมูลกับ darksky.org ก่อนว่าคุณเหมาะกับที่ไหน
ช่วงเดือนที่ควรไป สิงหาคม – ธันวาคม
ความคุ้มค่า 4 ดาว
5. ชมยานอวกาศปล่อยตัวจากฐาน – ฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา
เราอยู่ในยุค Space Race กันแล้ว! ใจคอจะไม่ชมยานอวกาศปล่อยตัวด้วยตาตัวเองหน่อยหรือ? แต่อะไรทำให้การดูยานอวกาศปล่อยตัวออกจากฐานเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นล่ะ? แม้เราจะเชื่อว่านวัตกรรมท่องเอกภพก้าวหน้าเพียงใด มันยังมี ‘ความไม่แน่นอน’ แฝงอยู่ในทุกวินาที ช่วงที่ลุ้นจับขั้วหัวใจมักเกิดขึ้นขณะยานอวกาศระเบิดเชื้อเพลิงเพื่อเร่งตัวออกจากชั้นบรรยากาศโลก
ในสหรัฐอเมริกามีผู้คนที่อุทิศตัวเพื่อไปดูการปล่อยจรวดอย่างเป็นเรื่องเป็นราว บางรายดูมาแล้วกว่า 80 ครั้ง
วินาทีที่จรวดทะยานออกจากฐาน เสียงดั่งสนั่นเสียจนสะเทือนพสุธา แสงวาบร้อนแรงมอดไหม้ หัวใจคุณอาจเต้นแรงมากกว่าการนั่งชมผ่าน Youtube เป็นพันๆ เท่า
จงเป็นผู้เห็นความเจริญงอกงามของยุคสมัยแห่งการท่องอวกาศด้วยตาของคุณเอง! (ทำไปพูดดีไป ไม่มีใครใน The MATTER เคยเห็นหรอก)
ค่าตั๋วเครื่องบิน 48,000 บาท (กรุงเทพฯ – ออร์แลนโด) ไป Kennedy Space Center
ช่วงเดือนที่ควรไป เข้าไปเช็กข้อมูลกับ kennedyspacecenter.com หรือ nasa.gov
ความคุ้มค่า 5 ดาว
6. เบิกบานท่ามกลางความแห้งแล้ง – แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
แม้ทะเลทรายอันแห้งแล้งยังเป็นพื้นที่โอกาสของสรรพชีวิตเมื่อถึงเวลาเหมาะสม ทะเลทรายโมฮาวี (Mojave) ทะเลทราย โซโนแรน (Sonoran) และทะเลทรายชิวาว่า (Chihuahuan) จะบานสะพรั่งไปด้วยพรมธรรมชาติที่รังสรรค์ด้วยดอกไม้สีเหลือง ม่วงอ่อน และชมพู ทำให้การขับขานบทกวีท่ามกลางทุ่งดอกไม้น่ารัญจวนใจยิ่งขึ้น จนคุณอาจด้นกลอนสดได้เป็นวรรคเป็นเวร
ดอกไม้บานเต็มทะเลทรายเป็นปรากฏการณ์ Superbloom ที่เหล่าพืชพรรณได้รับน้ำฝนในช่วงเดือนสิงหาคมและมกราคม แต่การบานของดอกไม้ก็ยังยากจะคาดเดา เพราะขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนในเดือนนั้นๆ นักพฤกษศาสตร์ล้วนอยากสัมผัสปรากฏการณ์นี้สักครั้ง ซึ่งระยะหลัง Superbloom เกิดขึ้นห่างครั้งกันมาก อาจเพียง 11 ปีจะบานเต็มที่สักครั้งหนึ่ง
ดังนั้นต้องเตรียมใจซะหน่อยว่า อาจไม่ได้เห็นเหมือนอย่างในรูปถ่าย แต่อย่างน้อยคุณก็ยังมีโอกาสเดินสำรวจทะเลทรายใน Death Valley National Park จนเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งมีชีวิตและธรรมชาติที่ส่งอิทธิพลกันอย่างล้ำลึก
ค่าตั๋วเครื่องบิน 45,000 บาท (กรุงเทพฯ –ลาสเวกัส)
ช่วงเดือนที่ควรไป มีนาคม
ความคุ้มค่า 4 ดาว
7. ตามล่าทอร์นาโด – แคนซัส สหรัฐอเมริกา
มีมนุษย์ไม่กี่คนบนโลกกล้าไล่ตามปีศาจสลาตันที่กำลังโกรธเกรี้ยว เพื่อได้เห็นความบิดเบี้ยวของพายุราวกับกำลังชมการร่ายรำแห่งหายนะที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดแสดงได้เทียบเท่า
ทอร์นาโดเกิดขึ้นจากลมร้อนและลมเย็นมาปะทะกัน ก่อตัวให้เกิดลมหมุนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ โดยทอร์นาโดส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่สามารถก่อให้เกิดลมร้อนและไอเย็นปะทะกันบริเวณทุ่งราบ
แต่การไล่ตามปีศาจเป็นภารกิจที่เสี่ยงชีวิต และต้องอาศัย ‘กึ๋น’ อยู่พอสมควร โชคดีที่มีบริษัททัวร์บ้าบิ่นตามล่าทอร์นาโดท้องถิ่นให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งพวกเขามีประสบการณ์ในพื้นที่ดีกว่าคุณ รู้จักทางหนีทีไล่ และมีเครื่องดูไฮเทค
หากคุณอยากสัมผัสประสบการณ์แบบหนูน้อย ‘โดโรธี’ ในการผจญภัยพ่อมดแห่งเมืองออซ (The Wizard of Oz) ก็ต้องไปแคนซัสเท่านั้น เพียงแต่คุณอาจจะไม่ได้โชคดีแบบโดโรธีตอนถูกทอร์นาโดพัดเท่านั้นเอง
ค่าตั๋วเครื่องบิน 59,000 บาท (กรุงเทพฯ-แคนซัสซิตี้)
ช่วงเดือนที่ควรไป มีนาคม – พฤษภาคม
ความคุ้มค่า 3 ดาว
8. ทำไมเราไม่ตามหา ‘แสงใต้’ – นิวซีแลนด์
มีคนไทยไปดูแสงเหนือ (Northern Light) กันจนพรุนแล้ว ถ้ามันมีเหนือก็ต้องมีใต้สิ! แสงใต้ (Southern Light) ยังคุ้มค่าที่จะเยี่ยมเยียนเมืองดะนีดิน (Dunedin) ในประเทศนิวซีแลนด์ เพราะเป็นจุดที่ไปง่ายที่สุด และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแต่ท้าทายกว่า เนื่องจากแสงใต้เป็นปรากฏการณ์ที่พบเห็นได้ยากกว่าแสงเหนือ เพราะมักเกิดขึ้นเหนือมหาสมุทรซึ่งต้องอาศัยโชคอยู่มาก
ออโรราเป็นตัวอย่างปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ที่น่าทึ่งที่สุดที่เกิดขึ้นในอวกาศอันใกล้พื้นโลก หากคุณเก็บแต้มแสงเหนือมาแล้ว เหลือพื้นที่ในใจคุณสำหรับแสงใต้บ้างสิ
ค่าตั๋วเครื่องบิน 43,000 บาท (กรุงเทพฯ – ดะนีดิน)
ช่วงเดือนที่ควรไป มีนาคม – สิงหาคม
ความคุ้มค่า 3 ดาว
9. น้ำตกลาวา – แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
มีน้ำตกแห่งเดียวบนโลกเท่านั้นที่คุณจะเห็นมันกลายเป็นลาวาเพลิง ปรากฏการณ์ Firefall แห่งอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park) จัดเป็นอะไรที่เห็นได้ยากมาก คุณต้องอยู่ ณ จุดที่เหมาะสมตรงเวลาเท่านั้น เพราะน้ำตกเพลิงจะปรากฏต่อสายตาแด่ผู้อดทนเพียงไม่กี่นาที
สายน้ำตกที่ดูร้อนราวเพลิงเกิดจากปัจจัยหลายอย่างรวมกัน ทั้งแสงอาทิตย์ตกกระทบธารน้ำตกได้องศาพอดิบพอดีจนกลายเป็นสีส้มคล้ายลาวา และน้ำตกต้องมีปริมาณน้ำมากพอจากฝนที่ตกในอุทยาน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพียง 60 นาที ต่อปีเท่านั้น
น้ำตก Firefall จึงเป็นหมุดหมายของนักถ่ายภาพทั่วโลกที่จะบันทึกภาพช่วงเวลามหัศจรรย์อันน้อยนิดได้ เอาไปอวดชาวโลกได้
ค่าตั๋วเครื่องบิน 47,000 บาท (กรุงเทพฯ – ซานฟรานซิสโก)
ช่วงเดือนที่ควรไป กุมภาพันธ์
ความคุ้มค่า 5 ดาว
10. สุริยุปราคาเต็มดวง – ชิลี
จริงๆ คุณไม่ต้องไปชมสุริยุปราคาเต็มดวง (Total solar eclipse) ถึงต่างประเทศเลย เพียงแต่ต้องรอนานหน่อยถึง 53 ปี 1 เดือน ในปี 2070 ซึ่งพื้นที่ในประเทศไทย อย่างประจวบฯ ชุมพร ระนอง จันทบุรี ตราด เป็นจังหวัดที่คุณจะได้เห็นสุริยุปราคาเต็มดวงพาดผ่านที่งดงามที่สุดในประเทศ
แต่หากคิดว่าอยู่ไม่ถึงจริงๆ คุณยังมีโอกาสเร็วๆ นี้ที่ประเทศชิลี ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2019 ซึ่งปรากฏการณ์สุริยุปราคามักสังเกตได้ ณ จุดใดสักแห่งบนพื้นโลกทุกๆ 18 เดือน
แต่ถ้าไม่อยากต้องเดินทางไปไหนต่างประเทศ อยู่ให้รอดอีก 53 ปี ก็เป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลมากที่สุด
ค่าตั๋วเครื่องบิน 83,000บาท (กรุงเทพฯ – ซันติอาโก)
ช่วงเดือนที่ควรไป 2 กรกฎาคม 2019
ความคุ้มค่า 3 ดาว (รอดูที่เมืองไทยดีกว่าอีก 53ปี)