ขึ้นชื่อว่า ‘มวย’ ไม่มีใครสู้แทนคุณได้ ที่นี่ไม่มีตัวสำรอง และท่ามกลางความอ้างว้างของผืนผ้าใบสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีแต่คุณคนเดียวกับคู่ต่อสู้ที่กำลังหายใจราวกระทิงเปลี่ยว พกความมั่นใจมาบ้างหรือเปล่า? เพราะมันคือหลักประกันเดียวที่คุณมีในไฟท์บังคับนี้
และในประวัติศาสตร์ของวงการหมัดมวยโลก ไม่มีใครมั่นใจได้เท่า ‘มูฮัมหมัด อาลี’ คนนี้อีกแล้ว
จักรยานไม่หาย ตำนานไม่เกิด
เคสเซียส เคลย์ (Cassius Clay) จำต้องใช้กำลังครั้งแรกตอนอายุ 12 ปี เมื่อเขาดอดไปดูหนังที่ Columbia Auditorium และจอดจักรยานสีแดงสลับขาวคันโปรดทิ้งไว้หน้าโรงหนัง เมื่อกลับมาพบว่าจักรยานโดนขโมยไปเสียแล้ว ด้วยความคับแค้นใจ เคลย์จึงวิ่งจ้ำอ้าวไปแจ้งตำรวจสถานีใกล้ๆโดยมีจ่า Joe Martin รับแจ้งเหตุ พร้อมแช่งชักไอ้หัวขโมยว่า “ถ้ากูเจอ จะงัดหน้าแม่งให้หงายไปเลย” แต่บังเอิญที่จ่า Joe Martin ดันเป็นเทรนเนอร์มวยสมัครเล่นพอดิบพอดี เขาพิจารณาหน่วยก้านของเจ้าเด็กน้อยปราดเดียวจึงแนะนำว่า “ถ้าแกจะงัดหน้าโจรนั้นล่ะก็ แกต้องต่อยมวยให้เป็นก่อนไอ้หนู”
- หลังจากฝึกซ้อมอยู่ 6 ปี เจ้าหนู เคสเซียส เคลย์ ก็ไม่ได้จักรยานคืน แต่กลับได้เหรียญทองโอลิมปิคปี 1960 มาแทน
- เขาไม่มีโอกาสซัดหน้าหัวขโมยจักรยาน แต่ได้ซัดกับ 4 ตำนานนักชกเฮฟวี่เวทฝีมือดีที่สุดของโลกอย่าง Floyd Patterson George Foreman Sonny Liston และ Joe Frazier
- คนทั้งโลกไม่ได้จดจำเขาในชื่อ ‘เคสเซียส เคลย์’ แต่เป็น ‘มูฮัมหมัด อาลี’ (Muhammad Ali) ที่มีความหมายว่า ‘ผู้ควรค่าแก่การสรรเสริญ’
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่โลกต้องสูญเสียตำนานนักชกวัย 74 จากโรคพาร์กินสันและระบบทางเดินหายใจ การต่อสู้ของอาลี เกิดขึ้นทั้งบนสังเวียนและนอกสังเวียน เขาคือผู้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ด้วยกำปั้น เปลี่ยนวัฒนธรรมด้วยฟุตเวิร์ค และขับเคลื่อนสังคมด้วยคำโวโอ้อวด นับเป็นคนที่ทำให้ทั้งโลกรักและเกลียดได้พอๆ กัน
The MATTER จะพาคุณไปสำรวจเคล็ดลับของยอดมวยโลกนาม ‘มูฮัมหมัด อาลี’ ว่าเขาทำอย่างไรถึงสามารถอยู่จุดสูงสุดของอาชีพนักมวย
ชนะโดยไม่ต้องต่อย
อาลีต้องการชนะ บางครั้งที่ไม่ได้สวมนวมอยู่ ปากเขาก็เป็นอาวุธชั้นดี ด้วยการพูดจายียวนกวนประสาทคู่ต่อสู้อันเป็นเอกลักษณ์ เขาเรียก Liston คู่ต่อสู้ในไฟท์ปี 1964 ว่า ‘ไอ้หมีอุบาทว์’ และ ‘มึงเหม็นยังกะหมี’ แถมก่อนซัดกับ George Foreman ในปี 1974 เขาก็ยังเย้ยอย่างอร่อยเหาะจนเป็นตำนานว่า
“ข้าทำอะไรเจ๋งๆ มาเพียบ ปล้ำกับจระเข้ก็ทำมาแล้ว เย่อกับปลาวาฬก็มี จับสายฟ้าแม่งใส่กุญแจมือ โยนฟ้าร้องเข้าซังเต แถมสัปดาห์ที่แล้ว ข้าพึ่งสังหารโหดก้อนหิน ทำก้อนกรวดให้เจ็บปวด เล่นก้อนอิฐจนแม่งต้องเข้าโรงบาล ข้าแม่งโคตรเลวจนขนาดยารักษาโรคยังป่วยเลย”
“I’ve done something new for this fight. I done wrestled with an alligator, I done tussled with a whale; handcuffed lightning, thrown thunder in jail; only last week, I murdered a rock, injured a stone, hospitalized a brick; I’m so mean I make medicine sick.”
อาลียังไปไฝว้นักชก Joe Frazier ซ้ำๆ ด้วยคำว่า ‘ไอ้ลิงกอริลล่า’ ทั้งช่วงเวลาฝึกซ้อม ให้สัมภาษณ์สื่อ และแม้กระทั้งระหว่างการชก ซึ่ง Joe Frazier ยังผูกใจเจ็บกับอาลีจวบจนวันสุดท้ายของชีวิต นักวิเคราะห์มองว่า เทคนิคของอาลีคือการทำลายสมาธิคู่แข่งด้วยการด่าเจ็บๆ และไร้ตรรกะที่ไม่ต่างจากเด็ก (แม้แฟนมวยเองก็ยังโกรธกับความปากเสียของอาลีที่บางครั้งเกินขอบเขตไปหน่อย) แต่ส่วนใหญ่อาลีล้วนประสบความสำเร็จในการด่าทอแบบเด็กๆ ไม่ต่างจากการที่คุณถูกล้อด้วยเรื่องงี่เง่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า คำดูถูกเป็นสิ่งเร้า (stimulus) อันมีประสิทธิภาพ เพราะทำให้คนถูกล้อนั้น ‘น็อตหลุด’ ได้ง่ายๆ แม้คุณจะฝึกซ้อมร่างกายมาดีแล้วก็ตาม เมื่อคุณอยู่ในภาวะเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน ‘คอติซอล’ (Cortisol) หรือฮอร์โมนเครียด ที่ไปปิดการทำงานของ ฮอร์โมนเพศชาย ‘เทสทอสเทอโรน’ (testosterone) ซึ่งกล้ามเนื้อของพวกเราใช้เพื่อการสู้หรือถอยหนี (fight or flight)
การยียวนของอาลีทำให้คู่ต่อสู้เสียสมาธิ และพยายามซัดอาลีเพื่อให้เขาหุบปากเสีย แต่นั่นเป็นเสมือนกับดักที่อาลีวางไว้ เพราะมวยที่แท้จริงต้องต่อยด้วยสมอง และเกมของอาลีคือทำให้คู่ต่อสู้เสียสติด้วยฝีปากของเขาตั้งแต่ก่อนชกเสียด้วยซ้ำ
โบยบินเหมือนผีเสื้อ Float like a Butterfly
จากความเชื่อเกือบศตวรรษว่ามวยรุ่นใหญ่อย่างเฮฟวี่เวทจะต้องช้าแต่หนักหน่วง แต่อาลีทำลายล้างทฤษฎีที่ว่านั้น (ไม่ต่างจากวงการบรรพชีวินที่เชื่อว่าไดโนเสาร์ต้องช้าและอุ้ยอ้ายนั้นล่ะ) อาลีพัฒนาสไตล์การชกให้แตกต่างจากนักมวยในรุ่นเฮฟวี่เวทคนอื่น ๆ เพราะเขาสามารถเต้นฟุตเวิร์คได้ตลอดเวลาอย่างสวยงามและมีลีลาฉับไวเหมือนมวยรุ่นเล็กๆ ไม่มีผิด
รองเท้ามวยของอาลีจึงประดับด้วยพู่สีแดงเล็กๆ เพื่อให้การเคลื่อนไหวของเขาพลิ้วไหวราวกับผีเสื้อที่กำลังโบยบิน และเป็นจุดกำหนดสายตาให้แฟนมวยจับจ้องฟุตเวิร์คอย่างเพลิดเพลิน อาลีเคยกล่าวติดตลกกับแฟนๆ ว่า “ผมฝึกโดยการปิดไฟในห้องนอน ผมถึงเตียงตั้งแต่ไฟห้องยังไม่ดับเลยด้วยซ้ำ” (นั้นคือความเร็วของมนุษย์เหรอ?) แต่ก็ดูจะไม่เกินเลยเมื่ออาลีในวัย 35 ปี สามารถหลบ 21 หมัดใน 10 วินาทีของ Michael Dokes ที่หนุ่มกว่าอาลีเกือบ 14 ปีได้ชนิดที่ปรอทเรียกพี่
สถิติความรวดเร็วของอาลีเคยมีบันทึกไว้ว่า เขาสามารถปล่อยหมัด 33 ถึง 35 หมัดในเวลา 11 วินาทีโดยความเร็วไม่ตกเลย (หรือเฉลี่ย 3.5 หมัดต่อวินาที) ในช่วงที่เขาฟิตที่สุด
อาลีเป็นคนที่เกลียดการเข้ายิมฯชนิดเข้าไส้ แต่เขาก็ไม่เคยผลัดวันประกันพรุ่ง อาลีต้องวิ่งระยะทาง 8 กิโลเมตร 5 ครั้งต่อสัปดาห์ และหากใกล้เวลาชก เขาจะต้องวิ่ง 10 วันติดโดยไม่เว้นวัน แต่เคล็ดลับอันแท้จริงที่ทำให้อาลีแตกต่างจากนักมวยเฮฟวี่เวทคนอื่นๆ คือการกระโดดเชือกอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง อาลีใช้เวลา 10 นาทีในการกระโดดเชือกในทุกๆ Session ของตารางซ้อม นั้นทำให้เอ็นข้อเท้ามีการสปริงตัวอยู่ตลอดเวลา พร้อมรับใช้เขาได้ทุกเมื่อ
ต่อยเจ็บเหมือนผึ้ง Sting Like a Bee
การปล่อยหมัดอย่างมีประสิทธิภาพทำให้คุณได้เปรียบ หมัดแย็บที่หนักหน่วงและรวดเร็วทำให้คุณตรึงคู่ต่อสู้ในตำแหน่งที่ดีที่สุด เมื่อเขาไร้ทางหนี หมัดตรงอันหนักหน่วงสร้างพลังหยุดเพียงพอให้ชนะ TKO หรือ KO อย่างสวยงาม
เราสามารถคำนวณแรงหมัดได้ด้วยหน่วยที่เรียกว่า นิวตัน (N) (ใช่! จากเซอร์ ไอแซค นิวตัน นั่นล่ะ) ยิ่งจำนวนนิวตันที่มากพลังหมัดของคุณก็จะมีพลังทำลายล้างเป็นทวีคูณ แรงต่อยของมวยสมัครเล่นมีแรงเฉลี่ยราว 2500 นิวตัน ถ้าคุณหนักซัก 70 กิโลกรัม คุณสามารถปล่อยแรงหมัดจากการยืนเฉยๆ ที่ 700 นิวตัน แต่หากจะเสริมแรงทำลายล้างมากกว่านั้นคุณต้องปล่อยหมัดที่ความเร็ว 60 มิลลิวินาทีหรือน้อยกว่า
มวยเป็นเรื่องของฟิสิกส์ ที่มีเรื่องโมเมนตัมและแรงดล (Momentum and Impulse) เกี่ยวข้องอยู่ตลอดเวลา ลองนึกภาพช้างโดนผูกกับจรวด สิ่งที่มีโมเมนตัมมาก มันก็จะยิ่งใหญ่เบิ้ม (ช้าง) และอะไรที่เร็วมันก็มักจะเล็ก (จรวด) คุณสามารถเพิ่มพลังหมัดของคุณด้วยการเลือกว่าจะเป็น ช้างหรือจรวด
แต่กีฬามวยคุณไม่อาจเพิ่มน้ำหนักได้เนื่องจากข้อจำกัดของน้ำหนักรุ่น (คุณเป็นช้างไม่ได้) แต่คุณสามารถเพิ่มมิติของความเร็วได้ ดังนั้นคุณต้องเป็นจรวดแทน ความเร็วในการออกหมัดจะทำให้คุณเป็นต่อ ซึ่งอาลีก็ใช้เทคนิคการเพิ่มสปีดนหมัดในการสร้างสถิติชนะน็อก 37 ครั้ง
ลองสำรวจร่างกายคุณดูซิ! กระดูกซี่โครงของมนุษย์ปกติสามารถรับแรงกระแทกได้ที่ 3,000 นิวตัน แต่หมัดของอาลีน่าจะมีพลังทำลายราว 4,467 นิวตัน! แน่นอนอาลีสามารถป่นกระดูกซี่โครงคุณให้เป็นผงได้ไม่ยาก
คู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจที่สุดคือสมอง
ฝีมือการชกของอาลีเสื่อมถอยลงเมื่ออายุได้ 42 ปี จนต้องแขวนนวมในปี 1981 เขาปรากฏอาการผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง หรือ ‘โรคพาร์กินสัน’ (Parkinson’s disease) ซึ่งกว่าจะได้รับการวินิจฉัยก็ล่วงเลยมากว่า 3 ปี ทักษะการพูดเริ่มเลวร้ายลง การเคลื่อนไหวเชื่องช้า กล้ามเนื้อแขนและขาล็อค ในระยะหลังอาลีเป็นคนหลับยากและมีอาการซึมเศร้าร่วมด้วย
มีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่ากรณีของอาลีน่าจะเกิดจากการสะสมของอาการสมองกระทบกระเทือน (Concussion) เป็นเวลานานจากกีฬาชกมวย แม้อาลีจะไม่ได้แพ้น็อคบ่อยในเส้นทางอาชีพ แต่สมองของเขาก็ยังเป็นอวัยวะอ่อนนุ่มถูกหล่ออยู่ในน้ำสมองภายในช่องกะโหลก แม้การถูกชกบ่อยๆ บริเวณหัวที่ไม่ดูหนักหนา แต่การทำซ้ำๆ ก็เหมือนการออมความเสี่ยงของโรคทางสมอง การควบคุมกล้ามเนื้อดึง (FIexion) กับกล้ามเนื้อดัน (Extension) ในสมองทำงานไม่ประสานกันทำให้อาลีสั่นตลอดเวลาและควบคุมร่างกายลำบากในการทำกิจกรรมง่ายๆ อย่างการกินข้าวก็ตาม
แม้อาลีจะจากเราไปแล้ว แต่ตำนานที่เขาสร้างไว้ก็ยากที่จะลบเลือน
ถ้าคุณจะแกร่งกว่าอาลี คุณต้องฝึกให้มากกว่าอาลี