ครั้งแรกที่เราฝึกขี่จักรยาน การล้มหน้าคะมำกลายเป็นด่านบังคับที่ต้องเจอ เราจำได้เสมอว่ากว่าจะทรงตัวได้ กว่าจะขี่ข้ามเนิน ใจเราตกไปตาตุ่มกันนับไม่ถ้วน แต่เมื่อเราก้าวข้ามจากการฝึก สู่สเต็ปขี่จักรยานเป็นแล้วนะ เรากลับอธิบายไม่ได้ว่าเราเป็นได้ยังไง สิ่งนี้เรียกว่า Muscle Memory ที่ปัจจุบันมันก็ยังไม่หายไปไหน ยังคงวนเวียนอยู่ในชีวิตเราเสมอ แม้จะเข้าวัยทำงานแล้วก็ตาม
เรายังคงเดินจากรถไฟฟ้าสถานีเดิมถึงออฟฟิศได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ต้องมองทางตลอด จับจังหวะได้ว่าต้องลงฟุตปาธตอนไหน หลบฝาท่อเมื่อไหร่ เลี้ยวซ้ายหนึ่งครั้ง ขวาอีกสองครั้งจากประตูออฟฟิศ ก่อนจะถึงโต๊ะทำงาน สิ่งเหล่านี้ก็ยังคงเป็นหนึ่งในคุณงามความดีของ Muscle Memory เช่นเคย
สืบสาวราวเรื่องลงไปให้ลึกกว่านั้น มันทำได้มากกว่าการนำทางจากรถไฟฟ้ามาถึงออฟฟิศ มันคือการที่เราฝึกอะไรแบบเป็นแล้วเป็นเลย อาจหลงลืมไปเมื่อไม่ได้ฝึกฝนเป็นเวลานาน แต่เมื่อได้ลงมือทำทุกอย่างลื่นไหลและกลับมาเป็นอีกครั้ง มาใช้เจ้า Muscle Memory ให้เป็นประโยชน์กับการชีวิต พร้อมลับคมให้มันยังใช้งานได้ดีอยู่เสมอ
Muscle Memory ที่ไม่ได้เกี่ยวกับ Muscle
เวลาเราจดจำ fact ความรู้รอบตัวใดๆ เราเรียกความจำประเภทนี้ว่า ‘Declarative Memory’ ส่วนเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เป็นความจำแบบ Episodic Memory เรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้รับรู้ความจำเหล่านี้มา เราอาจได้ fact มาจากการเรียนในห้องเรียน อาจได้เหตุการณ์สำคัญต่างๆ มาจากประสบการณ์ การใช้ชีวิต แต่สำหรับความจำในทักษะ พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ การทำอะไรเป็นหรือไม่เป็น มันจะแตกต่างออกไป
เวลาเราฝึกฝนทักษะ หรือหัดทำอะไรสักอย่าง พอเราทำเป็นแล้วเนี่ย ให้มาบอกว่าเราเป็นได้ยังไง เราเป็นจากขั้นตอนไหน มันก็ค่อนข้างจะอธิบายยากหน่อย เรารู้แค่ว่า ฝึกๆ ไป ก็เป็นเอง ส่วนหนึ่ง มันคือ Muscle Memory เป็นตัวเอกของเรื่องนี้
เราอยากอธิบายเรื่องซับซ้อนจากร่างกายให้ง่ายที่สุด จึงบอกได้ว่า Muscle Memory เกิดจากการทำซ้ำๆ แล้วจำได้ แบบไม่ต้องเริ่มใหม่ทุกครั้งที่ทำสิ่งนั้น แต่ไอ้ความจำได้นี้ ไม่ได้อยู่ที่กล้ามเนื้อเหมือนกับชื่อ แต่ความจำได้นั้น ยังคงอยู่ที่สมองส่วนความทรงจำอยู่ดี
ลองนึกภาพการเล่นกีตาร์เพลงแรกๆ กว่าจะเปลี่ยนคอร์ดได้ทันดั่งใจ มือไม่เคยยอมไปพร้อมกับความคิด แต่เมื่อฝึกซ้ำๆ ย้ำไปเรื่อยๆ มือของเราจะเปลี่ยนคอร์ดได้ทันโดยอัตโนมัติ ยิ่งฝึกมากเท่าไหร่ ยิ่งคล่องมากเท่านั้น หรือถ้าหากเราไม่ได้หยิบจับกีตาร์เสียนาน กลับมาเล่นอีกครั้ง อาจจะตะกุกตะกักในช่วงแรก แต่เมื่อความเคยชินกลับมา เราก็จะกลับมา เป็นอีกครั้ง โดยไม่ต้องเรียนรู้กันใหม่ สิ่งนี้คือตัวอย่างชัดๆ อีกที สำหรับ Muscle Memory
กลับมาทำกี่ครั้งก็ยังทำได้ดี
ทีนี้การเอา Muscle Memory มาใช้ในชีวิตประจำวัน หลักๆ คือเรื่องของการฝึกฝนทักษะ มันคือการทำอะไรซ้ำๆ จนกว่าจะจำได้ แต่ทว่า หากสิ่งที่เราทำอยู่มันผิดวิธีล่ะ มันจะเท่ากับว่าเราสร้างความจำผิดๆ ให้กับตัวเองหรือเปล่า? ไม่ต้องกังวลไป หากเราฝึกฝนทักษะแล้วมันยังไม่ถูกต้อง เราก็จะยังไม่เป็นอยู่อย่างนั้น เราก็ยังคงทำผิดไปเป็นร้อยครั้ง จนกว่าเราจะทำได้จริง สมองถึงจะจำว่าต้องทำแบบนี้นะ ถึงจะเรียกว่าทำเป็น
กว่าจะเกิด Muscle Memory มันก็ต้องอาศัยการทำซ้ำเป็นเวลานาน อย่ารีบร้อนให้ทุกอย่างเป็นในพริบตา ไม่เช่นนั้นเราอาจจะต้องทำสิ่งที่ผิดซ้ำๆ เป็นร้อยครั้ง โดยไม่เข้าใกล้คำว่าเป็นเสียทีก็ได้ พยายามให้เวลากับสิ่งที่ฝึกฝน ค่อยเป็นค่อยไป ให้แน่ใจว่าเรากำลังทำวิธีที่ถูก เพียงแต่ยังไม่คล่องเท่านั้น แล้วค่อยทำซ้ำจนกว่าจะคล่องไปเอง
ตอนที่เราห่างหายกิจกรรมใดไปนานๆ ต้องกลับมาทำอีกครั้งก็ต้องให้เวลาตัวเองเช่นกัน อย่าเพิ่งรีบร้อนให้กลับมาเป็นไวๆ เชื่อใน Muscle Memory ของตัวเองกันหน่อย
ใช้ Muscle Memory ยังไงให้เป็นประโยชน์
ประโยชน์ของมันค่อนข้างเอนเอียงไปทางฝึกฝนทักษะเสียมากกว่า แต่คนที่ไม่ได้มีเวลามาแทรกกิจกรรมอะไรเพิ่มอีกในหนึ่งวัน เราจะหาประโยชน์ที่เหมาะสมกับชาวออฟฟิศที่สุด นั่นคือ เอาไว้กำจัดจุดอ่อน
ในชีวิตเรา ชอบหลงลืมอะไรมั่ง ชอบทำอะไรที่ไม่ดีกับร่างกายบ้าง ลองให้ Muscle Memory เป็นตัวช่วยสิ ตัวอย่าง ใครที่ไม่ชอบดื่มน้ำ ถ้าจะบอกให้ดื่มแต่ละวันจนชิน ทำไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นทำไปนานแล้ว (โว้ย) งั้นลองเปลี่ยนมาเป็นเวลาที่เราใช้ Muscle Memory ขับเคลื่อนชีวิตอย่างตอนตื่นนอนสิ งัวเงีย เท้าแตะพื้น เดินไปห้องน้ำ เรากะระยะยังไงไม่ให้ชนนู่นนี่ ด้วย Muscle Memory น่ะสิ เอาคุณสมบัตินี้มาใช้กับจุดอ่อนของเราอย่างการดื่มน้ำได้เลย วางขวดน้ำไว้ใกล้ๆ ตื่นมาดื่มเลย แบบนี้ซ้ำๆ หลายๆ วัน หลังจากนี้ทุกเช้า เราจะเคยชินกับการตื่นมาแล้วควานหาขวดน้ำแน่นอน
ตัวอย่างของการดื่มน้ำตอนตื่น อาจจะเบาเกินไป สำหรับคนที่มีกิจกรรมชีวิตสุดจะชีวจิตอยู่แล้ว แต่อย่าลืมว่า Muscle Memory คือการฝึกฝนจนทำได้ มันใช้ได้กับทุกอย่างที่เรานึกออกนั่นแหละ ตั้งแต่การออกกำลังกายหลังเลิกงาน ฝึกใช้คีย์บอร์ดแต่ละประเภทให้คล่อง ถอด-ประกอบ Gadget ได้แบบไม่หลงลืมชิ้นส่วน และอีกมากมายตามแต่เราเลือกใช้ แต่ถ้าให้ง่ายและสนุก ลองเริ่มจากกำจัดจุดอ่อนของตัวเองก่อนนี่แหละ ท้าทายที่สุดแล้ว
อ้างอิงข้อมูลจาก