ความนิยมเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นสมาชิกครอบครัวกำลังเพิ่มสูงขึ้นในหลายประเทศ แต่ขณะเดียวกันสัตว์เลี้ยงจำนวนไม่น้อยก็ถูกปฏิบัติอย่างทารุณไร้เมตตา บ้างถูกทรมานร่างกาย หรือใช้เป็นเครื่องสังเวยในการพนันขันต่อโดยมนุษย์ที่เห็นแก่ตัว การกระทำผิดต่อสัตว์ในครอบครัวเพิ่มสูงขึ้นจนน่าวิตกกังวล
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางกฎหมายพยายามหาทางเล่นงานผู้กระทำผิด แต่กองพิสูจน์หลักฐาน (Forensic Investigation) กลับจนมุมหลายครั้ง เมื่อคดีเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงไม่สามารถสืบได้ด้วยกระบวนการพิสูจน์หลักฐานแบบปกติที่ร่ำเรียนมา จนผู้กระทำผิดหลุดคดีบ่อยครั้ง โดยสัตว์เลี้ยงเจ้าทุกข์ไม่ได้รับความเป็นธรรมแต่อย่างใด
ความยุติธรรมไม่ยอมให้ใครลอยนวลได้นาน เมื่อ ‘สัตวแพทย์’ กำลังเป็นที่ต้องการของกองสืบสวนคดี เพราะไม่มีใครเข้าใจธรรมชาติของสัตว์ได้ดีเท่าพวกเขาแล้ว
เหยื่อขนปุยที่ไร้เสียง
เราชอบอยู่ใกล้ๆ สัตว์ขนฟูน่ารักน่าชัง แต่ยังมีคนจำนวนไม่น้อยปฏิบัติต่อสัตว์เลี้ยงด้วยความทารุณ และพวกมันเป็นเหยื่อความรุนแรงโดยไม่เคยปริปากบ่น เสียงร้องโหยหวนมักไม่มีใครได้ยิน แม้เราจะอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงก็ไม่มีทางรู้เลยว่า พวกเขากระทำอะไรต่อสัตว์เลี้ยงบ้าง?
จากรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค CDC (Center for Disease Control and Prevention) พบว่าสัตว์เลี้ยงในบ้านเป็นเหยื่อของความรุนแรงหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การถูกทำร้ายร่างกาย มีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ ถูกกดขี่สภาพจิตใจด้วยสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย ขู่ด้วยอาวุธไม้ แซ่ หรือของมีคม ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากปัญหาการควบคุมอารมณ์ของผู้เลี้ยง แต่มาจากการพยายาม ‘ควบคุม’ สัตว์เลี้ยงของพวกเขาให้อยู่ในโอวาท ด้วยการใช้วิธีไม้แข็งเพื่อให้สัตว์หลาบจำ
ความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องที่พบเห็นในทุกมุมของสังคม มีเรื่องที่น่าสนใจว่าการพยายามแก้ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเด็กและผู้หญิงในบ้าน ช่วยให้สัตว์เลี้ยงรอดพ้นจากการเป็นเหยื่อด้วย แต่หากเราไม่มีกฎหมายที่รัดกุมพอ ผู้ที่เคยกระทำผิดก่อคดีความรุนแรงในครอบครัว ล้วนมีแนวโน้มลงมือซ้ำอีกถึง 80 เปอร์เซ็นต์
มีงานวิจัยแบบ Peer Reviewed เรื่องความเชื่อมโยงระหว่างความรุนแรงในครอบครัวทั้งกับมนุษย์และสัตว์เลี้ยงเผยแพร่หลายชิ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีการพูดถึงสัตว์เลี้ยงที่เป็นเหยื่อในความรุนแรงเลย แต่ในเวลาต่อมาผู้เชี่ยวชาญเห็นแนวโน้มว่ามันสอดคล้องและเป็นเหตุเป็นผลทีเดียว
- ผู้หญิงที่ถูกทุบตีโดยสามีหรือแฟนหนุ่ม ราว 49 – 71 เปอร์เซ็นต์ รายงานว่า สัตว์เลี้ยงของพวกเธอก็ถูกทุบตีและทารุณด้วยเช่นกัน (บางตัวก็ถูกฆ่าจากการที่พวกมันพยายามเข้าห้าม)
- ผู้หญิง 85 เปอร์เซ็นต์ ที่ขอความช่วยเหลือจากสถานสงเคราะห์ มักเล่าเหตุการณ์ที่สัตว์เลี้ยงถูกรังแกด้วย
- ผู้หญิงที่เคยมีประสบการณ์ถูกทำร้าย มีโอกาสที่สัตว์เลี้ยงจะถูกทำร้ายด้วยถึง 11 เท่า หากเทียบกับผู้หญิงทั่วไป
- งานวิจัยผู้หญิง 1,283 ราย ระบุว่าผู้ชายในบ้านมักใช้ความรุนแรงหลายวิธีการ เพื่อสั่งสอนเธอให้อยู่ในโอวาท และมีแนวโน้มจะใช้วิธีเดียวกันนี้กับสัตว์เลี้ยงด้วย
มีกรณีที่น่าสนใจเหตุการณ์หนึ่ง เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในปี 2015 สาวน้อยผิวสี Asha Stringfield ชาวนิวยอร์ก มักมีปากเสียงรุนแรงกับแฟนหนุ่มบ่อยครั้ง แต่ก็ถึงวันที่มันทะลุขีดจำกัด เมื่อแฟนหนุ่มอารมณ์ร้อนไม้ลงมือกับเธอถึงขั้นเลือดตกยางออกโดยการชกใบหน้าหลายหมัด (แฟนหนุ่มติดคดียาวเป็นหางว่าว จากคดีลักทรัพย์และใช้ความรุนแรง) จากนั้นพยายามรัดคอเธอให้ขาดอากาศ และคว้าปืนพกจ่อศีรษะเธอในระยะเผาขน
“บอกเหตุผลดีๆ มา 2 ข้อ ที่กูจะไม่ยิงมึง”
ในวินาทีที่ความเป็นความตายเท่ากัน สุนัขของหญิงสาวที่ชื่อ Honey พันธุ์พิทบูลอายุ 1 ปี กระโจนเข้างับชายหนุ่มจมเขี้ยวและมีการฉุดกระชากเกิดขึ้น แต่ในจังหวะที่แขนหลุดออกจากปากสุนัข ชายหนุ่มลั่นไกปืนในระยะเผาขนอัดใส่ปาก Honey กระสุนฝังในกะโหลก และเขาเผ่นหนีไปจากที่เกิดเหตุ
Honey สภาพชุ่มไปด้วยเลือดถูกหามส่งหน่วยงานป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ American Society for the Prevention of Cruelty to Animal (ASPCA) สัตวแพทย์ใช้เทคนิค X-ray กะโหลก พบเศษหัวกระสุนฝังเกือบถึงชั้นในสมอง แม้แพทย์สามารถช่วยชีวิต Honey ไว้ได้ แต่ไม่สามารถผ่าเอาหัวกระสุนออกได้ มันจึงต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังตลอดชีวิตของมัน โดยมีลูกตะกั่วฝังในหัว
กองพิสูจน์หลักฐานเก็บกู้ชิ้นส่วนความรุนแรงที่เกิดขึ้นในที่เกิดเหตุ จนสืบสาวไปยังแฟนหนุ่มผู้กระทำความผิดเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา หนุ่มเลือดร้อนมือปืนถูกพิพากษาจำคุก 5 ปีและติดตามความประพฤติ 20 ปี ซึ่งสำหรับหลายๆ คนยังมองว่าโทษค่อนข้างเบา และเป็นคดีอุกอาจเป็นภัยต่อสังคมอเมริกัน
ในประเทศไทยเองก็มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ อย่างกรณี
“โจรโหด ทำร้ายหมาปอม อาการสาหัส ทั้งตัดไข่ กรอกยาล้างห้องน้ำ”
สลด ยัดสุนัขใส่กระสอบตีด้วยไม้ติดตะปูเลือดท่วมทิ้งข้างทาง กู้ภัยเร่งช่วย
เผยรู้ตัว “ตำรวจ” ยิงหมาตายแล้ว อ้างถูกรุมกัด
เอาเป็นว่าคุณกดเข้าไปดู Link ข่าวเอาเองแล้วกัน
แม้เราจะมี พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดการสวัสดิภาพสัตว์ ฉบับแรกของประเทศไทย โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 ธันวาคม 2557 เป็นต้นไป ถือเป็น พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ฉบับแรกฉบับเดียวที่เคยมีก็ว่าได้ ซึ่งมีบทลงโทษตาม มาตรา ๓๑ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๐ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
แม้ยังมีความไม่ชัดเจนนักของข้อพิพาทระหว่างสุนัขจรจัดและการป้องกันตัวอยู่หลายครั้งหลายครา แต่ พ.ร.บ. ฉบับนี้เป็นตัวจุดกระแสให้สังคมหันมาจับสัญญาณความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงมากกว่าเดิม
สัตวแพทย์ พระเอกแห่งวงการ CSI เพื่อสัตว์เลี้ยง
แนวโน้มความรุนแรงในครอบครัวเกิดขึ้นสูง สอดคล้องกับความรุนแรงในสัตว์ แต่คดีที่เกิดกับสัตว์มักมีปัจจัยสภาพแวดล้อมแตกต่างกับมนุษย์ในหลายมิติ และต้องการผู้เชี่ยวชาญพิเศษในการไขคดี เพื่อหาหลักฐานมัดตัวผู้กระทำผิดให้แน่นไม่หลุด ในแต่ละวันมีคดีร้อนๆ เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงเดินหน้าเข้าศาลถี่ขึ้น จนกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเองก็เห็นแนวโน้มของเทรนด์ที่ไม่สู้ดีนัก
“สัตวแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ กำลังยื่นมือมาช่วยกระบวนการยุติธรรมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”
ผู้ช่วยผู้พิพากษาระดับอาวุโส Michelle Welch กล่าว ซึ่งทำหน้าที่พิพากษาคดีในรัฐเวอร์จิเนีย ตลอดการทำงาน 15 ปี เขาตัดสินคดีเกี่ยวกับความรุนแรงในสัตว์เลี้ยงกว่า 100 คดี จนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคดีสวัสดิภาพสัตว์
คดี ‘ไก่ชน’ เป็นอีกคดีที่เขาขอความช่วยเหลือไปยังสัตวแพทย์ท้องถิ่นในการสืบสวน เพื่อหาหลักฐานว่า ไก่ยังรู้สึกเจ็บปวดเสมอ เมื่อถูกเดือยเหล็กที่ติดอยู่กับขาไก่คู่ต่อสู้ทิ่มแทง จนหลักฐานมีความหนักแน่นพอ ถูกนำไปใช้ในการตัดสินคดีเอาผิดกับผู้เลี้ยงได้
การเก็บหลักฐานของสัตว์ก็ยังมีความแตกต่างกับของมนุษย์อยู่มาก เมื่อสัตว์เลี้ยงถูกฆาตกรรมก็ยังมีรูปแบบที่ไม่เหมือนกับมนุษย์ ทั้งเชิงกายภาพและจิตวิทยาของสัตว์แต่ละชนิดก็ยังแสดงออกอย่างเฉพาะเจาะจง บ่อยครั้งที่หน่วยพิสูจน์หลักฐานที่คุ้นชินกับคดีมนุษย์ จะมีการ ‘มองข้าม’ ร่องรอยเล็กๆ น้อยๆ ที่ตกหล่นในที่เกิดเหตุ
ขนสัตว์เมื่อถูกเฉือน ถอง หรือทุบ จะมีลักษณะขนที่ลู่ต่างกัน หางสัตว์เลี้ยงสามารถปัดให้เลือดกระเซ็นไปในทิศทางที่แปลกตาและน่างงงวย สัตว์พูดไม่ได้มันจึงแสดงออกผ่านทางร่างกายที่ต้องใช้การสังเกตและวิเคราะห์อย่างพิเศษ
สัตวแพทย์ที่มีความเข้าใจเรื่องการพิสูจน์หลักฐาน จะเห็นความแตกต่างแม้เพียงเล็กน้อยในสัญชาตญาณสัตว์ ก็รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงจากการแสดงออก หรืออาการบาดเจ็บที่ไม่แสดงออกอย่างเด่นชัด สายพันธุ์สัตว์เลี้ยง ภาวะขาดสารอาหาร ช่วงวินาทีสุดท้ายก่อนตาย ล้วนเป็นกุญแจสำคัญในการไขคดีสัตว์ที่มีความซับซ้อนในตัวเองสูง
คุณหลอกตาสัตวแพทย์ไม่ได้
มีกรณีการสอบสวนคดีครอบครัวหนึ่งในรัฐจอร์เจีย ที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์ ‘พิทบูล’ (Pitbull) จำนวน 6 ตัว โดยชาวบ้านในละแวกนั้นสงสัยว่า เลี้ยงเพื่อนำไปใช้ต่อสู้เชิงการพนัน สุนัขแต่ละตัวถูกล่ามไว้อย่างแน่นหนา ถังแกลลอนที่ทำเป็นที่ให้อาหารถูกทิ้งอย่างว่างเปล่า และน้ำในอ่างแข็งยะเยือก
หากมองจากสายตาคร่าวๆ พวกมันไม่ได้ผอมโซจนน่ารันทดนัก แทนที่จะล้มเลิกความตั้งใจในการเอาผิด ทีมสอบสวนคดีซึ่งมีสัตวแพทย์เป็นโต้โผในการทำคดี เริ่มวิเคราะห์หาร่องรอยของการต่อสู้ในสังเวียน รอยแผลเก่าและใหม่ที่เกิดขึ้น แผลที่เกิดมีการติดเชื้ออย่างไร แม้กระทั่งรอยกัดจากหมาตัวอื่นก็สามารถระบุได้ว่า มันเพิ่งถูกบังคับให้ลงสังเวียนไหนมาสดร้อนๆ แบบตัวๆ หรือ ‘หมาหมู่’ แม้พวกมันจะไม่ได้ผอมโซติดกระดูก แต่มีสัญญาณของอาการว่ามันเพิ่งได้รับอาหารปริมาณมากจนช็อกระบบการย่อยอาหาร ซึ่งเจ้าของพยายามขุนอย่างหนักก่อนทีมสอบสวนลงพื้นที่ ที่สำคัญพวกเขาขุดพบซากสุนัขที่ถูกแอบฝังไว้อีกหลายตัว สามารถสืบ DNA ความเป็นเครือญาติกับสุนัข 6 ตัวที่เลี้ยงอยู่
ปัจจัยละเอียดลอออย่างนี้ ก็ไม่สามารถตบตาสัตวแพทย์ที่เข้าใจธรรมชาติของสัตว์เลี้ยงได้ เป็นประโยชน์ต่อการทำสำนวนคดีเพื่อจับกุมและเอาผิดกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่พยายามกลบเกลื่อนหลักฐานต่างๆ เมื่อเป็นคดีสัตว์เลี้ยงหลักฐานทุกชิ้นในที่เกิดเหตุจะถูกวิเคราะห์ใหม่ในสายตาสัตวแพทย์ แท่งไม้ พรม หรือแม่กุญแจในบ้านอาจมีหลักฐาน DNA แฝงอยู่ ไม้อาจถูกใช้ทุบตีสุนัข และแม่กุญแจอาจใช้ถ่วงปลอกคอสุนัขเพื่อใช้ในการฝึกความอดทน
รอยเลือดที่ทิ้งในที่เกิดเหตุมีการกระจายอย่างพิสดารกว่ามนุษย์ สามารถบอกได้ถึงท่าทางการนั่งหรือยืนของสัตว์ชนิดนั้นๆ เลือดที่กระจายไปติดตามฝาผนังบ้าน บอกได้ว่าเจ้าสี่ขามีความสูงเท่าไหร่ ถูกทำร้ายด้วยอาวุธประเภทใด และกระแทกลงส่วนไหนในร่างกายพวกมัน ปกติสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมวล้วนยืน 4 ขา แต่ร่องรอยการยืน 2 ขา อาจเป็นสัญญาณว่าพวกมันกำลังต่อสู้หรือพยายามป้องกันตัวเองจากภัย ตามสัญชาตญาณพวกมันจะพยายามรักษาบาดแผลตัวเองด้วยการเลีย หรือลากสังขารเพื่อหลบหนี ร่องรอยของเลือดล้วนบอกสภาพทางกายภาพของสัตว์ได้อย่างละเอียดยิบหากผ่านสายตาสัตวแพทย์ที่เข้าใจพฤติกรรมสัตว์เลี้ยงได้เป็นอย่างดี
ใช้ความรู้เพื่อปกป้องเพื่อนร่วมโลกและตัวคุณเอง
แม้ปัจจุบันองค์ความรู้วิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าไปมาก แต่ความร้ายกาจของมนุษย์ก็ไม่ได้ลดหย่อนไปกว่ากัน มันเปลี่ยนรูปร่าง บิดเบือน ไปลงเอยกับเหยื่อที่ไม่มีทางสู้และซื่อสัตย์ต่อคุณอย่างหัวปักหัวปำ สัตว์เลี้ยงกำลังเป็นจำเลยที่ไม่มีปากไม่มีเสียง มันไม่สามารถเรียกร้องสิทธิได้ด้วยตัวเอง มนุษย์ที่เข้าใจหัวอกหัวใจของธรรมชาติเท่านั้นที่จะยื่นมือไปช่วยเหลือพวกมันได้
การหากระบวนการลดความรุนแรงในสัตว์ ยังส่งผลดีต่อการลดความรุนแรงในเด็ก ผู้หญิง และผู้สูงอายุได้ในเวลาเดียวกันอย่างมีนัยยะ
มันถึงเวลาที่เราต้องดูแลปัญหาอย่างครบวงจรโดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง แม้พวกเขาจะไม่ได้มีสถานภาพเป็นมนุษย์ก็ตาม
อ้างอิงข้อมูลจาก
Veterinary Forensics: Animal Cruelty Investigations, 2nd Edition