ใส่หน้ากากอนามัยกันมาข้ามปี คอนเสิร์ต งานแข่งกีฬา หรืองานเทศกาลถูกเลื่อน และยกเลิก แสนคิดถึงชีวิตก่อนมีโรคระบาด ที่เรายังไม่แน่ใจว่า จะมีการระบาดระลอกใหม่อีกไหม และเราต้องอยู่กับมันไปนานแค่ไหน ในเมื่อยังรอคอยวัคซีนอยู่
แต่กับบางประเทศ สถานการณ์ของการระบาดเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จนแทบไม่พบผู้ติดเชื้อ หรือแม้จะยังมีผู้ติดเชื้อ ก็สามารถคุมได้เพราะเร่งฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวาง จนเรียกได้ว่ามีการผ่อนคลายมาตรการ ข้อบังคับต่างๆ ทำให้ประชาชนเริ่มกลับมาทำกิจกรรม สังสรรค์รวมตัวกันแบบเดิม ก่อนที่จะมี COVID-19 ได้
The MATTER ขอชวนไปดู 3 ประเทศที่สถานการณ์โรคระบาดดีขึ้นว่า พวกเขามีการคลายล็อกอย่างไร ทำกิจกรรมอะไรกันได้แล้วบ้าง และมีแผนการรับมือ หรือฉีดวัคซีนกันอย่างไร
นิวซีแลนด์ – Free mask country! ไม่บังคับใส่หน้ากากอนามัย จัดคอนเสิร์ต งานสังสรรค์ และสั่งซื้อวัคซีนเพียงพอ
นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกยกว่ามีมาตรการป้องกัน COVID-19 ได้ดีอันดับต้นๆ ของโลก รวมถึงยังมีการจัดซื้อวัคซีนได้ดีเพียงพอสำหรับประชากรในประเทศ และเผื่อสำหรับหมู่เกาะรอบข้างด้วย โดยประชากรในประเทศเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้โดยไม่บังคับใส่หน้ากากอนามัย ทั้งยังสามารถรวมกลุ่ม สังสรรค์ และจัดแสดงคอนเสิร์ต หรืองานแข่งกีฬาที่มีคนเข้าร่วมหลายหมื่นได้แล้วด้วย
นิวซีแลนด์มีมาตรการป้องกัน COVID-19 ทั้งหมด 4 เลเวล จากเบาไปหนัก โดยตอนนี้ทั้งประเทศได้กลับมาอยู่ที่มาตรการป้องกันเลเวล 1 คือสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้เกือบจะเป็นปกติ แต่ต้องมีการป้องกันเรื่องความสะอาด ใส่หน้ากากอนามัยเวลาขึ้นขนส่งสาธารณะ หรือเครื่องบิน และยังควรเว้นระยะห่างทางสังคม
ถึงอย่างนั้น ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา นิวซีแลนด์ก็มีการจัดกิจกรรมสังสรรค์ เช่นปาร์ตี้บาร์บีคิวในวันชาติ ที่จาร์ซินดา อาร์เดิน นายกฯ ของประเทศเข้าร่วม และถ่ายคลิปบรรยากาศออกมาเผยแพร่ว่า ผู้เข้าร่วมงาน รวมถึงตัวเธอต่างร่วมกิจกรรมได้โดยไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัย ทั้งประชาชนเองต่างก็อัพเดทว่า พวกเขาไม่ต้องใส่หน้ากาก ไม่ต้องมีความกังวล เพียงแค่พยายามรักษาความสะอาดกันเท่านั้น และใช้แอพฯ แทรกกิ้งของรัฐบาล
ทั้งที่ผ่านมา นิวซีแลนด์ยังกลับมาจัดคอนเสิร์ตขนาดใหญ่อีกครั้ง ตั้งแต่เดือนมกราคม ที่มีคนเข้าร่วมมากถึง 20,000 คน โดยไม่ต้องใส่หน้ากาก หรือเว้นระยะห่างในงานด้วย ซึ่งหลังจากนั้นก็มีการจัดคอนเสิร์ตขนาดใหญ่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันด้วย ทั้งยังมีการร่วมเชียร์กีฬากันในที่ต่างๆ ทั้งบาร์ ร้านอาหาร หรือสนามกีฬา อย่างการแข่ง America’s Cup 2021 ที่มีชาวนิวซีแลนด์หลายหมื่นร่วมฉลองชัยชนะ
นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมโรค โดยตั้งแต่การระบาด ประเทศที่มีประชากรกว่า 4.9 ล้านคน มีการพบผู้ติดเชื้อเพียง 2,599 ราย โดยนิวซีแลนด์เริ่มฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และฉีดไปแล้วทั้งหมด 183,351 โดส โดยมีคนที่เข้ารับเข็มแรกแล้ว 140,580 โดส และเข็มที่สอง 42,771 โดส หรือประมาณ 0.87% ซึ่งนิวซีแลนด์มีแผนการตกลงสั่งซื้อวัคซีนจาก Pfizer กว่า 10 ล้านโดส ซึ่งจะเพียงพอต่อประชากรทั้งหมดของประเทศ และยังมีแผนจะฉีดให้ครบทั้งประเทศภายในปลายปีนี้ โดยอาร์เดิร์น ผู้นำนิวซีแลนด์ระบุถึงราคาของการสั่งซื้อวัคซีนทั้งหมดว่า “เป็นราคาที่ต่ำกว่าการปล่อยให้คนเสียชีวิต ในมุมของรัฐบาลถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่า”
อิสราเอล – ยกเลิกการบังคับใส่หน้ากากในที่สาธารณะ ฉีดวัคซีนเร็ว ฟื้นฟูเศรษฐกิจเร็วตาม
“รู้สึกแปลกๆ ที่ไม่ใส่หน้ากากเป็นครั้งแรก หลังจากใส่มาเป็นเวลานาน แต่มันเป็นความแปลกที่ดีมากๆ ” นี่คือคำพูดของชาวอิสราเอล หลังประเทศยกเลิกมาตรการบังคับให้ใส่หน้ากากที่มาเกือบ 1 ปี เมื่อจำนวนประชากรมากกว่าครึ่งของประเทศได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วน กระทรวงสาธารณสุขจึงประกาศว่าไม่จำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัยในพื้นที่กลางแจ้งอีกต่อไป แต่ถึงอย่างนั้นชาวอิสราเอลก็ยังคงต้องใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะในร่ม เช่น ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และสถานที่ทางศาสนาด้วย
อิสราเอลเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการฉีดวัคซีนรวดเร็วที่สุดในโลก ด้วยการฉีด 10,341,133 โดส หรือคิดเป็น 60% ของทั้งประเทศ ซึ่งผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วนั้น ก็มีถึง 56% ทั้งหลังจากเริ่มฉีดวัคซีน เคสผู้ติดเชื้อจากที่เคยสูงถึง 9,000 รายในช่วงต้นปี ลดมาเหลือเพียงวันละร้อยกว่ารายในเดือนเมษายนนี้ โดยผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านโรคระบาดกล่าวว่า อิสราเอลอาจถึงระดับ “ภูมิคุ้มกันของหมู่” และสามารถบรรเทาการแพร่เชื้อได้เร็วๆ นี้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้น แม้จะเป็นผู้นำโลกในเรื่องการฉีดวัคซีน แต่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูก็ยังกล่าวว่า “เรายังแก้ปัญหา COVID-19 ไม่เสร็จ และมันอาจกลับมาได้อีก”
นอกจากการยกเลิกข้อบังคับการสวมหน้ากาก ยังมีการเปิดพื้นที่เศรษฐกิจ และให้ชาวอิสราเอลได้รวมตัวในช่วงวันหยุดของประเทศ ทั้งคณะรัฐมนตรียังประกาศเปิดโรงเรียน ให้นักเรียนตั้งแต่อนุบาลกลับมาเรียนที่โรงเรียนได้อีกครั้ง รวมถึงเมื่อต้นเดือนเมษายน ยังมีการผ่อนคลายมาตรการรวมตัว เพิ่มจำนวนประชาชนในการรวมกลุ่มในพื้นที่สาธารณะ และเพิ่มความจุของสนามกีฬา โรงละคร พื้นที่ต่างๆ
ไม่เพียงแค่ชีวิตประจำวันที่เริ่มกลับมาเป็นปกติมากขึ้น แต่การฉีดวัคซีนที่รวดเร็วในอิสราเอล ยังส่งผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศด้วย โดยก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์ว่าอิสราเอลจะฟื้นฟูประเทศได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ ที่ยังฉีดวัคซีนไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่ธนาคารกลางอิสราเอล มองว่าเศรษฐกิจของประเทศจะโตขึ้นถึง 6.3% ในปีนี้ และอีก 5.8% ในปี 2022 ทั้ง ดัชนี TA-35 ของอิสราเอลซึ่งเป็นดัชนีมาตรฐานของตลาดหลักทรัพย์เทลอาวีฟยังเพิ่มขึ้น 8.5% นับตั้งแต่การเริ่มต้นฉีดวัคซีนในเดือนธันวาคมด้วย
คริสตินา ฮูปเปอร์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดระดับโลกของ Invesco มองว่า “การ Reopen ของอิสราเอลเป็นการพิสูจน์แล้วว่าการฉีดวัคซีนนำไปสู่กิจกรรมของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น และพวกเขาก็ยังไม่พบการติดเชื้อโควิด -19 ระลอกใหม่อีก ซึ่งเธอมองว่าการฟื้นตัวแบบนี้ จะเป็นสิ่งที่คาดหวังได้ในประเทศที่ฉีดวัคซีนให้ประชากรในวงกว้างแล้ว อย่างสหรัฐฯ หรืออังกฤษ ที่เป็นรองอิสราเอลมาในเรื่องความเร็วของการฉีดวัคซีน
ออสเตรเลีย (*บางรัฐ) – เต้นได้ ร้องเพลงได้ ชุมนุมได้ มีงานเทศกาลขนาดใหญ่ได้แล้ว
หลังจากที่ปิดพรมแดนมาอย่างยาวนาน และเริ่มที่จะควบคุมสถานการณ์ COVID-19 ได้ ออสเตรเลียได้ยกเลิกการล็อกดาวน์ และในบางส่วนของประเทศก็กลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนปกติแล้ว โดยสามารถไปห้าง ร้านคาเฟ่ หรือสถานที่ต่างๆ ได้ ตามคำแนะนำของรัฐบาล แต่บางรัฐเองอย่างนิวเซาท์เวลส์ เมื่อปลายเดือนมีนาคมรัฐบาลของรัฐก็ได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการทางสังคมครั้งใหญ่ด้วย
โดยในปัจจุบัน ประชาชนในรัฐนิวเซาท์เวลส์ไม่ถูกบังคับให้สวมใส่หน้ากากอนามัยระหว่างเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะอีกต่อไป (เปลี่ยนเป็นแค่ ‘แนะนำให้ใส่’ แทน) ทั้งยังจัดกิจกรรมต่างๆ ที่มีการรวมกลุ่มกันได้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว เช่น ไม่จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงานแต่งงาน หรืองานศพ สามารถร้องเพลง หรือเต้นรำได้ทุกที่ อนุญาตให้มีการรวมกลุ่ม 200 คน ในการชุมนุมในที่สาธารณะได้ ไม่จำกัดจำนวนผู้มาเยี่ยมบ้าน สถานบันเทิงอย่างสนามกีฬา หรือโรงละคร สามารถจุคนได้ 100% แต่ถึงอย่างนั้นประชาชนในรัฐนี้ยังคงต้องเช็กอินตามสถานที่ต่างๆ ด้วย
ซึ่งหลังการผ่อนคลายมาตรการ ที่ซิดนีย์ก็ได้จัดงานเทศกาล Sydney Royal Easter Show 2021 ซึ่งเป็นงานประจำปี ที่มีคนเข้าร่วมในแต่ละวันถึง 60,000 คน โดยประชาชนต่างก็ไม่ได้สวมหน้ากาก เล่นเครื่องเล่น ชมการแข่งขันต่างๆ แต่พบว่าไม่มีผู้ติดเชื้อใดๆ จากงานนี้ด้วย
พรีเมียร์ หรือนายกฯ ของรัฐกล่าวว่านี่เป็นความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งนอกจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแนวหน้าแล้ว ก็กำลังเดินหน้าฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ อย่างผู้ที่ทำงานในโรงแรม และสถานที่กักกัน ซึ่งส่วนใหญ่เริ่มได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสแล้ว “ดังนั้นทุกวันที่เราก้าวไปข้างหน้าความเสี่ยงก็จะลดลง” เธอกล่าว
นอกจากนิวเซาท์เวลส์แล้ว รัฐอื่นๆ เช่นแคนเบอร่า ก็มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เช่นกัน เช่นสามารถรวมตัวในที่สาธารณะได้ โรงหนัง สถานบันเทิงที่ปฏิบัติตามระเบียบสามารถเปิดจองตั๋วได้ 100% หรือสามารถเต้นได้ในผับ และร้านอาหาร โดยมีระยะห่างของพื้นที่ที่กำหนด เป็นต้น โดยรัฐมนตรีสาธารณสุขของออสเตรเลีย เกรก ฮันท์กล่าวว่ารัฐบาลมีแผนที่เร่งทำสองอย่าง คือโปรแกรมการฉีดวัคซีน และการเปิดประเทศใหม่ แต่ต้องเป็นไปด้วยวิธีที่ปลอดภัย เพื่อปกป้องชาวออสเตรเลียด้วย โดยล่าสุดออสเตรเลียได้ประกาศเปิด Travel Bubble กับนิวซีแลนด์ ที่สามารถบินไปมาระหว่างกันโดยไม่ต้องกักตัวด้วย
ออสเตรเลียฉีดวัคซีนให้ประชากรในประเทศไปแล้ว 1,653,286 โดส คิดเป็น 6.4% ของทั้งประเทศ (ไม่มีรายงานเรื่องจำนวนเข็มแรก และเข็มที่สอง) โดยตอนนี้อยู่ในเฟสที่ 1a และ 1b ในการให้วัคซีนแก่เจ้าหน้าสาธารณสุขแนวหน้า คนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรค และสถานเลี้ยงดูผู้สูงวัย ไปถึงผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 70 ปี และผู้ที่ตรงเงื่อนไข เข้ารับการฉีดได้
อ้างอิงจาก