ตอนนี้ได้ผ่านมาครึ่งทางของรัฐบาล 4 เดือน นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ตาม ‘MOU ภูมิใจไทย-ประชาชน’ พรรคการเมืองทั้งหลายต่างเตรียมพร้อมเพื่อลงสนามเลือกตั้งที่จะมาถึงเร็วๆ นี้ โดยมีให้เห็นตั้งแต่การเปิดรับสมัคร สส. และการเปิดโผแคนดิเดตพรรคต่างๆ
ล่าสุด 2 พรรคที่มีการเคลื่อนไหวชัดเจนสำหรับคนที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนต่อไปมากที่สุด คือ พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน ซึ่งมีการประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
แล้วแคนดิเดตแต่ละพรรคเป็นใคร? เคยทำอะไรมาบ้าง? The MATTER รวบรวมมาให้ทุกคนได้รู้จักกันแล้วในบทความนี้
รู้จัก 3 แคนดิเดต ‘พรรคภูมิใจไทย’
19 พฤศจิกายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า พรรคภูมิใจไทยได้วางแคนดิเดตนายกฯ ไว้ 3 คน ได้แก่ อนุทิน ชาญวีรกูล, เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ และ ศุภจี สุธรรมพันธุ์

ภาพ อนุทิน ชาญวีรกูล
เริ่มจาก อนุทิน ชาญวีรกูล อายุ 59 ปี ปัจจุบันเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 และ รมต.มหาดไทย เป็นที่รู้จักดีในหน้าการเมืองไทย ซึ่งมีประสบการณ์อย่างยาวนานตั้งแต่สมัยอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร (พ.ศ. 2547 – 2549) ซึ่งอนุทินเป็น รมช.สาธารณสุข และ รมช.พาณิชย์ ก่อนพรรคไทยรักไทยจะถูกตัดสินยุบพรรคไป ทำให้เขาถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี
จากนั้น อนุทินได้มาร่วมกับ ‘พรรคภูมิใจไทย’ ในปี 2555 และได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคต่อจาก ชวรัตน์ ชาญวีรกูล ก่อนจะได้รับการเลือกตั้งเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ในปี 2562 และ 2566 พร้อมการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ อนุทินได้รับหน้าที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีควบ รมต.สาธารณสุข ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการจัดการปัญหาและรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในสมัยรัฐบาล ประยุทธ์ จันทร์โอชา และตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีควบ รมต.มหาดไทย ในรัฐบาลเพื่อไทยปี 2566-2567 ก่อนจะได้รับเสียงโหวตในสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ในปี 2568
ก่อนลงสนามการเมือง อนุทินได้ผ่านประสบการณ์การบริหารงานจากการรับหน้าที่เป็น ‘ผู้จัดการทั่วไป’ ของ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และ บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด
โดยเขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮอฟสตรา สหรัฐอเมริกา ก่อนจะศึกษา Mini MBA จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ภาพ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
ถัดมาที่ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อายุ 54 ปี รองนายกรัฐมนตรี และ รมต.การคลัง ผู้ถูกจับตามองว่าเป็นมือเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งแม้ไม่มีประวัติผลงานทางการเมืองโชกโชนอย่างอนุทิน แต่ก็ได้ถูกเสนอชื่อเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ คนต่อไปของภูมิใจไทย
ทั้งนี้ เอกนิติได้มีประสบการณ์ทำงานด้านบริหารและการจัดการมากมาย ผ่านการเป็น ‘ประธานกรรมการ’ หลายแห่ง ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)
นอกจากนั้น เขายังมีความรู้และประสบการณ์ด้านเศรษฐศาสตร์และการคลัง จากการเรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนจบการศึกษาในระดับปริญญาโท-เอกจากสหรัฐอเมริกา คือ การศึกษานโยบายเศรษฐกิจ จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ และเศรษฐศาสตร์มหภาคและการเงินระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยบัณฑิตแคลร์มอนต์ ตามลำดับ
สุดท้ายนี้ เอกนิติเคยมีประสบการณ์ทำงานในกระทรวงการคลัง คือ เป็นผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ปี 2558, อธิบดีกรมสรรพสามิต ปี 2565 และอธิบดีกรมธนารักษ์ ปี 2567

ภาพ ศุภจี สุธรรมพันธุ์
แคนดิเดตคนสุดท้ายของพรรคภูมิใจไทย คือ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ อายุ 61 ปี รมต.พาณิชย์ ผู้สร้างความฮือฮาให้สังคมตั้งแต่ถูกดึงตัวมาร่วมเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล 4 เดือนของอนุทิน
ศุภจีเป็นที่รู้จักจากการเป็นกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) และเป็นผู้ผลักดัน ‘Repositioning Dusit’ แผนปรับภาพลักษณ์ของดุสิตในการสร้างกลยุทธ์ยกระดับแบรนด์ให้ทันสมัยและเป็นสากลมากขึ้น
นอกจากนั้น ศุภจียังเคยเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติยักษ์ใหญ่อย่าง IBM ASEAN ซึ่งเธอทำงานกับ IBM มายาวนานกว่า 20 ปี พร้อมประการณ์การเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพลิกฟื้นองค์กรจากภาวะขาดทุน
โดยศุภจีจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาการเงินและการบัญชีต่างประเทศ มหาวิทยาลัยนอร์ทรอป สหรัฐอเมริกา
สุดท้ายนี้ การส่งแคนดิเดตนายกฯ ครบทั้ง 3 คนนี้ นับเป็นสัญญาณประกาศว่าพรรคภูมิใจไทยกำลังเตรียมเป็น ‘หัวแถว’ ในสนามเลือกตั้งครั้งถัดไป เพราะนอกจากการดึงผู้มากประสบการณ์มาเป็นแคนดิเดตแล้ว ยังมีบ้านใหญ่หันมาซบภูมิใจไทย เช่น วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา, สนธยา-วิทยา คุณปลื้ม และ สุชาติ ชมกลิ่น สองบ้านใหญ่จากชลบุรี
รู้จัก 3 แคนดิเดต ‘พรรคประชาชน’
ถัดมาที่ ‘พรรคประชาชน’ หรือ ‘อดีตพรรคก้าวไกล’ พรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนมากที่สุดในการเลือกตั้ง 2566 แต่ด้วยกติกาที่เขียนขึ้นผ่านบทเฉพาะกาล รัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งต้องรวมเสียง สส. และ สว. ในการเลือกนายกฯ ทำให้พรรคก้าวไกลนำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่สามารถตัดตั้งรัฐบาลได้
ซ้ำที่ประชุมรัฐสภายังมีมติว่า ไม่สามารถเสนอชื่อพิธาเป็นนายกฯ ซ้ำได้ โดยอ้างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 รวมถึงเหตุพรรคก้าวไกลถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค พร้อมเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี ในเดือนสิงหาคม 2567
เหล่านี้ทำให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไพ่ตายหนึ่งเดียวของพรรคก้าวไกล หมดโอกาสได้รับเลือกเป็นนายกฯ ตลอดสมัยการเลือกตั้ง 2566 ทั้งที่มีการโหวตนายกฯ หลังจากนั้นอีก 3 ครั้ง และเป็นการลดโอกาสที่พรรคประชาชนในปัจจุบันจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลด้วย
กระนั้น 23 พฤศจิกายน 2568 พรรคประชาชนได้แก้เกมสำหรับการเลือกตั้งที่จะถึงเร็วๆ นี้ ด้วยการส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครบทั้ง 3 คนตามที่รัฐธรรมนูญระบุไว้ พร้อมกำหนด ‘ลำดับ’ แคนดิเดตนายกฯ อย่างชัดเจน ได้แก่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, ศิริกัญญา ตันสกุล และ วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร

ภาพ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
ลำดับที่ 1 คือ เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ อายุ 38 ปี หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านคนปัจจุบัน
ณัฐพงษ์ก้าวเข้าสู่วงการการเมืองตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็น สส.กรุงเทพมหานคร พรรคอนาคตใหม่ และเป็น สส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้งปี 2566
จากนั้น สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ณัฐพงษ์จึงได้รับเลือกจากที่ประชุมวิสามัญพรรคประชาชน ให้เป็นหัวหน้าพรรคประชาชน ซึ่งควบการเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรสมัยปัจจุบัน
นอกจากตำแหน่งในสภาแล้ว ณัฐพงษ์ยังขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน ‘ดิจิทัล’ ประจำพรรค โดยเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่ม ‘ก้าว Geek’ และผู้ผลักดันการปฏิรูประบบงบประมาณและการกำหนดนโยบายผ่านการใช้ข้อมูล (Data-driven) คือ นำนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้ในภาครัฐ เพื่อส่งเสริมความโปร่งใสและระบบธรรมาภิบาลที่ดีขึ้น
โดยทำให้ข้อมูลงบประมาณแผ่นดินที่ซับซ้อน เข้าถึงยาก มาอยู่ในรูปแบบข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ต่อได้เลย (Machine-readable) เพื่อให้การตรวจสอบงบประมาณแผ่นดินสามารถทำได้อย่างสะดวกต่อหน่วยงานรัฐ ผู้ทำงานการเมือง และประชาชน
ทั้งนี้ ณัฐพงษ์ได้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมีประสบการณ์เป็นผู้บริหาร Absolute Management Solutions Co.

ภาพ ศิริกัญญา ตันสกุล
ลำดับที่ 2 คือ ไหม-ศิริกัญญา ตันสกุล อายุ 44 ปี รองหัวหน้าพรรคประชาชน เป็นที่รู้จักกันในการขับเคลื่อนนโยบายและเศรษฐศาสตร์
ศิริกัญญาเป็นอดีตผู้อำนวยการฝ่ายนโยบาย ของพรรคอนาคตใหม่ และได้รับการเลือกตั้งเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ในปี 2562 ก่อนได้รับเลือกเป็นรองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล สำหรับการเลือกตั้งปี 2566 และเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในปัจจุบัน
ผลงานที่โดดเด่นของศิริกัญญา คือ การตรวจสอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาลตั้งแต่ปี 2562 พร้อมวิเคราะห์และเสนอแนะแนวนโยบายทางการคลังต่อสาธารณะ
ก่อนเข้าสนามการเมือง ศิริกัญญามีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษาอาวุโส บริษัทที่ปรึกษาด้านการเงินและยุทธศาสตร์, ผู้จัดการฝ่ายวิจัย สถาบันอนาคตไทยศึกษา และนักวิจัย ประจำสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)
โดยศิริกัญญาจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี-โทจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศึกษาต่อปริญญาโท สาขา Economics, Market and Organization จาก Toulouse School of Economics ประเทศฝรั่งเศส

ภาพ วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร
คนสุดท้าย คือ วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร อายุ 46 ปี รองหัวหน้าพรรคประชาชน นักยุทธศาสตร์การพัฒนา หนึ่งในทีมนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคประชาชน
วีระยุทธเป็น ‘ทีมหลังบ้าน’ คนสำคัญของพรรคประชาชน โดยที่ผ่านมาเขาเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายเศรษฐกิจให้กับพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ซึ่งเปิดตัวเป็น 1 ใน 7 สมาชิกทีมเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้ง 2566
หลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา วีระยุทธดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร และทำงานในคณะกรรมาธิการหลายชุด ได้แก่ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายปี 2567-2568, อนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางรับมือผลกระทบของสงครามการค้า และรองประธาน คณะอนุกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า
ก่อนหน้านี้ วีระยุทธเป็นอาจารย์ที่ National Graduate Institute for Policy Studies (GRIPS) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทางด้านนโยบายสาธารณะ แห่งกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา 11 ปี โดยสอนและทำวิจัยด้านนโยบายอุตสาหกรรม กับดักรายได้ปานกลาง ซัพพลายเชนการผลิตข้ามชาติ
นอกจากนั้น ยังมีประสบการณ์ทำงานกับหน่วยงานระหว่างประเทศ เช่น Overseas Development Institute (ODI) ลอนดอน รวมถึง IMF, UNCTAD, United Nations ESCAP และเป็นผู้เขียนหนังสือ ‘เศรษฐกิจสามสี: เศรษฐกิจแห่งอนาคต’
วีระยุทธจบการศึกษาระดับปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ และปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนไปเรียนต่อปริญญาโท-เอก ด้านเศรษฐศาสตร์การพัฒนา มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ
เมื่อพิจารณาแคนดิเดตจากพรรคภูมิใจไทยและประชาชนแล้ว จะเห็นได้ว่า ทั้งสองพรรคเริ่มให้ความสำคัญกับนโยบายและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ผ่านการดึงผู้มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 6 คน ก็เป็นเพียงตัวแทนจากพรรคการเมืองเพียง 2 พรรคเท่านั้น จึงต้องติดตามกันต่อไปว่าพรรคการเมืองอื่นๆ จะใช้หยิบใครมาเสนอเป็นแคนดิเดตของเพื่อร่วมชิงตำแหน่งผู้นำประเทศในการเลือกตั้งที่จะมาถึงเร็วๆ นี้