“คิดสิคิดสิ คาปูชิโน เอสเพรสโซ อาราบิกา โรบัสตา อะไรดีนะ มอคคา ซุปเปอร์ริช อย่าคิดนาน” เพลงติดหูช่วงนี้จะเป็นอะไรไปได้ นอกจากเมนูกาแฟที่หญิงลีแนะนำ สำหรับคนที่กำลังอกหักแล้วอยากมูฟออนได้ อยากตาสว่างแค่ไหน จิ้มเอาได้เลย
คาปูชิโน (Cappuccino)
ระดับความตาสว่าง OOOO
คาปูชิโนจะมีการแยกชั้นที่ชัดเจน ชั้นของกาแฟ นม และฟองนมหนานุ่ม เริ่มด้วยชั้นแรกที่จะใช้เอสเพรสโซหนึ่งหรือสองช็อต แล้วแต่ความเข้มที่อยากได้ ตามด้วยนม และปิดหน้าด้วยฟองนมนุ่มฟูจำนวนมาก เสิร์ฟในแก้วใบเล็ก
แม้ชื่อกาแฟส่วนใหญ่ที่เราเคยได้ยินกันจะเป็นภาษาอิตาเลียน และเกี่ยวข้องกับกรรมวิธีการทำกาแฟ แต่สำหรับคาปูชิโนนั้นแหวกแนวเพื่อนเขาหมดเลย เพราะคำว่าคาปูชิโน มาจากกลุ่มนักบวชที่ชอบดื่มกาแฟ พวกเขาเรียกตัวเองว่า กลุ่มคาปูชิน ใส่ฮู้ดคลุมศีรษะสีน้ำตาลคล้ายกาแฟที่เรียกว่า คาปูโช
ตามเรื่องเล่าก็ว่ากันว่า คาปูชิโนถูกคิดค้นที่เมืองเนเปิลส์ โดยเหล่านักบวชต้มนมแพะด้วยไอน้ำ เทฟองนมปิดหน้ากาแฟ ซึ่งชื่อคาปูชิโนนั้นก็อาจจะมาจากชื่อเรียกฮู้ดที่พวกเขาสวมใส่ หรืออีกเรื่องเล่าหนึ่งก็ว่ากันว่าฟองนมด้านบนนั้นมีวงแหวนสีน้ำตาล ดูไปดูมาก็คล้ายกับทรงผมของนักบวชที่ต้องโกนผมบริเวณกลางกระหม่อมเป็นวง
เอสเพรสโซ (Espresso)
ระดับความตาสว่าง OOOOO
อย่างที่เล่าไปเมื่อกี้ว่า ชื่อกาแฟส่วนใหญ่มักจะมาจากกรรมวิธีการทำ เอสเพรสโซก็เป็นหนึ่งในนั้น เอสเพรสโซ คือ ชื่อที่ใช้เรียกกาแฟร้อนที่ถูกกดออกมาจากเมล็ดกาแฟบดละเอียดด้วยความรวดเร็ว เอสเพรสโซก็เป็นเหมือนสารตั้งต้นสำหรับกาแฟเมนูอื่นด้วย ไม่ว่าจะเลือกคาปูชิโน ลาเต้ มอคคา มัคคิอาโต เราจะได้เจอกับเอสเพรสโซในนั้น
ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ทุกคนล้วนตื่นเต้นกับไอน้ำ การต้มกาแฟด้วยไอน้ำก็แพร่หลายมากทีเดียว แต่ว่ากันว่ารสชาติกาแฟที่ได้ออกมานั้นแย่มาก เพราะเป็นเรื่องของอุณหภูมิที่สูงเกินจุดเดือดไป เครื่องชงกาแฟที่ใช้ไอน้ำดันน้ำร้อนออกมาผ่านเมล็ดกาแฟบดละเอียด และเครื่องชงสามารถชงกาแฟได้หลายแก้วในเวลาอันสั้น สมกับชื่อที่แปลว่า เร็ว แต่เอสเพรสโซจากเครื่องชงก็ไม่ได้รับความนิยมรวดเร็วอย่างชื่อ เพราะใช้เวลากว่า 80 ปี กว่าเครื่องจะพัฒนาไปให้ชงกาแฟได้คุณภาพดีขึ้นและเป็นที่นิยมไปทั่วโลก
เอสเพรสโซในบ้านเราก็มีการพัฒนาไปเป็นเอสเย็น ที่แม้ว่าแต่ก่อนจะมีการถกเถียงกันว่ามันไม่มีอยู่จริง เอสเพรสโซต้องเป็นกาแฟร้อนเท่านั้นสิ แต่อาหารก็ดิ้นได้เหมือนภาษานั่นแหละ ปัจจุบันเมนูเอสเย็นกลายเป็นเมนูที่มีการแข่งขันชงแบบจริงจังอย่าง World Es Yenn Championship ที่เป็นการแข่งชงกาแฟเย็นรสชาติหวานมันแบบบ้านเราเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะมีเรื่องของอุณหภูมิน้ำ สัดส่วนของนมแต่ละประเภทที่ใช้ และการแข่งขันนี้ก็จัดขึ้นเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมการกินกาแฟนมหวานมันอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเราให้ชาวโลกได้รับรู้
อาราบิกา (Arabica)
ระดับความตาสว่าง –
อาราบิกา เป็นชื่อสายพันธุ์ของกาแฟที่เก่าแก่และเป็นที่นิยมทั่วโลก เป็นสายพันธุ์ที่ปลูกค่อนข้างยากและต้องอาศัยการดูแล ซึ่งจะมีแยกย่อยไปหลายชนิดอีก แต่ละชนิดก็จะมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง กลิ่นของเมล็ดจะมีความเบอร์รี่ และเมื่อผ่านการคั่ว จะมีกลิ่นพิเศษที่ชัดเจน บางครั้งก็เป็นผลไม้ ดอกไม้ ช็อกโกแลต เครื่องเทศ แล้วแต่สายพันธุ์ ประเทศที่ปลูก กรรมวิธีการผลิต และปัจจัยอื่นๆ ประกอบ
โรบัสตา (Robusta)
ระดับความตาสว่าง –
โรบัสตา ก็เป็นชื่อสายพันธุ์ของกาแฟเช่นกัน แต่เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมรองลงมาจากอาราบิกา ปลูกง่ายและดูแลง่าย มักปลูกกันในประเทศเขตร้อนชื้น รสชาติของกาแฟที่ได้จากเมล็ดกาแฟสายพันธุ์นี้จะมีความเข้ม ขม มีคาเฟอีนสูง นิยมนำมาทำเป็นกาแฟผงสำเร็จรูปมากกว่า
มอคคา (Mocha)
ระดับความตาสว่าง OO
มอคคาเป็นเมนูกาแฟที่มีความเป็นของหวานเล็กน้อย ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมนูบิเชรินของอิตาลี บิเชรินเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาแฟ ช็อกโกแลต และครีม ที่เป็นที่นิยมมากในเมืองตูริน ซึ่งตอนแรกเครื่องดื่มนี้มีชื่อว่าบาวาเรเชีย แต่ร้านกาแฟ Caffè al Bicerin ทำให้มันโด่งดังจนผู้คนจดจำชื่อเมนูนี้เปลี่ยนไปในที่สุด
มอคคาส่วนใหญ่จะใช้เอสเพรสโซ ตามด้วยช็อกโกแลตร้อน และปิดท้ายด้วยนม หรือบางร้านก็จะเป็นเอสเพรสโซและตามด้วยนมที่ปรุงด้วยผงโกโก้หรือช็อกโกแลตไซรัป เกิดเป็นรสชาติหวานขมที่ลงตัว และแต่ละร้านจะมีการตกแต่งเมนูมอคคาที่แตกต่างกันไป บางร้านก็เพิ่มวิปครีมและซอสช็อกโกแลต บางร้านก็โรยผงซินนามอนเพิ่มกลิ่นหอม หรือเสิร์ฟคู่กับขนมอบอื่นก็มี
ปัจจุบันก็มีการเพิ่มความสนุกให้กับเมนูมอคคาด้วยการเลือกใช้เมล็ดกาแฟพิเศษให้เหมาะกับรสชาติของช็อกโกแลต หรือการใช้คราฟต์ช็อกโกแลตจากแหล่งผลิตพิเศษมาผสมด้วย การวาดลวดลายบนแก้วคล้ายลาเต้อาร์ต ทำให้มอคค่าเป็นเมนูที่มีกิมมิกมากขึ้น
ลาเต้ (Latte)
ระดับความตาสว่าง O
ลาเต้เป็นกาแฟผสมนมที่ได้รับความนิยมมาก เป็นกาแฟที่เป็นมิตรกับคนเพิ่งเข้าวงการด้วยความนุ่มนวล หอม รสชาติของกาแฟไม่หนักจนเกินไป แต่ลาเต้ก็มีความใกล้เคียงกับคาปูชิโนจนหลายคนอาจจะแยกไม่ค่อยออกว่ามันแตกต่างกันยังไงนะ จุดสังเกตคือฟองนมของลาเต้จะเบาบาง ไม่หนานุ่มฟูเท่าคาปูชิโน
ลาเต้เป็นกาแฟผสมนมที่มีอัตราส่วนของกาแฟที่น้อยและหนักทางนมมากกว่า และสิ่งที่น่าสนใจของลาเต้คือ ลาเต้อาร์ต ซึ่งเป็นศิลปะการเทนมลงไปในแก้วเพื่อสร้างลวดลายให้มีความน่าสนใจมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นลายหัวใจ ดอกไม้ หงส์ หรืออื่นใดก็ตามแต่บาริสตาจะสร้างสรรค์ ซึ่งการสร้างสรรค์งานศิลปะบนแก้วกาแฟนี้ก็มีการจัดการแข่งขันกันระดับโลก
ถ้ากินทั้งหมดนี้แล้วยังลืมความขมที่หัวใจไม่ลง ยังคิดถึงเธอตลอด ลองเปลี่ยนมาดื่มโกโก้เย็นสักแก้วดู เพราะโกโก้ก็เป็นเครื่องดื่มที่เยียวยารักษาอาการทางใจได้ดี มีสารที่ช่วยยกระดับอารมณ์ อย่างฟีนิลเอทิลามีน หรือสารที่ผลิตออกมาจากสมองในเวลาที่เราตกหลุมรัก ทริปโตเฟน กรดอะมิโนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตสารสื่อประสาทเซโรโทนินที่ช่วยให้เรามีความสุขและหลับสบาย แม้ว่าปริมาณสารในช็อกโกแลตจะพบได้น้อย แต่เมื่ออัดรวมกันกับนมรสกลมกล่อม ออกมาเป็นโกโก้เย็นหวานอร่อย ก็ช่วยทำให้เราพอจะลืมความคิดถึงและความเจ็บปวดไปได้
อ้างอิงข้อมูลจาก
Illustration by Sutanya Phattanasitubon