หลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เปลี่ยนกิจวัตรในชีวิตเราไปหลายอย่าง มันไม่ได้เปลี่ยนแค่ในชีวิตประจำวันของเรา แต่รวมไปถึงเปลี่ยนโลกการทำงานของเราไปด้วย จากที่เคยนั่งทำงานแบบเห็นหน้ากันก็ต้องขยับย้ายมานั่งทำงานที่บ้าน ประชุมกันผ่านหน้าจอ ติดขัดบ้าง ต้องปรับตัวกันยกใหญ่บ้าง แต่ยิ่งไปกว่านั้น มีผู้คนจำนวนมากที่ไม่ได้มีโอกาสปรับเปลี่ยนการทำงาน เพราะถูกเลิกจ้างไปในช่วงนั้น หากหลังจากนี้ที่โลกเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง โลกของการทำงานจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แล้วเราจะเตรียมตัวยังไงให้ได้งาน
ตัวเลขจาก Bankrate บอกว่านายจ้างทั่วโลก ได้ตัดสินใจเลิกจ้างพนักงานของตัวเองกว่า 22.2 ล้านตำแหน่งภายใน 2 เดือน ซึ่งจำนวนนั้นนับได้เกือบ 15% ของงานในสหรัฐอเมริกา ถึงอย่างนั้น ในปี ค.ศ.2021 การคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ บอกไว้ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นต่อเดือนถึง 369,000 ตำแหน่ง แม้ในช่วงนี้จะเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้ว แต่คาดการณ์กันไว้ว่าต้องใช้เวลาอีกกว่าสองปีครึ่งจึงจะฟื้นคืนได้ทั้งหมดจริงๆ
แม้โอกาสการได้งานกลับคืนมาจากเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นฟู อาจดูไม่ได้มาถึงกันง่ายๆและรวดเร็วนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย ระหว่างนี้หากใครกำลังมองหางานใหม่ หรืออยากกลับไปมีงานทำอีกครั้ง มาเตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆ ตั้งแต่การมองหางาน ทำเรซูเม่ ไปจนถึงการเตรียมตัวสัมภาษณ์ โดยทั้งหมดนี้จะไม่ได้อยู่ในรูปแบบเดิมแบบที่เราเคยเจอมา
งานที่เรามองหา ยังเป็นที่ต้องการอยู่หรือเปล่า?
ก่อนที่จะยื่นโปรไฟล์ไปสมัครงาน มาดูก่อนว่างานที่เราทำตอนนี้ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่หรือเปล่า? มีหลากสาขาอาชีพที่ต้องหยุดชะงักลงไปแบบเกือบจะทั้งหมด (หรือทั้งหมดไปแล้วด้วยซ้ำ) อย่างการท่องเที่ยว พนักงานต้อนรับ โรงแรม ที่น่าจะเป็นอาชีพที่เจ็บหนักที่สุดในช่วงการระบาดของ COVID-19 และหลังจากนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะฟื้นตัวได้อีกในตอนไหน หากไม่สามารถทำอาชีพเหล่านี้ได้ มาดูกันว่าตลาดต้องการอะไรจากอาชีพของเรา
การทำงานแบบ New Normal ที่ปรับรูปแบบการทำงานของเราอาจจะตลอดไปนั้น เปลี่ยนอาชีพของเราไปอย่างไรบ้าง แล้วอาชีพที่เราเคยทำตอนนี้คนที่ยังทำอยู่ เขาเปลี่ยนไปยังไง ต้องขยับไปทำอะไร หากเราดื้ออยากจะทำงานในสายอาชีพเดิมที่หยุดชะงักไปแล้ว สุดท้ายแล้วเรานี่แหละที่จะหยุดชะงักตาม เพราะในเมื่อทุกอย่างในอาชีพนั้นหยุดลง เขาจะต้องการคนทำงานใหม่ๆ ไปทำไม ลองมองหาอาชีพใกล้เคียงที่เราสามารถปรับตัวไปทำได้ หรืออาชีพที่ตลาดกำลังต้องการในตอนนี้ดู
อย่าลืมอัพเดทเรซูเม่
เรซูเม่ที่มีอยู่ในมือ แม้จะอัดแน่นไปด้วยทักษะที่เชี่ยวชาญ โปรไฟล์การทำงานที่น่าตื่นตาตื่นใจ คอยเชื้อเชิญให้บริษัทต่างๆ หยิบไปพิจารณา แต่นั่นมันสำหรับช่วงก่อนหน้านี้ ในตอนนี้โลกการทำงานไม่เหมือนเดิมไปเสียทั้งหมดอีกแล้ว หากมีการเปลี่ยนสายงานหรือไม่ได้ทำในอาชีพเดิมเสียทีเดียว
อย่าลืมอัพเดทเรซูเม่ของเราให้ตรงกับความต้องการของอาชีพใหม่ที่เรากำลังมองหา ดูว่าอาชีพที่เราจะลงสนามใหม่นี้ เขาต้องการทักษะอะไร ต้องเชี่ยวชาญด้านไหน อย่าลืมใส่สิ่งเหล่านั้น (ที่เราพอทำได้) เข้าไป เพื่อให้เห็นว่า แม้ก่อนหน้านี้เราจะไม่ได้มาจากสายงานเดิมโดยตรง แต่เรายังมีทักษะที่คอยส่งเสริมเราอยู่ ซึ่งรวมไปถึงคอร์สออนไลน์ต่างๆ ที่มี certificate ที่น่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ อย่าลืมชูทักษะที่เราควรมีอย่างการสื่อสาร การทำงานแบบ remote การจัดการเวลา การบริหารทีม ไม่ได้เป็นแค่ของแถมที่มีก็ดี ไม่มีก็ได้ แต่สำหรับในตอนที่เราต้องทำงานแบบไม่เจอหน้ากัน ออฟฟิศนั้นแทบไม่จำเป็นต้องมี เราจำเป็นต้องงอกเงยทักษะเหล่านี้ให้กลายเป็นทักษะติดตัวมากกว่าของแถม
เตรียมใจกับการต่อรองรายได้และสวัสดิการ
ใครจะไปคิดว่าอาชีพอย่างสายการบินที่รายได้แสนมั่นคงจะล้มลงได้ในสักวัน (อย่างไม่ทันตั้งตัวด้วย) เมื่อเศรษฐกิจหยุดชะงัก ทุกอย่างส่งผลกระทบกันเป็นวงกว้าง เม็ดเงินที่ฝืดเคืองทำให้เจ้าของกิจการไม่อาจแบกภาระค่าใช้จ่ายไว้ได้เหมือนเดิม ในวันที่รายได้มีเพียงหยิบมือ การจ้างออกจึงเป็นสัญญาณร้ายแรงว่าที่นี่ไม่มีเงินมากพอที่จะอุ้มชูคนทำงานไว้เหมือนเดิม หรือการปิดกิจการก็เช่นกัน
เรื่องรายได้จึงเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ที่ทำให้เรามองหางาน เพราะหากไม่มีงานก็ไม่มีเงิน แต่สำหรับนายจ้าง ปัจจัยเรื่องเงินนั้นก็เป็นอันดับต้นๆ เหมือนกันสำหรับการเลือกรับคนเข้าทำงาน
ในช่วงนี้อาจจะต้องทำใจรอไว้เลยสำหรับการต่อรองเงินเดือนและสวัสดิการ แต่เราก็ไม่ได้แนะนำให้รับงานที่ไม่คุ้มค่าจ้างเอาเสียเลย แต่ถ้าหากรายได้สมน้ำสมเนื้อ แม้จะไม่ได้มากกว่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นแค่เล็กน้อย อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับช่วงฟื้นตัว อย่างน้อยเรายังเรียกความมั่นคงของรายได้กลับมาได้ก่อนใคร
เตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์ออนไลน์
แม้ก่อนหน้านี้หลายบริษัทที่มีบริษัทแม่อยู่ต่างประเทศ อาจเคยเริ่มการสัมภาษณ์งานแบบออนไลน์กันมาแล้ว แต่สำหรับหลายคนเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องใหม่ การสัมภาษณ์ออนไลน์ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายมีความสะดวกมากขึ้น ทั้งเพิ่มโอกาสในการเลือกคนมานัดสัมภาษณ์ ไม่ต้องเดินทาง เห็นการเตรียมความพร้อมในกรณีที่ต้องทำงานแบบ remote อีกด้วย
การสัมภาษณ์ออนไลน์ แม้จะได้เห็นหน้ากันเหมือนเดิม พูดคุยกันจริงๆ เหมือนเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม คือเราจะได้เห็นผู้สัมภาษณ์จากหน้าจอไม่ใช่ตรงหน้าเราอีกต่อไป การเตรียมอุปกรณ์และอินเทอร์เน็ตของเราให้พร้อม เป็นปราการด่านแรกที่จะช่วยให้การพูดคุยนั้นราบรื่น เราคงไม่อยากถามผู้สัมภาษณ์ซ้ำๆ หากสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่ดี ต่อมาเป็นเรื่องของการเว้นพูดจังหวะการพูดคุย พอมันเป็นการพูดคุยโดยวิดีโอคอล อาจจะเกิดการดีเลย์ขึ้นบ้าง แม้จะไม่มาก แต่มันเกิดขึ้นแน่นอน เราควรเว้นให้อีกฝ่ายพูดให้จบก่อนสัก 1-2 วินาที แน่ใจแล้วว่าจะไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา เพื่อไม่ให้เราต้องไปพูดแทรกอย่างไม่ตั้งใจ
รวมทั้งพื้นหลังของเราด้วย อย่าลืมหามุมที่เรียบร้อย ไม่โชว์ข้างของเครื่องใช้ระเกะระกะให้คนอื่นเห็น เพราะนั่นก็เป็นอีกหนึ่งในภาพลักษณ์ของเราเช่นเดียวกับเสื้อผ้าที่เราใส่ไปสัมภาษณ์ ที่ยังต้องเลือกอย่างพิถีพิถันเช่นกัน
เพราะโลกการทำงานเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เปลี่ยนไปอย่างที่เราไม่เคยคาดคิด อย่าลืมพัฒนาตัวเองให้ก้าวทันโลกของการทำงานอยู่เสมอ ไม่ว่าเราจะมีงานอยู่ในมือหรือไม่ก็ตาม เพื่อเปิดโอกาสให้เราได้มีช่องทางขยับขยายในสายอาชีพทุกที่ที่เราไป
อ้างอิงข้อมูลจาก