เรียกได้ว่าทุกไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 ได้ระบาดไปทุกภูมิภาคทั่วโลกแล้ว ทั้งจากที่เคยระบาดแค่ในเอเชีย หรือจากประเทศต้นทางอย่างจีน ประเทศในแถบยุโรปหลายประเทศเอง ก็กลายเป็นศูนย์กลางการระบาด ทั้งอิตาลี และสเปนเอง ที่กำลังพบผู้ติดเชื้อจำนวนมหาศาล ยังมีอัตราผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ สูงแซงหน้าจีนไปแล้วด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ว่าทุกประเทศในยุโรปที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก จะมีอัตราการตายที่สูงเกินเกณฑ์ เพราะบางประเทศอย่าง เยอรมนี ที่แม้ตอนนี้จะเป็นประเทศ TOP5 ที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก แต่อัตราการเสียชีวิตในเยอรมนี กลับต่ำกว่าประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะอิตาลีเป็นอย่างมาก ด้วยอัตราเพียง 0.5% เท่านั้น
ทำไมเยอรมนีถึงมีอัตราการเสียชีวิตที่ต่ำมาก ? ปัจจัยอะไรทำให้ประเทศนี้ แตกต่างจากอิตาลี หรือประเทศในยุโรปด้วยกัน ? และอัตราการเสียชีวิตนี้ จะคงที่แบบนี้ต่อไปหรือไม่ ?
เตรียมพร้อมตั้งแต่พบผู้ป่วยรายแรก
สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทั่วโลก เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดนตอนนี้ ทั่วโลก มีเคสผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 470,000 ราย และเสียชีวิตมากกว่า 21,000 ราย (ข้อมูลจากแผนที่ของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins วันที่ 26 มีนาคม 2563) ทำให้อัตราการเสียชีวิตจากที่ WHO เคยประเมินว่าอยู่ที่ 3.4 ขยับขึ้นไปที่ 4 กว่าๆ แล้ว
ขณะที่ในเยอรมนี ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศ ที่มีการพบจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนติด TOP5 แซงหน้าประเทศอย่างเกาหลีใต้ และอิหร่านไปแล้ว โดยล่าสุด ข้อมูลจากแผนที่ของ Johns Hopkins แสดงว่า ผู้ติดเชื้อในเยอรมนี มีมากกว่า 37,000 ราย ทั้งเยอรมนีเอง ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ยืนยันผู้ติดเชื้อเกือบ 10,000 ราย ในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์
แต่ถึงอย่างนั้น เยอรมนีกลับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราผู้เสียชีวิตที่ต่ำที่สุดในโลก โดยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป อย่างอิตาลี ที่อัตราอยู่ที่เกือบ 10%, ฝรั่งเศส ที่ 5% แต่เยอรมนีอยู่ที่ประมาณ 0.5% เท่านั้น ทั้งๆ ที่มีประชากรที่ติดเชื้อคล้ายคลึงกับ ฝรั่งเศส สเปน และสหรัฐฯ ที่มีการระบาดอย่างหนักเช่นกัน รวมถึงมีลักษณะประชากรของประเทศที่ใกล้เคียงกับอิตาลี คือทั้งสองประเทศมีประชากรสูงอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป มากที่สุดในยุโรป
เหตุผลที่ทำให้เยอรมนีเป็นประเทศที่พบยอดผู้เสียชีวิตต่ำ มาจากการเตรียมความพร้อมรับมือหลังจากเริ่มพบผู้ป่วยรายแรก โดยมาร์รีลิน แอดโด (Marylyn Addo) หัวหน้าแผนกโรคติดเชื้อที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยฮัมบูร์ก กล่าวว่า ข้อดีอย่างหนึ่งของเยอรมนีคือ เราเริ่มทำการติดตามการติดต่อของโรคอย่างมืออาชีพ เมื่อมีการรายงานผู้ป่วยรายแรก ซึ่งนั่นเป็นการซื้อเวลาให้คลีนิกต่างๆ ได้รับมือกับพายุ ซึ่งก็คือจำนวนผู้ติดเชื้อที่มากขึ้นเรื่อยๆ ที่ตามมา
แอดโดยังมองว่า เหตุผลที่ทำให้เยอรมนี กับอิตาลีแตกต่างกันนั้น เพราะขณะที่โรงพยาบาลทางตอนเหนือของอิตาลี เต็มไปด้วยคนไข้รายใหม่ โรงพยาบาลในเยอรมนีเองยังไม่เต็ม และมีเวลามากพอสำหรับเคลียร์เตียง และอุปกรณ์ต่างๆ ด้วย
ในช่วงแรกเริ่มของการแพร่กระจาย เยอรมนียังได้ใช้การทดสอบเชิงรุก มีการกักกัน ทดสอบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก กับบุคคลที่มีแนวโน้มว่าจะติดเชื้อ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้รุกมากเท่ากับเกาหลีใต้ แต่การตรวจของเยอรมนีก็ทำให้พบผู้ป่วย ตั้งแต่ที่อาการยังไม่รุนแรง
“ผมเชื่อว่าเรากำลังทดสอบมากกว่าในประเทศอื่น ๆ และเรากำลังตรวจจับการระบาดของเราตั้งแต่เนิ่นๆ ” คริสเตียน ดรอสเซน (Christian Drosten) ผู้อำนวยการสถาบันไวรัสวิทยาที่โรงพยาบาล Charité ในเบอร์ลินกล่าว ทั้งเขาประเมินว่าเยอรมนีได้ทำการทดสอบประมาณ 120,000 คนต่อสัปดาห์ ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ถึงตอนนี้
ไม่เพียงแค่การตรวจทดสอบเชื้อ แต่บุลากรทางการแพทย์ในเยอรมนี ยังมองว่า เหตุผลที่สำคัญที่ทำให้อัตราการเสียชีวิตอยู่ในเกณฑ์ต่ำ มาจากการติดตาม ค้นหาเคสผู้ติดเชื้อ จนพบเคสอื่นๆ ในเวลารวดเร็ว ทำให้ผู้ป่วยไม่อยู่ในอาการสาหัส โดย ไรน์ฮาร์ด บุซเซอร์ (Reinhard Busse) หัวหน้าแผนกการจัดการการดูแลสุขภาพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเบอร์ลิน ได้ระบุว่า “ในช่วงแรก เมื่อเราพบเคสที่เกี่ยวข้อง มีการค้นหา แยกตัวพวกเขา และเราทำได้ค่อนข้างดีในเยอรมนี”
นอกจากนี้ ไวรัสตัวนี้ยังเป็นที่รู้กันดีว่า ส่งผลกระทบต่อร่างกายผู้สูงอายุเป็นพิเศษ รวมถึงบุคคลที่มีโรคแทรกซ้อน แต่ในเยอรมนีเอง พบผู้ติดเชื้อที่อายุเฉลี่ยน้อยกว่าของอิตาลีด้วย โดยเคสส่วนใหญ่ของเยอรมนีนั้นอยู่ที่อายุ 35-59 ปี และอายุเฉลี่ยของผู้ที่ติดเชื้อ ในเยอรมนี คือ 47 ปี ในขณะที่อายุเฉลี่ยของอิตาลีคือ 63 ปี
The Robert Koch Institute (RKI) หน่วยงานของรัฐบาลเยอรมัน และสถาบันวิจัยที่รับผิดชอบในการควบคุมและป้องกันโรค ยังพบว่า ในเยอรมนีนั้นมีเพียง 2.7% ของเคสที่ยืนยันว่าติดเชื้อแล้ว ที่อายุเกิน 80 ปี ขณะที่ในอิตาลี นั้นอยู่ที่ 18% ซึ่งในเยอรมนีเอง รัฐบาลนำโดย แองเกลา แมร์เคิลก็ออกมาประกาศว่า ขอให้คนหนุ่มสาว และเด็กๆ งดการไปเยี่ยมคุณปู่ คุณย่า และแนะนำให้ใช้เครื่องมือสื่อสารทางออนไลน์ หรือเขียนจดหมายไปหาพวกเขาแทน
นอกจากนี้ การเข้าถึง และจำนวนของบุคลากรทางการแพทย์เอง ก็ยังเป็นเหตุผลหนึ่งเช่นกัน โดย CNN พบว่า ในบรรดา 9 ประเทศที่มีจำนวนผู้ป่วย Covid-19 มากที่สุด ประเทศที่มีจำนวนพยาบาลสูง จะมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคต่ำ โดยเยอรมนี ถือว่ามีพยาบาล 13.2 ต่อ 1,000 คน ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่นๆ ด้วย
0.4% ไม่ใช่อัตราคงที่ และอัตรานี้อาจจะสูงขึ้นได้
ถึงแม้ว่าอัตราการเสียชีวิตในเยอรมนีจะต่ำมาก เมื่อเทียบกับที่อื่นๆ แต่บุคลากรทางการแพทย์ในเยอรมนีเอง ต่างคาดการณ์ว่า อัตราจะสูงขึ้นเรื่อยๆ โลธาร์ วีเลอร์ (Lothar Wieler) ผู้อำนวยการของศูนย์ RKI ก็กล่าวว่า เขาไม่คาดหวังว่าความแตกต่างระหว่างอิตาลี และเยอรมนีจะเป็นไปในระยะยาว เช่นเดียวกับแอดโดเอง ก็บอกว่า นี่ยังเร็วไป ที่จะตัดสินได้ว่าเยอรมนีเตรียมการได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ ด้วย
ดรอสเซน ซึ่งนอกจากเป็นแพทย์แล้ว ในฐานะที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุขของเยอรมนี เขายังได้เตือนว่าอัตราการตายของเยอรมนี มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง จะทำให้เป็นเรื่องยากที่จะระบุผู้ติดเชื้อ และขยายกำลังการทดสอบ รวมถึงจะขาดการติดตามผู้ติดเชื้อไปด้วย
ทั้งยังมีประชาชนบางส่วนเอง ที่ออกมาเล่าว่า ไม่สามารถเข้าถึงการตรวจ หรือสายด่วนการตรวจโรคได้ และขาดความมั่นใจในการเข้าถึงการแพทย์ และรัฐบาลด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ระบบการตรวจสอบของอิตาลี และเยอรมนีเองก็ยังแตกต่างกัน โดยปัจจุบัน เยอรมนียังไม่มีการทดสอบเชื้อไวรัสโคโรนากับศพที่เสียชีวิตแล้ว และแม้ว่า RKI เองจะประกาศว่า ผู้ที่ไม่เคยได้รับการทดสอบ COVID-19 ขณะที่ยังมีชีวิต หากมีการเสียชีวิต ญาติสามารถขอทดสอบหลังเสียชีวิตได้ แต่ในตอนนี้ก็ยังไม่มีการตรวจเกิดขึ้นด้วย ทำให้มีการตั้งข้อสงสัยว่า ในทางทฤษฎี อาจจะมีผู้ที่ติดเชื้อที่เสียชีวิตในบ้าน ก่อนที่จะถูกตรวจสอบ และคนเหล่านั้นจึงไม่ปรากฏในสถิติการเสียชีวิตด้วย
แต่ดรอสเซนเองก็ยังมองว่า สถานการณ์ในเยอรมนีนั้น ยังมีการตอบสนองที่ดีต่อการแพร่ระบาด และหวังว่าจะรักษากราฟจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต ไม่ให้พุ่งสูง แต่คงที่ไว้ได้ด้วย
อ้างอิงจาก