วาเลนไทน์จะมาวันพรุ่งนี้แล้ว ฟังดูอาจจะเชยๆ เนอะ ถ้าจะให้อะไรที่สวยแค่แป๊บเดียว แถมบางทีก็แพ้งแพงอย่างดอกไม้ แต่สำหรับสาวๆ บางคน การให้ดอกไม้สวยๆ ในวันสำคัญๆ สุดท้ายมันก็อาจจะเป็นการสร้างช่วงเวลาหรือความประทับใจที่จะมีอายุยืนยาวกว่าดอกไม้ที่ถูกตัดมา
ดอกไม้แต่ละดอก และการจัดดอกไม้มีความหมายและนัยต่างกัน ศาสตร์ดังกล่าวเรียกว่า ‘ภาษาดอกไม้ (The Language of Flowers)’ หรือ cryptological เจ้าภาษาดอกไม้นี่ก็คือการที่เราใช้ดอกไม้ในการส่งข้อความบางอย่างถึงกัน ความสนใจเรื่องภาษาดอกไม้เฟื่องฟูขึ้นในยุควิคตอเรียนของอังกฤษ และในช่วงศตวรรษที่ 19 ในอเมริกา ยุคสมัยดังกล่าวเป็นยุคที่เคร่งครัดโดยเฉพาะความสัมพันธ์ของชายหญิงที่ไม่อาจพูดความในใจของตนออกมาดังๆ ได้ การส่งของขวัญเป็นช่อดอกไม้ พืช หรือดอกไม้เฉพาะอย่างจึงเป็นสิ่งที่ใช้แทนคำพูดที่ไม่อาจพูดออกมาได้โดยตรง ผู้คนในยุควิคตอเรียนจึงนิยมแลกเปลี่ยน ‘ช่อดอกไม้ที่พูดได้ (talking bouquets)’ นอกจากจะใช้ส่งข้อความแล้ว ผู้คนในยุคนั้นยังเห็นว่าช่อดอกไม้เหล่านั้นสามารถใช้ถือประกอบเพื่อความเก๋ไก๋ได้อีกด้วย
กุหลาบ
ดอกกุหลาบเป็นหนึ่งในดอกไม้สำคัญในวัฒนธรรมตะวันตก แต่เดิมในสมัยโรมันกุหลาบเป็นดอกไม้ที่ใช้แสดงถึงการอุทิศต่อวีนัส เทวีแห่งความรัก อย่าลืมว่าคริสต์ศาสนาเป็นศาสนาแห่งความรัก ดอกกุหลาบสีแดงจัดและหนามแหลมในคริสต์ศาสนาเป็นตัวแทนของ ‘โลหิตของพระเยซู’ และกุหลาบห้ากลีบเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงรอยแผลทั้ง 5 จุดจากการถูกตรึงกางเขนของพระคริสต์ ดอกกุหลาบแต่ละสีมีความหมายแตกต่างกันออกแบบ กุหลาบสีชมพูหมายถึงความรักที่เร่าร้อนน้อยลงกว่าสีแดง กุหลายสีขาวหมายถึงคุณธรรมและความบริสุทธิ์ สีเหลืองหมายถึงมิตรภาพ ในขณะที่กุหลาบสีเข้ม เช่นสีเลือดหมูหรือม่วงสื่อถึงความตายและมนตร์ดำ ซึ่งสำหรับวาเลนไทน์ก็ต้องกุหลาบนี่แหละเนอะ เซฟสุด
ลิลลี่
ลิลลี่เป็นอีกหนึ่งดอกไม้สำคัญ โดยรวมแล้วเชื่อมโยงกับความบริสุทธิ์ ความงาม ในสมัยกรีกเชื่อมโยงดอกลิลลี่เข้ากับความเป็นแม่ เนื่องจากเชื่อว่าดอกลิลลี่เกิดจากน้ำนมของเทวีเฮร่าราชินีแห่งสรวงสวรรค์ ดอกลิลลี่ในความเชื่อแบบคริสต์ถือเป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ การอุทิศตน ในศิลปะแบบคริสต์ยุคแรกมักใช้ดอกลิลลี่สีขาวเป็นตัวแทนของพระแม่มารี เช่นในภาพเขียนที่เล่าถึงการแจ้งข่าวอันประเสริฐ อัครเทวดา Gabriel มักวาดให้ถือดอกลิลลี่ไว้ในมือด้วย ดังนั้นดอกลิลลี่จึงเป็นดอกไม้ที่สวยทั้งหน้าตาและความหมาย เหมาะแก่การบอกเป็นนัยถึงการเคารพเทิดทูน บ่งบอกถึงความรักที่สูงส่งงดงาม
ทานตะวัน
ดอกไม้ที่เราต้องขับรถไปสระบุรีหรือไม่ก็แถวๆ เกษตร-นวมินทร์ ดอกทานตะวันเป็นตัวแทนของพลังที่สดใหม่และความสดใส แน่ล่ะตัวมันเองเป็นดอกไม้ที่หันหน้าเข้าหาพระอาทิตย์อยู่เสมอ แถมหน้าตาและสีสันของมันก็ดูเปล่งรัศมีแห่งความสดใสออกมา ดอกทานตะวันเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดที่ทวีปอเมริกาใต้และกระจายออกไปทั่วโลกเมื่อมีการสำรวจพบโลกใหม่ สำหรับวันแห่งความรัก ถ้าใครอยากส่งมอบความสดใสซาบซ่าที่มาพร้อมกับเมล็ดที่มีประโยชน์ หลังจากที่คั่วแล้วก็ขบเคี้ยวได้ยามเขินอาย แถมเจ้าดอกทานตะวันยังมีกลีบให้เด็ดเล่นแก้เก้ออีกเพียบ แหม่ ทานตะวันนี่ สดใส สวย ครบ อร่อยด้วย
คาร์เนชั่น
หมายถึงดอกไม้ ไม่ใช่นมกระป๋อง โดยรวมแล้วดอกคาร์เนชั่นให้ความหมายใกล้เคียงกับกุหลาบ คือเป็นตัวแทนของความรัก ความหลงใหล และการเป็นคนพิเศษ ดอกคาร์เนชั่นสีแดงสดใสให้ความหมายเหมือนกับกุหลาบแดง คือ หมายถึงความรักที่ลึกซึ้งดูดดื่ม หมายถึงหัวใจของเรายอมเจ็บเพราะเธอเลยทีเดียว (หืม) คาร์เนชั่นสีขาวหมายถึงความรักบริสุทธิ์ สีเหลืองหมายถึงมิตรภาพ สรุปแล้วคล้ายกุหลาบเลย แต่ในยุควิคตอเรียนเจ้าคาร์เนชั่นประเภทดอกลายๆ ถูกใช้เพื่อส่งข้อความเชิงปฏิเสธ ถ้ามีการจีบกันแล้วแนบคาร์เนชั่นสีเดี่ยวๆ ไปนั้นหมายถึงการตอบรับ ส่วนดอกลายๆ ใช้ปฏิเสธความสัมพันธ์และการแสดงความเสียใจที่ไปกันไม่ได้ ส่วนสีเหลืองใช้ในความหมายว่า ‘ไม่!!’ – แบบเวรี่เย็นชา
เบญจมาศ
เบญจมาศเป็นดอกไม้สวยเนอะ กลีบเรียวๆ ซ้อนกันแน่นเป็นชั้นๆ แต่ว่าเอ๊า ในเชิงความหมายเบญมาศกลับเป็นดอกไม้ที่ใช้ในงานศพ เจ้าดอกเบญมาศแสนสวยจึงถูกโยงเข้ากับความตายและความสูญเสียซะงั้น ความเชื่อดังกล่าวก็ปรากฏทั้งในยุโรปและในเอเชีย ในยุโรปใช้ดอกเบญมาศเฉพาะในงานศพและใช้วางบนหลุมศพถึงผู้จากไป ในขณะที่ประเทศตะวันออก เช่น จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีเองก็ใช้ดอกเบญมาศสีขาวเป็นตัวแทนของความโศกเศร้าและการคร่ำครวญถึงผู้ตาย แต่กลับกันในบางประเทศเช่นในสหรัฐ ดอกเบญมาศเป็นตัวแทนของพลังเชิงบวกและความสดใส โดยในญี่ปุ่นดอกเบญมาศยังใช้เป็นสัญลักษณ์ของพระจักรพรรดิและพระราชวงศ์ด้วย
กล้วยไม้
เราอาจจะเห็นกล้วยไม้บ่อยๆ เวลาไปไหว้พระ แต่กล้วยไม้หลายๆ พันธุ์มีหน้าตาที่สวยงามอย่างประหลาด ความหมายของกล้วยไม้หมายถึงความรัก ความอุดมสมบูรณ์ รวมไปถึงความหรูหรา คือเจ้ากล้วยไม้นี่ถือเป็นดอกไม้หายาก หน้าตาก็ไม่เหมือนดอกทั่วๆ ไป โดยเฉพาะในโลกตะวันตก เช่นในยุควิคตอเรียนที่มีการล่าอาณานิคมแล้ว กล้วยไม้ก็เป็นเหมือนทรัพย์สินหายากอย่างหนึ่งที่ใช้สะสมเพื่อแสดงออกถึงความมั่งคั่ง ดังนั้น ถ้าใครที่รักมากถึงขนาดส่งของหายากอย่างกล้วยไม้ให้นี่ก็ถือว่าคนที่ได้รับนั้นต้องเป็นคนที่มีความหมายในระดับไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ดังนั้น ถ้ามอบดอกกล้วยไม้ให้กันก็อย่าเพิ่งตกใจว่าเขาไหว้พระหรืออะไร เพราะโดยรวมแล้วดอกกล้วยไม้ก็หมายถึงความรัก การเป็นคนพิเศษด้วยได้เหมือนกัน ส่วนคนให้ ก็เว้นๆ กล้วยไม้ไหว้พระหน่อยแล้วกัน