ตั้งแต่สมัยนั่งในห้องเรียน จนเติบโตมาถึงวัยนั่งโต๊ะทำงาน เราเจอเพื่อนร่วมงานที่หลากหลาย ทั้งคนขยันไฟลุก คนกลางๆ ที่เอาตัวรอดได้ตลอด เด็กหลังห้องที่ไม่ฟังใคร หรือตัวละครสำคัญอย่าง ลูกรักของเจ้านาย ที่มักจะมีผลงานเข้าตา ท่าทางถูกใจ ทำอะไรก็ดูราบรื่นไปเสียหมด แต่สำหรับเพื่อนร่วมงาน เขาคนนั้นเป็นที่จับตามองมากกว่าจะเป็นที่รัก แต่ถ้าวันนึงเราได้เป็นคนนั้นเสียเองล่ะ? เราจะรับมือกับความชื่นชอบเป็นพิเศษที่เจ้านายมอบให้ยังไงดี?
เมื่อวันที่เราได้เป็นลูกรักของเจ้านาย มันอาจจะเป็นได้ทั้งเรื่องเหนือความคาดหมาย หรือเรื่องที่เดาได้อยู่แล้ว แน่นอนล่ะ ก็ฉันทำงานอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ รู้ว่าเจ้านายอยากให้ไปในทิศทางไหน ก็เคารพการตัดสินใจของเขา หรืออาจจะเป็นแค่มนุษสัมพันธ์ที่ดีของเรา คงเป็นแบบนี้แหละมั้งที่ทำให้เราก้าวขึ้นมาเป็นคนโปรด หรือเราคิดว่าเราเองก็แค่ทำหน้าที่ของเราเต็มที่ก็พอ ได้เป็นลูกรักมันก็เป็นแค่เรื่องพิเศษ เหมือนของขวัญเล็กๆ น้อยๆ
ไม่ว่าเราจะคาดเดาไว้หรือไม่ แต่การได้เป็นคนโปรด นั่นทำให้เราไปยืนอยู่ในสปอตไลต์ ใครๆ ก็เริ่มจับตามองว่าคนโปรดคนนี้จะทำอะไร มีทั้งสายตาที่ชื่นชมในความพยายาม ในการทำงานหนัก ในความสามารถที่โดดเด่น แต่ก็ยังมีสายตาที่ไม่ได้เห็นด้วยกับเจ้านาย คอยดูอยู่ห่างๆ ว่าเราทำตัวสมกับเป็นคนโปรดหรือไม่
การเป็นคนโปรดจึงเป็นเหมือนการถือเอาตำแหน่งพิเศษเอาไว้ในมือ เราต้องทำตัวให้เหมาะสมอยู่เสมอ เก่งรอบด้าน ไม่มีข้อผิดพลาดให้ใครตำหนิได้ เพราะตำแหน่งคนโปรดคอยค้ำคอตลอดเวลา แน่นอนเรารู้แก่ใจว่าเราไม่อาจเก่งได้ทุกวัน และไม่อาจเป็นคนที่ไม่มีข้อผิดพลาดได้ คนโปรดจึงเป็นดาบสองคมที่คอยทิ่มแทงเรา มากกว่าจะเป็นมงกุฎและสายสะพายให้เราเป็นดาวจรัสฟ้าเพียงอย่างเดียว
กดดันขนาดนี้ ไม่เป็นคนโปรดจะได้ไหม? ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะเราเองนั้นไม่ได้เป็นคนเลือกว่าจะเป็นคนโปรดหรือไม่ ต่อให้เราอาจจะไม่ได้ทำงานเก่ง ไม่ได้โดดเด่นด้านไหน เราอาจจะแค่มีความชอบบางอย่าง มีจุดร่วมอะไรเล็กน้อยก็ได้ ที่ทำให้เรากลายเป็นคนโปรด Halo Effect สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้
Halo Effect มันคือ cognitive bias อย่างหนึ่ง ที่เราไม่รู้จะหาคำนิยามไหนที่เข้าใจง่ายมานิยามได้ แต่เราอธิบายให้ฟังได้ เหมือนเวลาเรามีความเห็น มีมุมมองต่อคนนี้ บริษัทนี้ แบรนด์นี้ ในแง่บวกเสมอ เพราะเราเคยเจอเรื่องประทับใจกับคนคนนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นความชอบร่วมกัน ความเหมือนกันในบางอย่าง หรือแม้แต่ความประทับใจแรกเจอ (first impression) ก็สามารถทำให้เรามีแนวโน้มให้หลังจากนั้น เราจะมองคนนั้นในแง่ดีเสมอ ราวกับว่ามีแสงสว่างเป็นออร่าอยู่บนตัวเขานั่นเอง
การเป็นลูกรักก็เป็นหนึ่งในผลจาก Halo Effect ที่ไม่ว่าเราจะเก่งกาจ ความสามารถเต็มร้อยจนเป็นที่ประทับใจ หรือเราอาจจะแค่มีความชอบร่วมกับเจ้านาย คุยอะไรก็ถูกคอ แม้ไม่ได้เก่งกว่าคนอื่นเท่าไหร่ เราก็จะกลายเป็นลูกรักอยู่ดีนั่นแหละ ถึงได้บอกว่าในข้างต้นว่า เราไม่ได้เป็นคนเลือกว่าเราจะเป็นลูกรักหรือเปล่า ต่อให้มันดูไม่แฟร์กับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ดูเป็นการเข้าข้างกันจนเกินไป แต่นั่นอาจเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกับเจ้านายด้วยเช่นกัน หากเกิดความไม่ยุติธรรมจนเกินไป
แม้จะได้สิทธิพิเศษมากมาย ได้คำชื่นชมล้นหลาม แต่ก็ยืนอยู่บนตำแหน่งที่ไม่อนุญาตให้เราผิดพลาดหรือล้มลงได้เลย เมื่อการเป็นคนโปรดมาถึงตัวเรา เราจะจัดการยังไงให้เราเองไม่หนักใจเกินไป และยังคงเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมงานได้เหมือนเดิม
พิสูจน์ว่าเราเองเหมาะสม
หากใครรู้ว่าเป็นคนประเภทสู้ไม่ถอย พลังกายเต็มร้อย พลังใจเต็มเปี่ยม วิธีนี้น่าจะเหมาะที่สุด เดินหน้าทำผลงานแบบมิดไมล์ ยิ่งเราถนัดด้านไหน ยิ่งขับเคลื่อนจุดแข็งนั้นให้แกร่งยิ่งขึ้น หรือจะเติมสิ่งอื่นให้รู้ว่าเราไม่ได้มีดีแค่สิ่งที่เจ้านายถูกใจเท่านั้น อาจจะเริ่มจากการตั้งเป้าหมายของเราให้ชัดเจน ว่าในตำแหน่งนี้ อาชีพนี้ เราจะไปทางไหนกับมันต่อ จุดมุ่งหมายของเราคืออะไร และลงมือทำให้มันสำเร็จ
แม้ว่าเราอาจจะถูกคำครหาว่ามาถึงจุดนี้ได้เพราะเป็นคนโปรด หรือได้สิทธิพิเศษ โอกาสพิเศษต่างๆ แต่การตั้งเป้าหมายใหญ่และทำมันจนสำเร็จได้ แน่นอนว่าต้องอาศัยศักยภาพในตัวเราด้วยเช่นกัน และความทุ่มเทของเรานั้นเป็นคุณกับทั้งบริษัทและตัวเราเอง การเป็นคนโปรดของเราจึงไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วย
ไม่ใช้ไม้กายสิทธิ์ที่เจ้านายมอบให้
ทำอะไรก็ดูจะถูกใจไปเสียหมด ทำอะไรผิดพลาดก็กลายเป็นเพียงเรื่องเล็ก มองในมุมคนอื่นมันช่างน่าหมั่นไส้และไม่ยุติธรรมจริงๆ นั่นแหละ แต่ในมุมของเราเอง เราก็ต้องเจอความกดดันที่คนอื่นมากดดันเราอีกทีเช่นกัน และถ้าเลือกได้ เราเองก็ไม่ได้อยากให้เกิดความกดดันนี้กับเราเลย
เมื่อรู้ว่าเราเป็นคนพิเศษ ก็อย่าใช้ความพิเศษนั้นจนมันเกิดความไม่ยุติธรรมกับคนอื่น หากเราทำผิดพลาดขึ้นมา แม้เจ้านายจะไม่ใส่ใจและไม่อยากเอาความ เราก็ควรยอมรับและกล้าพูดถึงความผิดพลาดของเราให้คนอื่นรับรู้ ทั้งเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่เพื่อเรียกคะแนนสงสาร แต่เพื่อให้คนอื่นรู้ว่า เราเองก็ยังเป็นคนปกติที่ทำผิดพลาดได้เช่นกัน
ชื่นชมเพื่อนร่วมงานให้เจ้านายฟัง
แม้จะมีความประทับใจบางอย่างที่ทำให้เกิดออร่าบนตัวเรา จนเตะตาเจ้านายเข้า แต่เราลองหาคำตอบดูว่าเจ้านายประทับใจคุณสมบัติอะไรในตัวเรา ความขยัน ความสามารถ ทักษะพิเศษ มนุษยสัมพันธ์ และลองนึกดูว่า เพื่อนร่วมงานคนไหนที่มีคุณสมบัตินั้นเหมือนกันหรือใกล้เคียงกับเรา
ลองพูดถึงเขาคนนั้นให้เจ้านายฟังว่าไม่ได้มีแค่เราคนเดียวเท่านั้น ที่ควรได้รับความชื่นชม และเพื่อให้เพื่อนร่วมงานเข้าใจด้วยว่า เราเองก็ไม่ได้อยากเก็บความดีความชอบไว้ที่ตัวเองเพียงคนเดียวเช่นกัน
การเป็นคนโปรด ไม่ได้ทำให้เราสุขสบายอยู่บนความพิเศษที่เจ้านายประทานให้เพียงอย่างเดียว มันยังเป็นดาบสองคมที่สร้างความกดดันให้เราไม่น้อย เมื่อเรายังคงต้องทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ไม่ว่าเราจะเป็นคนโปรดของเพื่อนหรือไม่ การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน อาจจะช่วยให้ความกดดันจากการเป็นลูกรักลดลงไปได้
อ้างอิงข้อมูลจาก