กัญชา (Cannabis/Marijuana) เป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 (แก้ไขล่าสุดพ.ศ.2560) ตามหนังสือเรียนก็บอกว่ามันเป็นยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้กลับเกิดกระแสการตื่นตัวในหมู่กัญชาชนทั่วโลก หลายรัฐหลายประเทศก็เปลี่ยนกฎหมายให้ผ่อนผันขึ้น หรือแม้แต่ยกเลิกกฎหมาย ทำให้กัญชาเป็นของถูกกฎหมายไปเลย
เมื่อวันอังคารที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา เราได้ไปร่วมอีเวนต์ที่ Bangkok Screening Room ฉายสารคดีชื่อ Highland: Thailand’s Marijuana Awakening ซึ่งจัดโดย Coconuts TV และ Highland Magazine เป็นสารคดีที่ตามรอยกัญชาในประเทศไทยและเพื่อนบ้าน กับความพยายามผลักดันให้กัญชาสามารถซื้อขายได้อย่างถูกกฎหมาย
ใครพลาดงานที่ผ่านมาแต่สนใจในเรื่องนี้ สารคดีชุดนี้ก็มีฉายทาง NETFLIX เหมือนกัน โดยแบ่งเป็น 3 ตอน ตอนละประมาณ 20 นาที เราแนะนำให้ลองดูสักนิด ใช้เวลาเพียงไม่นานแล้วคุณจะเข้าใจพืชชนิดนี้มากขึ้น
กัญชา ที่กำลังถูกผลักดันให้ถูกกฎหมาย
ในสารคดี Highland พิธีกรคือ Sebastian Perry เริ่มต้นจากการตั้งคำถามกับนโยบายกับยาเสพติดของบ้านเราที่เริ่มจะผ่อนผันมากขึ้น และมีแนวโน้มว่าอาจส่งผลมาถึงนโยบายต่อกัญชา เราอาจต้องยกเครดิตให้ต่างประเทศอย่างเนเธอร์แลนด์ที่มี Coffeeshops อันเลื่องชื่อ หรือบางรัฐในอเมริกาที่อนุญาตให้มีการใช้กัญชาได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย (แต่จะใช้ยังไง ที่ไหน เท่าไหร่ก็ต้องดูกันในรายละเอียดอีกที)
ก่อนจะมีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด ชายแดนของบ้านเราเคยเป็นพื้นที่เพาะปลูกกัญชาคุณภาพดี สวรรค์ของเหล่าทหาร GI ที่ร่วมรบในสงครามเวียดนาม แต่แล้วเมื่อมันกลายเป็นของผิดกฎหมาย แน่นอนว่าก็ถูกมองเป็นของที่ไม่ดี เป็นอันตราย ทำให้เกิดการเสพติด ทุกวันนี้เมื่อมีการพูดถึงการทำกัญชาให้ถูกกฎหมาย หลายคนก็ยังมองในแง่ศีลธรรม
โอ๊ย บ้านเมืองเรากำลังบ้าแน่ๆ จะทำให้ยาเสพติดแบบนี้เป็นของถูกกฎหมายเนี่ยนะ!
แน่นอนว่าภาพจำแบบนั้นคงไม่สามารถสลัดหลุดได้ง่ายๆ ฝ่ายที่สนับสนุนกัญชาอาจต้องลงแรงมากหน่อยเพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์และทำความเข้าใจ ว่าแต่เหตุผลไหนที่ทำให้มีคนอยากทำกัญชาให้ถูกกฎหมายกันล่ะ ลองมาดูกันหน่อย
ยาสกัดจากกัญชา ความหวังของคนป่วย
ผลวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าสาร ‘Cannabinoids’ กว่า 85 ชนิดในกัญชา นอกจากจะทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม อย่างที่เราเรียนกันมาแล้ว การใช้ที่ถูกต้องยังช่วยลดอาการเครียด คลายปวด ลดการอักเสบ รักษาระดับความดัน ยับยั้งการทำลายเซลล์ประสาทในผู้ป่วยโรคพาร์กินสันหรืออัลไซเมอร์ แล้วที่สำคัญคือมันอาจมีส่วนช่วยผู้ป่วยมะเร็งได้
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (National Cancer Istitute) เองก็บอกในเว็บไซต์ Official ว่า “Cannabinoids may be useful in treating the side effects of cancer and cancer treatment.” (Cannabinoids อาจเป็นประโยชน์ในการรักษาผลข้างเคียงจากโรคมะเร็งหรือจากการรักษามะเร็งด้วย)
การค้นพบเหล่านี้เองที่ทำให้วงการแพทย์ตื่นตัว เรียกร้องให้มีการอนุญาตให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์ได้
ในไทยเองก็มี นายแพทย์สมยศ กิตติมั่นคง ที่เขียนหนังสือ กัญชาคือยารักษามะเร็ง ที่เคลื่อนไหวเพื่อให้ถอดกัญชาออกจากทะเบียนยาเสพติด และสามารถใช้ในทางการแพทย์ เพราะปัญหาในหลายประเทศคือการที่กัญชายังผิดกฎหมายในฐานะยาเสพติด ทำให้การวิจัยยังเป็นไปได้ยาก และการผลิตยาเพื่อผู้ป่วยยิ่งเป็นไปไม่ได้
ในไทยเอง แม้การทำให้กัญชาถูกกฎหมายจะยังไม่สำเร็จ แต่ก็กำลังมีการวิจัยโดยมหาวิทยาลัยรังสิต 3 โครงการ โดยโครงการแรกศึกษาการสกัดสารจากกัญชา โครงการที่ 2 ศึกษาการใช้สารสกัดต่อการกำจัดเซลล์มะเร็ง และโครงการที่ 3 นำสารสกัดนั้นมาทำเป็นสเปรย์ฉีดพ่นในช่องปากสำหรับผู้ป่วย
แน่นอนว่ากัญชาในฐานะยายังคงมีเครื่องหมายคำถามในใจของหลายๆ คน เพราะภาพลักษณ์การเป็นยาเสพติดมาช้านาน ความหวังของผู้ป่วยจึงไม่ได้อยู่แค่ที่งานวิจัยเหล่านี้ แต่ขึ้นอยู่กับกฎหมายด้วยว่าจะเปิดช่องให้พวกเขาเข้าถึงการค้นพบใหม่ๆ อย่างกัญชาในฐานะ ‘ยารักษาโรค’ หรือเปล่า
แล้วการเสพเพื่อความสนุกล่ะ?
สายเขียวสาย High คงกำลังรออยู่ว่า นอกจากเป็นยาแล้ว การเสพเพื่อความสนุกจะมีหวังมั้ยในประเทศไทย ที่แน่ๆ คือภาพลักษณ์ของกัญชาในสายตาสังคมนั้นยังเป็นยาเสพติดที่เป็นอันตราย ผิดกฎหมาย ในมุมมองของบางคนอาจจะบอกว่า เฮ้ย มันไม่เป็นไร ประโยชน์ที่ได้ยังเยอะกว่า แต่ความเป็นห่วงจากสังคมคือการใช้ในปริมาณมากก็ยังมีคนที่เกิดอาการหลอนอยู่จริง หากทำให้กัญชาถูกกฎหมายในไทยได้แล้ว จะมีนโยบายอะไรใช้ในการควบคุมการใช้ให้เป็นไปอย่างเหมาะสม
อันที่จริงแล้ว การที่ประเด็นนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุย ถกเถียง หรือแม้แต่ถูกเผยแพร่ในฐานะสารคดีสักชิ้น ในบ้านเราก็ถือว่าเป็นก้าวที่น่าจับตามอง เพราะนั่นหมายความว่าแม้จะยังไม่เป็นวงกว้าง แต่หลายคนก็เริ่มสนใจกัญชาในฐานะสมุนไพรชนิดหนึ่ง
ถ้ามีการทำความเข้าใจ และใช้มันอย่างเหมาะสม ก็น่าจะดึงเอาประโยชน์ของมันมาใช้ได้มากกว่าในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
กัญชาจะถูกกฎหมายหรือไม่ยังไม่มีคำตอบ แน่นอนว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงสักนิด เราอาจได้เห็นไร่กัญชากลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง เห็นยาที่สกัดจากกัญชา นักโทษเสพยาในเรือนจำน้อยลง ภาษีที่รัฐจัดเก็บได้อาจมากขึ้น แต่นั่นคือในกรณีที่ถูกกฎหมายและมีการบังคับใช้อย่างเหมาะสมและจริงจังแล้วนะ
อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต เท่าที่พวกเราทำได้ตอนนี้หากสนใจเรื่องนี้จริงๆ คือลองทำความเข้าใจมันให้ลึกขึ้น แล้วลองพิจารณาว่าคุณเองเห็นด้วยหรือไม่กับการใช้กัญชาในวิถีทางใหม่ๆ คุณอาจลองดูงานวิจัยต่างๆ หรือแม้แต่สารคดี Highland ที่เราว่า แล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย
อ้างอิงข้อมูลจาก
www.facebook.com/ highthailand