การดูดวงนับว่าอยู่สังคมไทยมานาน ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวล้ำไปถึงไหน ในยุคที่เราดูจะให้ความสำคัญกับวิทยาศาสตร์และตรรกะ การดูดวงก็ยังมีอยู่เสมอ และมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ทำไมเราถึงยังเชื่อมั่นในศาสตร์ของการทำนาย การดูดวงปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยอย่างไร
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โหราศาสตร์ คือการดูดวงที่มีรากฐานเก่าแก่ที่สุด ชาวบาบิโลนเมื่อประมาณ 2000 ปีก่อนศริสตกาลได้เริ่มใช้การเคลื่อนที่ของดวงดาวมาทำนายเหตุการณ์สำคัญๆ ทั้งที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง การศึกสงคราม ชะตาของผู้ปกครอง พวกเขาเชื่อว่าการเคลื่อนที่ของดวงดาวเป็นสารจากพระเจ้าที่ส่งมาให้แก่มนุษย์
อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นจุดกำเนิดของศาสตร์แห่งการทำนาย หรือที่เราเรียกกันว่าการดูดวง และในปัจจุบันการดูดวงได้กลายเป็นสิ่งที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ครอบคลุมในเรื่องสุขภาพ การงาน ความรัก ไปจนถึงเรื่องที่ใกล้ตัวทุกๆ คน
ดูดวงดิจิทัล
ก่อนหน้านี้ คอลัมน์ดูดวงนั้นมักปรากฏในนิตยสารยอดนิยมอย่าง คู่สร้างคู่สม ที่ขึ้นชื่อว่าดูดวงแม่นสุดๆ หรือจะเป็นนิตยสาร ILIKE ที่เหล่าวัยรุ่นชื่นชอบในการดูดวงเรื่องความรัก โดยในปัจจุบันความนิยมของนิตยสารแบบเล่มได้ลดลง คอลัมน์การดูดวงจึงได้มีการปรับตัวไปสู่เว็บไซต์ อย่างเช่น Pantip, Sanook.com, Mthai.com ซึ่งมีผู้เข้าชมต่อวันเป็นจำนวนมาก และยังมีหน้าสำหรับเรื่องดวงแยกโดยเฉพาะ ในบางเว็บไซต์ยังมีฟังก์ชั่นให้กดดูดวงด้วยตัวเอง ตามศาสตร์ที่แต่ละคนชื่นชอบ
ทุกวันนี้การดูดวงได้เปลี่ยนจากการนั่งดูแบบตัวต่อตัว ไปสู่หมอดูออนไลน์มากขึ้น
การดูดวงเริ่มปรับตัวไปสู่แพลตฟอร์มใหม่ๆ อย่างการไลฟ์สดที่กำลังมาแรง โดยมีผู้บริการที่ได้รับความนิยม เช่น a ดวง แอพพลิเคชั่นที่รวบรวมหมอดูออนไลน์ชื่อดัง เน้นเจะกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ Horolive ที่มีจุดขายเรื่องของหมอดูมืออาชีพ และยังมีผู้ให้บริการอีกหลายเจ้าให้เลือกตามความชอบของแต่ละคน แพลตฟอร์มลักษณะนี้จะมีการคิดค่าบริการเป็นครั้งๆ โดยอาจจำกัดเวลาหรือจำนวนของคำถามที่จะถามหมอดูได้ในแต่ละครั้ง
การดูดวงผ่านแอพพลิเคชั่นก็มีแทบทุกศาสตร์ให้เลือก เป็นการผนวกเอาศาสตร์การดูดวงกับเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน เช่น การเสี่ยงเซียมซีในรูปแบบของดิจิทัล ที่ก่อนเขย่าต้องตั้งจิตให้มั่น… ไพ่ยิปซี ไพ่ออราเคิล ทุกไพ่ที่จะดูดวงได้ ก็กลายร่างมาอยู่ในรูปของแอพพลิเคชัน หรือจะเป็นการดูลายนิ้วมือ ที่อาศัยความทันสมัยของเทคโนโลยีอย่างการสแกนนิ้วเข้ามาช่วย ทำให้การดูดวงไม่จำเป็นต้องไปหาหมอดูถึงที่อีกต่อไป เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตก็สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลา
ข้อดีของโลกออนไลน์ทำให้ตัวหมอดูสามารถติดต่อสื่อสารกับกลุ่มผู้ดูดวง และใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ในการหาลูกค้าใหม่เพิ่มได้ ตัวหมอดูเองยังกลายมาเป็นผู้สร้างคอนเทนต์ โดยตัวคอนเทนต์นั้นมีลักษณะที่เข้ากับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่และเหตุการณ์ในปัจจุบัน อย่างเช่นในบทความ ‘ใส่ชุดสีอะไร ไปกดบัตรคอนเสิร์ตไม่ให้นก!’ ซึ่งเข้ากับ pain point ของคนยุคนี้ได้เป็นอย่างดี
ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ของการดูดวงจะเปลี่ยนไป แต่หลักการความเชื่อยังคงอยู่ ‘ค่าครู’ ถูกเปลี่ยนให้เป็น ‘ค่าบริการ’ การดูดวงมีลักษณะที่เป็นธุรกิจมากยิ่งขึ้น มีการจัดโปรโมชั่น ดูเรื่องการงาน แถมความรักก็ว่ากันไป และช่องทางการจ่ายเงินก็สะดวกสบาย จะตัดบัตรเครดิต หรือจ่ายที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสก็ทำได้ การดูดวงได้มีการปรับให้คนรุ่นใหม่นั้นเข้าถึงได้ง่าย ใช้ภาษาและสัญลักษณ์ที่เข้าใจได้ง่ายไม่ซับซ้อน ซึ่งไม่ว่าการดูดวงจะวิวัฒนาการไปแค่ไหน แต่จุดร่วมกันก็คือไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มนุษย์ก็ยังอยากรู้เรื่องอนาคต
อนาคตมันน่ากลัว
จากบทความทางวิชาการของ Martin E. P. Seligman และ John Tierney ได้อ้างถึงงานวิจัยหนึ่งที่ชิคาโก ซึ่งทดลองในผู้ใหญ่ 500 คน พบว่า มนุษย์นั้นใช้เวลาครุ่นคิดถึงอนาคตมากกว่าอดีตถึง 3 เท่า และมักจะวางแผนคาดการณ์เพื่อให้รู้สึกดีขึ้นจากการจัดระเบียบความคิดในหัว นี่สะท้อนให้เห็นว่าพวกเราอาจกังวลถึงอนาคตมากเกินไป ยิ่งในมนุษย์ในสังคมยุคปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยจะดี อนาคตก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงความโดดเดี่ยวของสังคมเมือง ที่ถึงแม้เราจะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายแต่ไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของอะไรเลย ทำผู้คนในยุคนี้มีแนวโน้มที่พวกจะเหนื่อย และเครียดกันมากขึ้น
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ส่งผลต่อความไม่มั่นคงในจิตใจของมนุษย์ ชีวิตดูจะไม่ความแน่นอน หลากปัจจัยรุมเร้าทำให้พวกเราไม่มีความสุขเอาซะเลย และดูเหมือนว่าการดูดวงจะปลอบประโลมพวกเราได้เป็นอย่างดี
หมอดูไม่ใช่แค่คนที่ทำนายอนาคตแต่เพียงเท่านั้น หมอดูยังทำหน้าที่คนคอยรับฟัง ปัญหา และช่วยคลายความทุกข์ของเรา
ถ้าเธอทุกข์ใจ ให้ลองไปดูดวง
จากงานวิจัยเรื่อง ‘พฤติกรรมการดูดวงของคนเมืองในเขตกรุงเทพมหานคร’ ของอัครกิตติ์ สินธุวงศ์รี พบว่า หลังจากดูดวงแล้วกว่า 2 ใน 3 บอกว่าพวกเขามีความทุกข์ลดลงกว่าครึ่ง อีกทั้งระบุว่าการดูดวงทำให้พวกเขามองเห็นถึงตนเองได้ทบทวนตัวเอง และคำทำนายอาจช่วยให้เราตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตได้ดีขึ้นในโลกที่มีตัวเลือกมากมายขนาดนี้ อาจกล่าวได้ว่าหมอดูที่ดีสำหรับบางคนอาจจะไม่ใช่คนที่ทำนายแม่นที่สุด แต่อาจเป็นคนที่พูดในสิ่งที่เราอยากได้ยิน อย่างน้อยการไปหาหมอดูก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น ซึ่งบางทีเราอาจพูดเปิดใจกับหมอดูมากกว่าเพื่อนของเราซะอีกในบางเรื่อง
ในงานวิจัยเดียวกันยังสำรวจถึงมุมมองด้านการรับรู้เกี่ยวกับดูดวง ผลที่ออกมานับว่าน่าสนใจมาก โดยผู้ดูดวงให้ความคิดเห็นว่า การดูดวงใช้หลักสถิติในการเก็บข้อมูลและให้ความหมายถึง 82.3% และเชื่อว่าการดูดวงเป็นสิ่งลี้ลับที่ใช้ในการทำนายอนาคต 73.2% การดูดวงจึงเป็นทั้งเรื่องของสถิติและสิ่งลี้ลับในเวลาเดียวกันสำหรับผู้ดูดวง
คนรุ่นใหม่อาจบอกว่า ดูดวงก็ฟังหูไว้หูเอาไว้ ดูเพื่อเอาสนุกเอามัน หรือแค่เปิดเว็บแค่เช็กดวงขำๆ (แต่อาจเช็กทุกวัน) บ้างก็ดูไว้หาเรื่องคุยกับเพื่อน แต่การดูดวงก็ทำให้เห็นว่าบางครั้งมนุษย์ไม่ได้ต้องการความเป็นเหตุเป็นผลอยู่ตลอดเวลา หรือต้องอธิบายด้วยตรรกะและวิทยาศาสตร์เสียทั้งหมด เราใจเต้นไปกับการใช้อารมณ์ มุ่งเข้าสู่เรื่องลี้ลับ เวทมนตร์ และสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง การดูดวงอาจมอบประตูวิเศษในการหนีจากโลกความเป็นจริงให้กับเรา ทำให้เราจินตนาการถึงอนาคตที่ดีกว่าได้ และสร้างขวัญกำลังใจในการสู้ชีวิตที่เหนื่อยล้าในยุคสมัยนี้
โลกนับยิ่งซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้เทคโนโลยีจะเจริญก้าวหน้ามากเท่าไหร่ โลกก็ยิ่งความซับซ้อนขึ้น มนุษย์ก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่บางครั้งแสนจะสับสนและเปราะบาง เรายังรู้สึกไม่มั่นคงเพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง ไม่ว่าการดูดวงจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมันไปยังไง หากมนุษย์ยังอยากล่วงรู้อนาคต การดูดวงก็ยังคงอยู่…
อ้างอิงข้องมูลจาก