3 นาทีนั้นที่อยู่ในสนามคนคือสุภาพบุรุษลูกผู้ชายเท่าเทียมกันไม่มีใครสูงต่ำไปกว่าใคร เมื่อจบก็เป็นพวกพ้องน้องพี่กัน และพวกเค้าทั้งหลายนั้นก็ได้ใจกลับไปทุกคน ถ้าไม่รู้จักความเจ็บปวด ก็ไม่รู้จักความเป็นลูกผู้ชาย
ข้อความกระแทกใจชวนให้อะดรีนาลีนในร่างหลั่งข้างบนนี้ ไม่ได้ถูกยกขึ้นมาพูดลอย ๆ แต่เป็นประโยคจากหนึ่งในทีมผู้ก่อตั้งการดวลกันตัวต่อตัวชนิด ดิบ เดือด ดุ นอกสังเวียนที่มีอยู่จริงในนาม Fight Club Thailand
สำหรับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งของ Fight Club Thailand ก็คงจะหนีไม่พ้นภาพยนตร์เรื่อง Fight Club (1999) ซึ่งว่าด้วยชุมนุมลับสายดิบที่รวมตัวกันเพื่อสู้กันตัวต่อตัว เพื่อระบายสิ่งที่มีในใจออกมาให้หมด ชกจบก็จบเรื่อง ซึ่งกฎก็มีอยู่ว่า
กฎข้อแรก ห้ามผู้หนึ่งผู้ใดคุยเรื่อง Fight Club
กฎข้อที่ 2 ห้ามผู้ใดผู้หนึ่งคุยเรื่อง Fight Club
กฎข้อที่ 3 ผู้ใดบอกให้หยุด ปวกเปียก หมดสติ การต่อสู้สิ้นสุด
กฎข้อที่ 4 สู้กันได้ทีละสองคน
กฎข้อที่ 5 สู้กันทีละคู่เท่านั้น
กฎข้อที่ 6 ถอดเสื้อ ถอดเกือก
กฎข้อที่ 7 ให้สู้กันต่อไปเรื่อย ๆ ถ้ายังไหว
กฎข้อที่ 8 และข้อสุดท้าย ถ้าหากคุณมา Fight Club เป็นคืนแรก คุณต้องต่อสู้
อ่านแล้วก็ดวลดุ ดิบ เดือดสมชื่อ Fight Club ใช่ไหมล่ะ ? แล้ว Fight Club Thailand ล่ะจะเป็นอย่างไร ?
Fight Club Thailand หรือ FCTH เริ่มระเบิดความดุเดือดครั้งแรกเมื่อหนึ่งเดือนกว่า ๆ ที่ผ่านมา (3 กรกฎาคม 2559) ก่อนกระแสความร้อนแรงจะแพร่กระจายดึงดูดคนหนุ่มใจระห่ำที่หวังจะมาปล่อยพลังใส่กันแล้วจบลงด้วยมิตรภาพอย่างงดงาม
ทีมงานก็แบ่งหน้าที่กันอย่างลงตัวแข็งขันโดยมี กรรมการ โปรดิวเซอร์ ช่างถ่ายภาพนิ่ง หน่วยพยาบาล ช่างภาพวิดีโอและฝ่ายประสานงาน ซึ่งกฎคร่าว ๆ เขาก็มีอยู่ว่า
1.ห้ามท้าทาย ยุแหย่ ให้เกิดอารมณ์ หรือมีความขัดแย้ง
2.ห้ามจับคู่กันเอง หรือนัดชกกันเองภายในกลุ่ม
3.ห้ามสร้างศัตรู หรือแสดงตัวตนโอ้อวด
4.ห้ามนักกีฬาที่ผ่านเวทีต่างๆ ที่เป็นรายการชิงแชมป์ ทั้งอาชีพ และสมัครเล่น ลงสมัคร (รายการจะเปิดรับเป็นรอบพิเศษเท่านั้นสำหรับผู้ผ่านเวที)
5.ยึดหลักสร้าง มิตรภาพ ตามความคิดอุดมการณ์ของ Fight Club Thailand เป็นหลักสูงสุด
ยึดหลักสร้าง มิตรภาพ ตามความคิดอุดมการณ์ของ Fight Club Thailand เป็นหลักสูงสุด
ก่อนจะตัดสินว่าพวกเขาเป็นใคร? มาทำอะไรอย่างนี้ทำไม? ต้องการอะไรจากสังคม? The MATTER จะไม่ปล่อยให้อะดรินาลีนหลั่งหรือความสงสัยพุ่งพวยแล้วต้องหยุดชะงัก เพราะวันนี้เราชวน เบียร์ โสภณ นาถนุกูล ช่างภาพวิดีโอและผู้ก่อตั้ง Fight Club Thailand มาพูดคุยถึงที่มาที่ไปของสังเวียนลูกผู้ชายซึ่งเต็มที่กับการดวลตัวต่อตัว และมิตรภาพที่จะมาหลังการต่อสู้ได้จริงหรือไม่ เรามาเปิดใจกว้างๆ แล้วคุยกันแบบตรง ดิบ ดุ กับเบียร์กัน
The MATTER : ทำไมกลุ่ม Fight Club Thailand ถึงเกิดขึ้นมาได้ เราคิดอะไร แล้วเริ่มต้นจากอะไร?
เบียร์ : สังคมรุนแรงฆ่ากันประเทศไทยเราว่าควรพอได้แล้ว นี่แหละจุดเริ่มต้น เราต้องการจะลบระบบนักเลง มีด ปืน กฏหมู่ ศาลเตี้ยทั้งหลาย ทิ้งจากประเทศไทยนะครับ
แนวคิด จุดเริ่มต้นคือการใช้ความรุนแรงในขอบเขต ไม่ว่าจะอาชีพอะไรก็สามารถเป็นนักกีฬาได้ ออกกำลังกายได้ แถมได้เพื่อนเพิ่มอีกความคิดของพวกเรา FCTH คือ อยากให้ประเทศไทยเป็นเพื่อนกันทั้งประเทศ
ปลดอาวุธ แล้วเหลือแค่คนตัวเปล่ากับหัวใจ แล้วลงมาสู้ตัวต่อตัว ได้เพื่อนเพิ่มโดยที่ไม่ต้องเอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว
The MATTER : 1 เดือนกว่า ๆ ที่จัดมา มีกลุ่มคนที่สนใจเข้าร่วม Fight Club Thailand เป็นใครบ้าง?
เบียร์ : ทุกเพศทุกวัยหลากหลายอาชีพครับที่เข้ามา ไม่ว่าจะคนใจเย็นหรือคนใจร้อน คนรวยคนจนอะไรก็แล้วแต่
เมื่อเหยียบเข้า Fight Club แล้วคุณก็แค่คนๆ หนึ่งที่ธรรมดาเท่ากันหมดทุกคนครับ
The MATTER : อย่างในภาพยนตร์เรื่อง Fight Club เขาก็จะมีกฏ 8 ข้อของเขา แล้วของ Fight Club Thailand ล่ะ อะไรคือขอบเขต กฏการสู้เป็นอย่างไร? ทำไมต้องกำหนดกรอบการสู้กันแค่ 3 นาที?
เบียร์ : ถามว่าอะไรคือขอบเขต ขอบเขตก็คือใจของคุณทุกท่านที่มอบให้ FCTH การเซฟคู่ต่อสู้จากความเป็นมนุษย์ด้วยกัน การให้เกียรตินักสู้ด้วยการปรบมือถ้าชอบ กฏคือไม่มีกฏครับยังยืนยัน มีแต่ข้อห้ามที่ไว้ให้แสดงน้ำใจนักกีฬาจะไม่ทำตามก็ได้ครับ แต่สังคมจะประนามการกระทำเหล่านั้นเอง แล้วทางกรรมการจะหยุดการต่อสู้ทันทีเพื่อเซฟเพื่อนด้วยกัน
The MATTER : ทำไมต้องกำหนดกรอบการสู้กันแค่ 3 นาที?
เบียร์ : ทำไมต้อง 3 นาที ก็เพราะบางคนไม่ใช่นักกีฬาจริงๆ ไม่ได้ฝึกซ้อม แค่วอร์มร่างกายจากการทำงาน เพื่อไม่ให้เหนื่อยเกินไปเราว่า 3 นาทีกำลังดี เซฟการหายใจที่ผิดปกติที่เกิดจากการเล่นกีฬาด้วยครับ ที่นักกีฬาพูดกันเกือบร้อยคู่แล้วเสียงเดียวกันว่า 3 นาทีอย่างกับ 3 ปี (ฮา)
The MATTER : ตั้งแต่ Fight Club Thailand ตั้งขึ้นมา 1 เดือนกว่าๆ มีคนไปโกรธกัน ต่อยกัน หรือแค้นกันนอกรอบบ้างมั้ย ถ้าเราเจอเราจะทำอย่างไร?
เบียร์ : ไม่มีใครไปแก้แค้นหรือนอกรอบกันแน่นอนครับเพราะทุกท่านจะถูกละลายพฤติกรรมด้วยการให้คุยกันก่อนในไซด์ตนเองก่อนจับฉลาก พอจับเสร็จเค้าก็จะคุยกันเองอีกที ด้วยความที่ไม่รู้จะเจอใครจริงๆตั้งแต่จัดมายังไม่มีใครนอกรอบครับ และเชื่อมั่นมากว่าจะไม่มีเพราะทุกคนรู้จุดประสงค์ที่มายืนอยู่ใน FCTH กอดคอกันไปได้เพื่อน ไม่มีใครมาเพื่ออยากได้ศัตรูแน่นอน ที่ถามว่าถ้าเจอ ผมคาดว่าไม่เจออย่างมั่นใจ
The MATTER : ในสังคมที่คนชอบตัดสินคนอื่นอย่างลวก ๆ เราคิดว่าคนมอง Fight Club Thailand แบบใด เราจะโดนอะไรบ้าง? แล้วเรามีทัศนคติกับการมองจากคนอื่นอย่างไร?
เบียร์ : เรื่องคนมองเราไม่สนใจครับอุดมการณ์เราแน่นมั่นคง เราทะเลาะกันเองหนักเสมอเพื่อที่จะให้อุดมการณ์นี้ออกมาตามเจตนา
เรื่องเราจะโดนอะไรบ้าง ติดคุกเราก็ยอมครับ มีสุดกว่านี้ไหมครับ? เราจะแก้ปัญหาสังคมอย่างจริงจังด้วยความรุนแรงมันต้องเสี่ยงแน่นอนอยู่แล้ว
ตราชั่งในศาลผมยังไม่รู้เลยว่าตรงไหม
ข้อกฏหมายส่วนตัวผมไม่ทราบเยอะหรอกครับ แต่ทำเพราะมันต้องทำ สมมติมีคนที่ถ่ายคลิปผู้หญิงโดนทำร้ายโดยที่ทำได้แค่ยืนถ่าย คนก็จะคิดว่าทำไมไม่เข้าไปช่วย นี่แหละครับ คนทีเขาไม่มีวิชาก็อาจจะฝึกจากรายการเรา ดูจากเพื่อนๆ นักสู้ มาหาเราเพื่อตัดความกลัวออกไป ได้ฝึกเพราะมันมีสังเวียนให้ลองออกแล้วก็ออกไปสร้างสังคมด้วยความดี
คนที่ถูกทำร้าย ก็อาจรอดพ้นไปได้ ผมไม่ชอบการข่มขืนเป็นที่สุด ผมเรียกพวกมันว่า ‘สัตว์นรก’ นี่ส่วนตัวครับ
The MATTER : หลังจากต่อยเสร็จ หลังความรุนแรงที่เกิดขึ้น แต่ละคนได้รับการปลดปล่อย หรือรู้สึกดีขึ้นได้จริงไหม?
เบียร์ : ข้อนี้ผมขอให้ไปดูในคลิปเลยครับมันฟ้องทุกอย่างว่าจบดีหรือไม่ดี บางคนไปกินข้าวด้วยกันต่อ บางคนหางานให้อีกคนทำ บางคนได้เจอเพื่อนที่ไม่เจอกันมานาน
The MATTER : Fight Club Thailand มีกฎห้ามผู้หญิงเข้าร่วมหรือเปล่า? ถ้ายัง มีแนวโน้มจะให้ผู้หญิงเข้าร่วมไหม?
เบียร์ : ผู้หญิงหรอครับมีแนวโน้มครับเพราะเราไม่ได้แบ่งอะไร แต่ทางทีมงานจะต้องพัฒนาไปมากกว่านี้ก่อนครับ ทีมงานสาวๆ ก็มีไม่กี่คน และยังประสบการณ์น้อย
The MATTER : สถานและเวลาที่จัด เรากำหนดไว้อย่างไรบ้าง ทำไมต้องเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ?
เบียร์ : สถานที่บอกแค่นักกีฬาครับ ก่อนวันจริงเพียงหนึ่งวัน กำหนดไว้เสาร์ เว้น เสาร์ครับถ้าไม่ติดอะไรหนักหน่อยก็อาจจะเปลี่ยนวันเป็นวันอาทิตย์บ้างในบาง week
ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะกระแสตอบรับด้วยครับ และเราอยากตระเวนเพื่อเจอเพื่อนๆ ให้ทั่วกรุงเทพ พยายามจะไปให้ได้ทุกทิศทุกภาคครับ และมีโครงการออก ต่างจังหวัดแน่นอน
The MATTER : อยากให้บอกสังคมหน่อยว่า มิตรภาพที่ได้จาก Fight Club Thailand มันยิ่งใหญ่หรือมีความหลากหลายขนาดไหน? คนที่เข้าร่วมจะได้อะไรจาก Fight Club Thailand?
เบียร์ : มีคำสอนของพระพุทธเจ้าข้อหนึ่งในฐานะผมเป็นชาวพุทธและไม่เชื่อสิ่งงมงาย ผมไม่รู้ภาษาบาลีครับเอาไทยๆ เลย “ประสบการณ์รู้ได้ด้วยตนเองเท่านั้น” นี่คือคำแรกๆ ที่ผมพูดเสมอ คุณข้ามเส้นบางๆ นั้นมาก่อนแล้วเราจะได้คุยภาษาเดียวกันครับ ที่นี่ประเทศไทยใครก็ได้ของจริงเพราะเราจับฉลากแบบแฟร์ๆ
The MATTER : มีอะไรอยากฝากอีกไหม?
เบียร์ : กูรักประเทศไทย ดิบๆ เลย
ไม่ว่าเราจะเชื่อในความรุนแรงหรือไม่ หรือเชื่อในมิตรภาพที่มาจากการต่อสู้ได้จริงหรือเปล่า จะดีที่สุดหากเราเปิดใจรับฟังเสียงอันหลากหลายของพวกเขาในฐานะแนวคิดอย่างหนึ่งของคนรุ่นใหม่ ในฐานะอีกรูปแบบหนึ่งของ’มิตรภาพ’
รวมถึงร่วมเรียนรู้ปรากฏการณ์ทางสังคมนี้ไปพร้อมๆ กัน มากกว่าแค่ตัดสินพวกเขาอย่างลวกๆ และโดยไม่ต้องลงไปสู้ตัวต่อตัวกับพวกเขา แต่บริหารความคิดอย่างสุภาพและมีเหตุผลในการร่วมพูดคุยและหามิตรภาพใหม่ๆ และมองทุกคนเป็นคนเท่าๆ กัน กับเหล่า Fight Club Thailand ได้ที่กรุ๊ปเฟซบุ๊ก Fight Club Thailand อย่าลืมว่า…
เมื่อเหยียบเข้า Fight Club แล้วคุณก็แค่คนๆ หนึ่งที่ธรรมดาเท่ากันหมดทุกคน