‘ราศีต่อไปนี้ มีเกณฑ์เป็นออฟฟิศซินโดรม’
อ๊ะ! นั่นมันราศีฉัน กร่อกกกกก! เหย แม่นไม่ไหว ขนลุกไปหมด
“ขอเชื่อไว้ก่อนนะคะ” (ก้มหน้าพิมพ์งานต่อไป ในองศาที่ไม่ถูกต้อง)
นอกจากกินข้าว ทำงาน เดินห้าง ดูหนังเหมือนคนทั่วๆ ไป สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ ‘มูเตลู’ มักจะทำเป็นประจำ นั่นก็คือการ ‘ดูดวง’ ไม่ว่าจะเป็นรายวัน รายปักษ์ บางครั้งก็ใส่เสื้อ/ทาลิปสติกตามสีมงคล บางคืนก็ไปแวะไหว้ขอพรกับพระตีมูรติซะหน่อย
อ่าว ไหน ล่าสุดวันเกิดใครอยู่อันดับต้นๆ ในตารางจัดอันดับคนดวงดีปีหน้าบ้าง ยกมือขึ้น!
แต่ถ้าคนที่ไม่เชื่อในเรื่องนี้ ก็คงจะสงสัยว่าการดูดวงเกี่ยวพันกับชีวิตประจำวันมนุษย์ยังไง ทำไมคนถึงชอบแสวงหาคำทำนายชีวิตตัวเองกันนัก แล้วหลังจากรู้ดวงของตัวเองแล้ว พวกเขาจะมีชีวิตยังไงบ้าง? งั้นเรามาทำความเข้าใจฟังก์ชั่นของการดูดวง และความเห็นของคนทั่วไปที่ชื่นชอบการดูดวงไปพร้อมๆ กัน
ความแน่นอนบนโลกที่ไม่แน่นอน
“เราดูดวงเพราะเราหาที่พึ่งทางใจ อยากได้ความแน่นอนบนความไม่แน่นอน ซึ่งก็รู้ดีว่าสุดท้ายมันก็เป็นความแน่นอนที่ไม่จริง”
บนโลกที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ สามวันดี สี่วันไข้ วันนี้เจอหน้า วันพรุ่งอาจจะต้องไปงานศพ ทำให้มนุษย์มักแสวงหาอะไรบางอย่างมาอธิบายสิ่งที่พวกเขากำลังจะเผชิญ หรือใครสักคนที่ช่วยสานอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของพวกเขาเข้าด้วยกัน เพื่อดูว่าแต่ละช่วงเวลาของชีวิตจะส่งผลอย่างไรต่อกันและกันบ้าง โหราศาสตร์ (horoscope) จึงเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน เพื่อทำให้ผู้คนมีกรอบในการอธิบายสิ่งเหล่านั้น ผ่านการดูไพ่ทาโร่ ดูลายมือ ดูวันเกิด และอีกหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความชำนาญของพ่อหมอแม่หมอ
“เราชอบดูดวง เพราะมันทำให้รู้ว่าชีวิตจะมีเรื่องร้ายหรือดีเกิดขึ้น สมมติถ้าทำนายว่าจะมีเรื่องดี เราก็จะใช้ชีวิตแบบเต็มที่มากขึ้น ถึงมีเรื่องเศร้าบ้างก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นอะไร เพราะเชื่อว่าเดี๋ยวมันจะดีขึ้นอยู่ดี”
“การดูดวงให้อารมณ์เหมือนเราอ่านนิยาย แต่แอบอ่านสปอยล์ก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าควรอ่านต่อดีมั้ย อ่านต่อแล้วจะแฮปปี้มั้ย ถ้าไม่แฮปปี้ เราควรจะเลิกอ่านดีมั้ย เหมือนเราให้แม่หมอช่วยเลือกเส้นทางให้ แต่บางครั้งก็ดูเพราะอยากรู้สปอยล์อนาคตเฉยๆ ไม่ได้ต้องการไปแก้ไขหรือทำอะไร”
หากตัดเรื่องความงมงาย ไม่งมงายออกไป โหราศาสตร์และการดูดวงก็เหมือนเป็นกลไกในการรับมือกับความเครียดและ ‘ความไม่แน่นอน’ ของชีวิต (uncertainty of life) เพราะความไม่แน่นอน ทำให้ผู้คนเกิดความกังวลที่จะใช้ชีวิต มีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า การที่เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตเราบ้าง ทำให้รู้สึกเครียดมากกว่าการที่รู้ว่ากำลังจะมีสิ่งแย่ๆ เกิดขึ้นเสียอีก
ซึ่งคอลัมน์ดูดวงถูกตีพิมพ์ครั้งแรกบนหนังสือพิมพ์ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป หรือที่เรียกว่า The Great Depression ปี ค.ศ.1930 และถูกตีพิมพ์อีกครั้งในปี ค.ศ.2008 ช่วงวิกฤตการเงิน หรือ Financial Crisis โดยช่วงนั้น ผู้คนจำนวนมากต่างก็แสวงหานักโหราศาสตร์ เพื่อมาทำนายอนาคตของพวกเขา
“ในช่วงนั้น สิ่งที่ผู้คนเคยพึ่งพาเริ่มพังทลายลง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเข้าสู่การดูดวง เพื่อหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของตัวเอง” รีเบกกา กอร์ดอน (Rebecca Gordon) ให้สัมภาษณ์ถึงช่วงเวลาในปี ค.ศ.2008 กับ The New Yorker
และอย่างช่วงวิกฤตโรคระบาด COVID-19 ที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ก็เช่นกัน ที่ความเอาแน่เอานอนของสถานการณ์ ส่งผลให้คนทั้งโลกวิตกกังวลกับหน้าที่การงานและสุขภาพของตัวเองอย่างหนัก ซึ่งก็ได้ทำให้นักโหราศาสตร์ทั่วโลก ง่วนกับการทำนายว่าวิกฤตนี้จะผ่านพ้นไปตอนไหน
โหราศาสตร์ในฐานะเครื่องมือเยียวยาจิตใจ
“หากผู้คนกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ชะงักงันในชีวิต พวกเขาจะเริ่มให้ความสำคัญกับดวงของตัวเองอย่างจริงจังมากขึ้น” โจนาธาน เคเนอร์ (Jonathan Cainer) นักโหราศาสตร์ ผู้เขียนคอลัมน์ดูดวงให้กับ The Daily Mail
“ภายใต้แรงกดดันทางความเครียด ผู้คนมักจะใช้โหราศาสตร์เป็นเครื่องมือเยียวยาจิตใจ แม้ในตอนชีวิตปกติ พวกเขาจะไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลยก็ตาม” เกรแฮม ไทสัน (Graham Tyson) ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาแอฟริกาใต้
การดูดวงช่วยให้ผู้คนจัดการกับความวิตกกังวลในชีวิตประจำวันได้แบบ ‘วันต่อวัน’ ดังจะเห็นได้จากคอลัมน์ดูดวงรายวัน ที่สามารถบอกได้เลยว่า คนที่เกิดวันจันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ จะเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง ทั้งในแง่ของการเงิน การงาน ความรัก และสุขภาพ
เพราะการรู้ดวงของตัวเอง
ทำให้มนุษย์รู้สึกมี sense of control
หรือคิดว่าตนสามารถ ‘ควบคุม’ สิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้
ซึ่ง คริสโตเฟอร์ เฟรนช์ (Christopher French) ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยลอนดอน ก็ได้เขียนอธิบายถึงเหตุผลเหล่านี้ไว้ว่า “อะไรที่ดูเหมือนจะทำให้ผู้คนมองเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดได้ มักจะทำให้ผู้คนรู้สึกว่าตัวเองสามารถควบคุมอะไรต่างๆ ได้มากขึ้น แม้ว่าความรู้สึกนั้นจะเป็นภาพลวงตาก็ตาม”
“เราชอบดูดวงมากถึงมากที่สุด แต่สังเกตได้ว่าจะดูเฉพาะเวลาที่เครียด ไม่มั่นใจ หรือกังวลกับเรื่องอะไรสักอย่าง บางทีดูไปก็ตรง บางทีดูไปก็ลืม เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้น รู้ตัวอีกทีก็ใช้ชีวิตผ่านไปจนหมดเดือน”
“ดูเพราะอยากรู้อนาคต เพราะกลัวอนาคตที่เราไม่รู้”
“ทุกคนกลัวอนาคต ถ้าเราได้ลองรู้ทันอนาคตบ้าง มันก็คงจะช่วยให้เราจัดการอะไรๆ ง่ายขึ้น (มั้ง)”
ผลทำนายดวงต่อชีวิตผู้คน
นักจิตวิทยาหลายคน มีการตั้งข้อสังเกตว่า คนที่เชื่อในเรื่องโหราศาสตร์ มีแนวโน้มที่จะมีความเชื่อใน ‘อำนาจนอกตน’ (external locus of control) เป็นหลัก หรือเชื่อว่าความสำเร็จ หรือความล้มเหลวในชีวิต มีอิทธิพลมาจากปัจจัยภายนอกที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับคนที่เชื่อใน ‘อำนาจในตน’ (internal locus of control) ที่มองว่าสิ่งใดๆ จะดีหรือร้าย ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเขาเอง ทำนองว่าลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน
และเนื่องจากบางครั้งการดูดวงก็มีไว้เพื่อ ‘ยืนยัน’ เหตุผลในการกระทำบางอย่าง ที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทางของชีวิตไปตลอดกาล เช่น เลิกกับแฟนดีมั้ย ลาออกจากงานดีรึเปล่า หรือจะลงทุนกับอะไรสักอย่างดี หลายคนจึงคิดว่า คนไปดูดวง ก็เพื่อต้อการใครสักคนที่จะมาตัดสินใจแทน และไม่เชื่อว่าทุกอย่างจะราบรื่น หากพวกเขาตัดสินใจด้วยตนเอง ถ้าหมอดูบอกว่า ‘ไม่’ แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ทำ เพราะอำนาจนอกตนบอกมาเช่นนั้น
แต่ข้อสังเกตดังกล่าวก็ไม่ถูกไปเสียหมด และไม่สามารถนำไปใช้อธิบายกับสายมูทุกคน เพราะจากการสอบถามคนที่ดูดวงเป็นประจำ ก็พบว่าส่วนใหญ่พวกเขาไม่ได้เชื่อในอำนาจนอกตนเพียงอย่างเดียว หากแต่เพียงแค่นำคำทำนายที่ได้ ไปประกอบกับความเชื่อในอำนาจในตนด้วย หรืออธิบายอีกอย่างก็คือ หลังจากดูดวง พวกเขารู้สึก ‘มั่นใจมากขึ้น’ ว่าตัวเองจะสามารถมีชีวิตอย่างที่เขา ‘ลิขิต’ ไว้ได้
“การดูดวงทำให้เราเชื่อว่าเราจะมีโอกาส ถ้าเราเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในโอกาสนั้น เช่น ถ้าดวงบอกว่าเราจะได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ถ้าเราไม่ได้สมัครเข้าโครงการอะไรเลย เราก็คงไม่ได้ไปหรอก จริงมั้ย? หรือการหาคู่ก็เช่นกัน ถ้าดวงบอกว่าเราจะมีคนเข้ามาหา มันก็ทำให้เรามีกำลังใจปัดทินเดอร์มากขึ้น (หัวเราะ)”
“ถ้าอันไหนผลทำนายออกมาดี เราก็เก็บไว้ให้ตัวเองรู้สึกสบายใจ แต่ถ้าอันไหนไม่ดี เราก็จะพยายามไม่ทำให้มันเกิดขึ้น หรือเก็บมาใส่สมองให้เครียด”
“มันเหมือนเป็นไกด์ให้ชีวิตมากกว่านะ ถ้าหมอดูเตือนให้ระวังในเรื่องอะไรสักอย่าง เราก็จะได้ไม่ทำในสิ่งนั้น ส่วนถ้าดวงดี เราเชื่อว่ามันก็มาจากเราทำตัวเอง”
“เราแค่ดูดวงเพื่อเสริมความมั่นใจในละวัน ถ้าวันไหนดวงไม่ดี เราก็แค่มองว่าเขาเตือนให้ระวังเฉยๆ”
ใครใคร่ดูก็ดู ใครใคร่ไม่ดูก็ไม่เสียหาย เพราะสำหรับบางคน การเยียวยาจิตใจก็มาในรูปของ ‘คำอธิบายชีวิต’ ที่ตัวเองเลือกจะเชื่อถือ
อ้างอิงข้อมูลจาก