เป็นเรื่องสุดมุ้งมิ้งและเวรี่ครีเอท เมื่อพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร แนะนำว่าถ้าจะแก้ปัญหานักเรียนตีกันนะ ต่อไปนี้เวลาที่เหล่ารุ่นใหญ่ทั้งหลายเจอหน้ากัน แทนที่จะชี้หน้าให้มาทำท่าแบบอ้ปป้าเกาหลี ทักทายด้วยการทำมือ ‘ซารางเฮโย’ ปล่อยพลังบวกใส่กัน เท่านี้ความบาดหมางขุ่นข้องใจก็จะกลายเป็นเรื่องราวดีๆ ส่งต่อความรักพอกพูดงอกเงยกลายเป็นความผูกพันข้ามสถาบัน
ก็ถือว่าเป็นไอเดียน่ารักๆ จากทางผู้ใหญ่ ถ้าเกิดมีคนทำขึ้นมาจริงๆ อาจจะลดความขัดแย้งลงไปบ้างก็เป็นไปได้ The MATTER จึงสำรวจและรวบรวมสัญญาณมือสงบศึก 7 สัญญาณ ส่งรักส่งยิ้ม มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้ง ว่ามันมีประวัติที่มาและเคยถูกใช้เพื่อยุติความขัดแย้งกันท่าไหนบ้าง
1. Saranghaeyo (ท่าหัวใจไร้พรมแดน)
ประเดิมท่าแรกด้วยท่าที่ทางการแนะนำให้เราทำ ท่าซารางเฮ คือการใช้ร่างกายของเราในการสร้างรูป ‘หัวใจ’ จะว่าไปแล้วไอ้ท่าซารางเฮ ถือเป็นการสร้างกิมมิกในการส่งออกวัฒธรรมเกาหลีที่มีประสิทธิภาพเหมือนกัน ส่วนใหญ่ท่าซารางเฮมักถูกใช้โดยป็อบไอดอล ประมาณว่าพอทักทายอันยองฮาเซโยแล้วจะทำยังไงต่อดีน้อให้ประทับใจ ก็ต้องบอกว่าเก๊ารักตัวเองน้า พอพูดออกมาเป็นภาษาเกาหลีเหล่าแฟนคลับก็แหม่ พูดอะไรน้อ เลยต้องทำท่าประกอบ ทีนี้ชัดเลย ได้สื่อสารทั้งภาษาเกาหลีแถมส่งความหมายเป็นสากลด้วยการสาดหัวใจใส่แฟนคลับ น่ารักน่าเอ็นดูไปอีก
ด้วยพลังของการส่งออกวัฒนธรรม ในที่สุดไอ้การทำมือรูปหัวใจได้ลามไปสู่ตะวันตก มีรายงานพูดถึงเทเลอร์ สวิฟท์ว่า เธอเป็นคนที่นำเอากระแสการสาดหัวใจใส่แฟนๆ หลังจากไปเห็นวัฒนธรรมป็อบเอเชียทำมือรูปหัวใจแล้วได้ผล หลังจากนั้นป็อบสตาร์ทั้งหลายก็เลยสาดหัวใจกันเมามันทั้งบีเบอร์ เซเลน่า โกเมซ ไปจนถึงเคธี่ เพอร์รีเลย อ้อ ไอ้เจ้าท่าซารางเฮ มันก็มีวิวัฒนาการเหมือนกันนะ จากที่ต้องทำแบบใหญ่ๆ มาจนแค่ใช้สองมือประกบกัน จนล่าสุดเป็นแบบพกพาที่กำลังฮิต คือใช้แค่นิ้วชี้กับนิ้วโป้วไขว้กัน อันหลังนี่ชวนคิดไปอย่างอื่นหน่อย แต่มันก็คือการทำรูปหัวใจจิ๋วแหละ
ส่วนประเด็นว่ารูปหัวใจที่เราทำๆ กันมันมีที่มายังไง นักประวัติศาสตร์ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ บ้างก็ว่ามาจากทรงของหน้าอกผู้หญิงบ้าง ก้นบ้าง บ้างก็บอกว่ามาจากคำบรรยายของอริสโตเติลที่บอกว่าหัวใจมีสามส่วนแล้วตรงกลางมันเล็กกว่าตรงอื่น นักวิทยาศาสตร์ในยุคหลังเลยวาดภาพหัวใจมนุษย์ไปตามคำบรรยายนั้น
2. Thumb Up (ถูกใจไลค์จย้า)
ชอบใจอะไรก็ยกนิ้วโป้งให้ ทั้งในชีวิตจริงและในเฟซบุ๊ก หรือแม้แต่ในค่ายลูกเสือ ถ้าหมู่นกแซงแซวแสดงได้ดี เราก็จะยกนิ้วโป้งและโห่ร้องว่า ‘เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ’ การชูนิ้วโป้งกดไลก์เป็นการแสดงท่าทางในแง่บวก เพื่อให้กำลังใจ หรือจะเพื่อบอกว่าเฮ้ยทำถูกแล้วมีมาตั้งแต่ครั้งโบราณ เช่นในยุคกลางการยกนิ้วโป้งเป็นการให้สัญญาณในการน้าวคันธนูเพื่อเตรียมโจมตี หรือในสมัยโรมัน ในการประลองของกลาดิเอเตอร์ เมื่อฝ่ายหนึ่งพ่ายแพ้จะมีการให้ผู้ชมเลือกโหวตว่าจะกำจัดผู้แพ้ทิ้งหรือจะไว้ชีวิต ถ้ายกนิ้วโป้งลงแปลว่าให้กำจัดทิ้งผู้แพ้ทิ้ง
3. ILY- I Love You (เก๊ารักตะเอง)
พบกับท่าสุดฮิต I Love You เวลาเห็นท่านี้ชอบนึกถึงพี่บี้ เดอะสตาร์ ผู้ใช้สัญลักษณ์ไอเลิฟยู กวาดใส่แฟนเพลงมาหลาย MV ความหมายของนิ้วที่โผล่ออกมา นิ้วก้อยหมายถึง i นิ้วชี้กับนิ้วโป้งหมายถึง L (ove) ส่วนตรงกลางก็คือตัว U สัญลักษณ์สุดเทพที่กลายเป็นประโยคบอกรักได้ง่ายๆ
ส่วนที่มาของการทำมือไอเลิฟยูอันนี้ก็มีที่มาไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่ในสหรัฐฯการทำมือไอเลิฟยูแพร่หลายขึ้นจากรายการโทรทัศน์ชื่อ Family Feud ในช่วงปี 1976-1985 แถมในปี 1977 Jimmy Carter ลงรับสมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชูนโยบายเรื่องคนหูหนวก ในการหาเสียงก็มีภาพ Carter ทำมือไอเลิฟยูให้กับประชาชนที่พิการทางการได้ยินที่มาต้อนรับด้วย
4. V Sign (ลิโพ สู้ตาย)
สัญลักษณ์ที่เราเห็นได้ตามเซเว่นชั้นเครื่องดื่มชูกำลัง ไอ้การชูสองนิ้วที่อยากให้เลิกเล่นมุกรูปติดบัตรแล้วชูสองนิ้วสู้ตาย ไอ้การสู้ตายแล้วชูสองนิ้วมันคือการชูตัว V ย่อมาจาก Victory แปลว่าชัยชนะไง ตามตำนานเก่าแก่อ้างว่าสัญลักษณ์ V ที่หมายถึงว่าเราชนะแล้วมันมาจากย่านอังกฤษและเวลส์ ว่ากันว่าเมื่อก่อนพอพลธนูถูกจับได้ก็จะตัดนิ้วชี้และนิ้วกลางของนักธนูคนนั้นทิ้งซะเพื่อไม่ให้จับธนูได้อีก ทีนี้การชูสองนิ้วที่ยังอยู่ดีขึ้นมาก็แปลว่า ว้าย นี่ชนะโว้ย ไม่โดนจับ สบายดีจ้า ต่อมาสัญลักษณ์นี้ก็ถูกใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มจาก Victor de Laveleye รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของเบลเยี่ยมบอกว่าต่อไปนี้ให้ชูสองนิ้วเพื่อแทนคำว่า Victory ซึ่งต่อมาก็ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในยุโรปในช่วงสงครามโลก เป็นคล้ายๆ แคมเปญเพื่อให้กำลังใจอะเนอะ ชนะแน่นอน ทำนองนั้น
แต่ไอ้ชูสองนิ้วต้องระวังหน่อย เพราะถ้าหันหลังมือออกมันมีความหมายที่หยายคายด้วย หมายถึง Vagina
5. Fist Bump (กำปั้นลูกผู้ชาย)
นอกจากกำปั้นจะใช้ซัดใส่หน้ากันแล้ว ยังเป็นการทักทายกันฉันมิตรของเหล่าลูกผู้ชายด้วย คือเวลาหนุ่มๆ เจอหน้ากันจะแสดงความเป็นพี่น้อง บราเธอร์กันก็จะมีการยกกำปั้นขึ้นชนกันเบาๆ เรียกว่า Bro Fist ที่มาก็มีหลายสาย ส่วนใหญ่จะบอกว่ามาจากวงการกีฬาพวกเบสบอลของทางสหรัฐฯ นิตยสาร TIME เดาว่าน่าจะเป็นการพัฒนาจาการจับมือเชคแฮนด์กับการไฮไฟว์ บ้างก็บอกว่าในปี 1950 นักกีฬาเบสบอลชื่อ Stan Musial ใช้กำปั้นชนกับเพื่อนร่วมทีมแทนการจับมือเพราะว่าไม่อยากจะเปื้อนเชื้อโรค (แหม) หรือนักวิชาการทางภาษา ศาตราจารย์ Geneva Smitherman บอกว่าการเอากำปั้นชนกันหรือเรียกว่า dap เนี่ยมันมาจากพวกทหารผิวสีในสมัยสงครามเวียดนามนะ การ give a dap เอาหมัดชนกัน มันหมายถึงการให้กำลังใจ แสดงความยินดี หรือแสดงถึงความผูกพันของเหล่าลูกผู้ชาย
6. Shaka (เขาควายแห่งไมตรี)
สัญลักษณ์สุดคูลของชาวเพื่อชีวิต แต่ไม่แน่ใจว่าในบริบทของเพลงบัวลอย ที่ทำมือยกเขาควายใส่กันจะเป็นการประกาศไมตรีหรือประกาศสงครามกันแน่ เพราะตีกันหน้าเวทีประจำ
สัญลักษณ์เขาควาย เรียกว่า Shaka เป็นวัฒนธรรมแถบฮาวาย ใช้กันโดยนักเล่นกระดานโต้ ซึ่งการแสดงสัญลักษณ์ Shaka ด้วยการชูนิ้วก้อยและนิ้วโป้งมันสื่อถึงจิตวิญญาณของ Aloha อโลฮ่าเนี่ยมันกินความหมายดีๆ คือหมายถึงมิตรภาพ ความเข้าใจ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ใช้แสดงความขอบคุณ ทักทายก็ได้ คงเทียบกับคำว่า สวัสดี ของเราได้
7. The Finger (แจกกล้วยรวยๆ จ้า)
บางครั้งสันติเกิดจากการก่อสงครามให้มันจบๆ ไป (ล้อเล่นนะ) มาสู่สัญลักษณ์มือที่มีความหมายรุนแรงคือการแจกนิ้วกลาง ความหมายรวมๆ ของมันคือการด่าทอนั่นแหละ การใช้นิ้วกลางด่าชาวบ้านใช้กันมาตั้งแต่บรรพกาล เพราะการโยงนิ้วกลางเข้ากับความหมายของอวัยวะเพศชายนี่มีมาตั้งแต่ยุคก่อนคริสตกาลอีก ในสมัยกรีกการยกนิ้วกลางใส่ชาวบ้านเรียกว่า katapygon มาจากคำสองคำ คือคำว่าต่ำหรือเบื้องล่าง กับ ตูด