ในทุกๆปี The MATTER จะจัดอับดับเรื่องราวอันเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์จรรโลงใจ ซึ่งดำเนินมาแล้ว 0 ครั้ง โดยได้รับเกียรติจากสื่อมวลชนหลากหลายแขนงและผู้มีกิตติมศักดิ์จากหลากหลายความเชี่ยวชาญ ตั้งแต่แชมป์เป่ากบเทิร์นโปรฯ จวบจนมือหยอดปูนขาวดอนหอยหลอด 3 สมัยซ้อน มาร่วมเป็นสักขีพยานในการมอบรางวัลครั้งนี้
แม้โลกกลมๆ ที่เอียง 23.5 องศา จะมีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นตลอด 1 ปี แต่ The MATTER ล้วนเผชิญข้อจำกัดทางพื้นที่ตามสัจธรรมของชีวิต และความขี้เกียจของทีมงานที่ไม่ได้มีมากเหมือนฝูงผึ้งอย่างที่พวกคุณคิด (ซึ่งจริงๆ ผึ้งกำลังสูญพันธุ์) ชื่อผู้ท้าชิงบางรายการอาจตกหล่นและไม่ถูกใจ ดังนั้นขอให้ใจเย็นๆ จิบชาอุ่นๆ แล้วหาเวลาสงบๆไปเขียนเอาเอง หรือมาสมัครเป็นทีมงาน The MATTER ก็ได้ ไม่ว่ากัน โลกเรามีทางเลือกเสมอ มีตังค์จ่ายให้หรือไม่ค่อยว่ากัน
เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ขอเปิดพิธีมอบรางวัล ณ บัดนี้
“วงปี่พาทย์มอญ บรรเลง!”
รางวัลคนหายแห่งปี
คนหลายคนก็ไม่อยากให้โลกจดจำ เรื่องราวเกิดขึ้นและลบเลือนไปเหมือนร่องรอยบนผืนทราย เราเลยขอชวนให้หวนคิดถึงผู้คนที่เคยอยู่ในความรับรู้แต่ได้เลือนหายไปแล้ว รางวัลคนหายแห่งปีขอมอบเพื่อเป็นการรำลึก รื้อฟื้นและเป็นกำลังใจให้กับคนที่หายไปในแง่ต่างๆ โดยมีผู้เข้ารอบสุดท้าย 5 คน ดังนี้
สุขุมพันธ์ุ
‘ชายหมู’ อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่เรารัก ชายหนุ่มที่เราทุกคนต่างคิดถึงทุกครั้ง เมื่อเกิดปัญหาอย่างการจราจรติดขัด น้ำท่วม เหล่าชาวกรุงเทพฯ ก็มักจะร่ำร้องเรียกร้องหาท่านกันอยู่เสมอๆ แต่โชคชะตามักเล่นตลก เวลาที่เราตกอยู่ในภาวะคับขัน ท่านก็มักจะติดภารกิจอื่นๆ อยู่เรื่อยไป The MATTER เราก็มักรำลึกถึงท่านด้วยความเคารพรัก แม้ปัจจุบันท่านได้โดนปลดออกจากตำแหน่งไปเรียบร้อยแล้วเราจะคิดถึงท่านนะ ด้วยรักและเคารพ (แต่ก็ไม่รู้จะโยนความผิดของความเส็งเคร็งของกรุงเทพให้ใครต่อดี)
ดลฤดี
หมอฟันที่เคยเป็นกระแสทอร์กออฟเดอะทาวน์ กับคุณดลฤดี ทันตแพทย์หญิงที่มีการกล่าวหาว่าเธอหนีทุนมหาวิทยาลัยมหิดลและไปรับตำแหน่งในมหาวิทยาลัยชื่อดัง พร้อมเงินเดือนจำนวนมาก ถ้านับว่าเธอเป็นคนหาย ก็น่าจะเรียกได้ว่าหายจากความรับผิดชอบและการรับผิดชอบจากทุนที่ตัวเองได้รับ ในตอนที่เธอเป็นข่าวได้เกิดกระแสต่อต้าน กดดัน และตามล่าเธออย่างรุนแรง มีการติดตามยึดทรัพย์ แต่ล่าสุดเธอได้ย้ายไปสอนที่อีกมหาวิทยาลัยหนึ่งแล้ว และหลายคนก็อาจจะลืม ‘หมอฟันผู้ล่องหน’ ผู้เชื่อมโยงสิ่งเหนือธรรมชาติและวิทยาศาสตร์เข้าไว้ด้วยกัน
ธัมมชโย
อีกหนึ่งบุคคลสาธารณะที่เราเคยเห็นหน้ากันบ่อยๆ กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ แต่พอมาถึงจุดหนึ่งท่านก็สามารถเนรมิตกายได้อย่างน่าทึ่ง เมื่อเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายถูกคดีจาก DSI ท่านก็กลายเป็นบุคคลลึกลับ มีการปรากฏตัวผ่านถ่ายทอดสดในสภาพว่าอาพาธหนัก และหลังจากการถ่ายทอดครั้งนั้นเราก็ไม่มีบุญได้เห็นท่านอีกจวบจนปัจจุบัน ดังนั้นหากจะมีคนหายในสื่อไหนที่แข็งแกร่งขนาดฝืนและต่อรองกับอำนาจรัฐได้เท่านี้ คงไม่มีใครเทียบ ‘ธัมมชโย’ สาธุ
สรยุทธ
ใครกันหนอเคยได้พบปะเจอหน้ากันทุกเช้า แต่มาปีนี้กลับหายหน้าไปจากจอ จากที่เคยเอาเรื่องราวดีๆ เอาคลิปหมีแพนด้าจามตัวงอ ภาพมอเตอร์ไซค์ประสานงา 10 ล้อ คอยอัพเดตให้เราฟังกันอย่างอบอุ่นหัวใจ ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ เป็นอันต้องลาจากจอเพราะมีคำพิพากษากรณีเบี้ยวโฆษณากับช่อง 9 อสมท. หลังจากศาลมีคำพิพากษาแล้วก็ยังมีการจัดรายการต่อไป ประชาชนเลยออกมาตั้งข้อสงสัยว่า เฮ้ย เราจะรับคนที่ทุจริตแล้วมีคำพิพากษาตัดสินจากศาลชั้นต้นแล้วแบบนี้มาทำหน้าที่สื่อได้เหรอ ก็เลยมีการออกมาต่อต้าน เรียกร้องให้ยุติการจัดรายการ รวมไปถึงเรียกร้องให้โฆษณาต่างๆ ยุติการลงโฆษณาด้วย จากคนที่เราเคยๆ เห็นหน้ากันทุกวัน วันนี้มีอันต้องร้างรา หายจากความรับผิดชอบต่อการงาน ไปรับผิดชอบการกระทำของตัวเองแทน…ถึงจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ก็ตาม
คณะฮาวาย
คนหายในระดับคณะบุคคล เมื่อบุคลากรคณะทำงานของรัฐไทยจะหายหน้าไปจากการทำงาน เช่าเครื่องบินเหมาลำด้วยงบระดับรีวิวลงพันทิปที่ราคา 20 ล้านบาท ไปได้ตั้ง 38 คน แต่ไม่แพงมากหรอก คนหน้าแข้งไม่ร่วงสักเส้น ฝ่าย ฯพณฯ ก็ออกมาแก้ตัวว่าไม่ได้ไปเที่ยวซะหน่อย เรื่องงานล้วนๆ นอกจากนี้จากเอกสารที่หลุดมายังมีคนหาย ไม่ได้ไปด้วยที่ยังคงเป็นปริศนา ปลายปีถึงจะเป็นหน้าหนาว ก็ขอเอาเสื้ออะโลฮ่ามาใส่ ชวนคิดถึงเรื่องราวที่หาย คนที่หาย งบประมาณที่หาย แหม่ หายซ้ำหายซ้อนจริงๆ
และรางวัลนี้ตกเป็นของ… ธัมมชโย
รางวัลคนหายแห่งปีย่อมควรค่าแก่พระเดชพระคุณหลวงพ่อผู้สาบสูญไปตั้งแต่กลางปี จนกระทั่งบัดนี้ยังคงหายไปประดุจภาพยนตร์อาชญากลปล้นโลก ควานตัวหาคาดว่าข้ามปีก็คงยังไม่พบ สร้างความสั่นสะเทือนให้กับความเชื่อมั่นและการบังคับใช้กฎหมายของรัฐไทย เป็นบุคคลสุดพิเศษที่สร้างความประทับใจและสีสันให้กับปี 2559 ได้อย่างยอดเยี่ยมในระดับอัศจรรย์ใจ
รางวัลไทยไฝ้แห่งปี
มวยไทยเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในสายเลือดของชาวไทยมาอย่างช้านาน เป็นหนึ่งในศิลปวัฒนธรรมที่ฝังอยู่ในสายเลือดไทย เราต่างมีเลือดนักสู้ที่ไหลเวียนอยู่ในกายอย่างเร้าร้อนและเข้มข้น ในอดีตเรามีนายขนมต้ม เรามีชาวบ้านที่แม้มือจะไกวเปลแต่ดาบก็กวัดแกว่ง นักปราชญ์ได้กล่าวไว้ว่าความขัดแย้งย่อมนำไปสู่ความก้าวเดินไปข้างหน้า ในรอบปีที่ผ่านมาสังคมไทย มีการไฝว้กันเป็นแมตช์ที่น่าจดจำกันหลายคู่ ในสิ้นปีนี้เราจึงจัดมอบรางวัลไทยไฝ้ อันเป็นเครื่องเชิดชูแก่เหล่ามวยคู่เอกในหน้าสื่อเพื่อสืบสานตำนานมวยไทย ตำไทยใส่นวม
เพจน้องง VS คริส
การเปิดหน้าฟาดฟันกันในออนไลน์พิภพสะเทือนไกลถึงดาวเนบิว เมื่อ ‘คริส’ นามจริงหรือนามแฝงไม่แน่ใจแห่ง เพจนักล่าเน็ตไอดอล อันเป็นเพจที่ทำหน้าที่เป็นตุลาการกำจัดคนที่ทางเพจเห็นว่าไม่เหมาะ ไม่ถูกต้อง ด้วยการแฉบ้าง เอาข้อมูลส่วนตัวมาประจาน จับขึงพืดบ้าง ทาง เพจน้องง (เป็นสาขา 2) แห่งกาแลกซีสีกลุบหลาบเห็นก็เหน็บประมาณว่าเหมือน “ระเบียบรัดเลยนะคะ” ทางนักล่าผู้เที่ยวล่าคนอื่นพอถูกเหน็บบ้างก็ไม่พอใจ ออกมาล่าแอดมินเพจน้องงบ้าง ด้วยการเอาและขู่ว่าจะเอาข้อมูลส่วนตัวมาแฉ ทางเพจน้องออกมาตอบโต้แบบไม่สนใจ โนแคร์โนสน แถมยังถือโอกาสขายเสื้อไปซะอีก ทำไปทำมาพวกแอดมินเพจน้องที่เปิดหน้าออกมา เลยออกสื่อเดินสายเป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่ศาสนาตนไปซะเฉยๆ
ลูกนายพล VS บอล
นิทานว่าด้วยการเหยียบผิดเท้าสำหรับคู่นี้ คือการรุมตื้บลูกนายพลคาผับดังเมืองเชียงใหม่ โดยเรื่องราวยุ่งเหยิงมีทั้งดารา การ์ดดารา การ์ดของผับ เจ้าของผับที่สนิทสนมกับดารา สรุปความว่ามีการตื้บกันเกิดขิ้นในผับ แถมตื้บกันหนักมือไม่ใช่เล่น แต่ผลออกมาว่าหนุ่มน้อยที่ถูกทำร้ายนั้นกลายเป็นลูกนายพลออกมาเล่าความรุนแรงผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก ผู้คนก็เกิดกระแสว่านี่หรือเมืองพุทธ ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ ลูกนายพลหล่อจัง ล่าสุดจากหลายหมัดหลายเท้าที่ลงบนลูกนายพล หมัดเท้าทางสังคมและกฎหมายก็กำลังรัวลงบนต้นเหตุ เผลอๆ สะบักสะบอมหนักกว่าตอนตื้บเขาอีกแหละ อ้อ แต่ว่าเรื่องการกระทืบกันเนี่ย ก็ไม่ใช่ว่าอยู่ที่กระทืบผิดคนเนอะ กระทืบใครก็ควรมีความเป็นธรรมให้ทั้งนั้นดีกว่า
ธรรมกาย VS DSI
เรียกได้ว่าเป็นศึกแห่งศตวรรษเลยก็ว่าได้ เมื่ออภิมหาองค์กรลงมาฟาดฟันกัน ฝ่ายหนึ่งคืออำนาจรัฐ ผู้มีอำนาจกฎหมายอยู่ในมือ ส่วนอีกฝ่ายก็เป็นอำนาจศรัทธาที่มีอาณาจักรแห่งศรัทธาและปวงชนจำนวนมากเป็นขุมพลัง เมื่ออำนาจรัฐต้องพบกับการต่อต้าน แหม่จะไม่เรียกว่าเป็นศึกแห่งปีได้ยังไง เพราะว่าขับเคี่ยวฟาดฟันกันมาจนจะหมดปีแล้วก็ยังสู้กันไม่จบสิ้น เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดมวยระดับประเทศที่นานๆ ครั้งจะมีให้เราได้ติดตาม
บุ๋ม ปนัดดา VS เจนนี่ เทียน
การวางมวยจากเพื่อนคู่ค้าธุรกิจ ด้วยปัญหาเรื่องธุรกิจเงินๆ ทองๆ ทำให้สองนักแสดงหญิงต้องออกมาตอบโต้กันหลายหมัด ระหว่าง ‘บุ๋ม ปนัดดา’ กับ ‘เจนนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ’ ที่มีความขัดแย้งกันเรื่องธุรกิจฟิตเนสที่ตัวเองทำร่วมพื้นที่กันอยู่ เรื่องเริ่มจากมีการปล่อยคลิปเจ้าปัญหา การแถลงด้วยน้ำตา ไปจนถึงการวางหมากด้วยท่าทีนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว แถลงกันไปแถลงกันมา ถามคนโน้นบ้าง คนนี้บ้าง สรุปสุดท้ายก็มีการจ่ายเงินแล้วก็ย้ายออกจากพื้นที่เป็นการจบเรื่องไปตามระเบียบ
ไก่อู VS ปู
ถึงลงจากตำแหน่งแล้วแต่ตัวตนก็ไม่หายไปไหน กรณีสงครามน้ำลาย แซะกันไปมาระหว่าง ‘ไก่อู’ โฆษกของทางรัฐบาล กับ ‘อดีตนายกปู’ ที่พอเกิดเรื่องอะไรก็จะต้องมีฝ่ายหนึ่งขยับตัวออกมาวิพากษ์วิจารณ์บ้าง ทำนู่นทำนี่บ้าง และอีกฝ่ายก็มักจะออกมาโต้ตอบ อย่างเช่นท่านไก่อูในฐานะโฆษกก็มักออกมาทำหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์การกระทำต่างๆ เช่น พอปูออกมาช่วยขายข้าวถุง ท่านต้องก็ออกมาปรามๆ ว่า เอ้อ อย่าโหนกระแส สร้างข่าว สร้างดราม่า ให้ทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจสิ นะจ๊ะ…
รางวัลตกเป็นของ ธรรมกาย VS DSI
เมื่อสงครามคราวนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของบุคคล แต่เป็นระดับรัฐต่อสู้กับศาสนา เรียกได้ว่าเป็นโลกอาณาจักร ปะทะ ศาสนจักร เป็นการสู้กันของกลยุทธ์ ยุทโธปกรณ์ และพลังอำนาจเหนือโลก มีการไฝว้กันด้วยอาวุธมากมาย ทั้งการวางแผนด้วยกองกำลัง การใช้กลุ่มผู้ศรัทธามาร่วมปกป้องพื้นที่ ใช้โดรนบินสอดแนม แต่ก็ถูกโต้กลับด้วยพลานุภาพอัศจรรย์ให้โดรนบินตกใส่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอไปซะอย่างนั้น เรียกได้ว่าศึกภายในครั้งนี้เป็นที่จับตาและใหญ่หลวงยิ่งนัก ทำให้โลกที่เราเคยเชื่อมั่นอย่างอำนาจรัฐและอำนาจศรัทธาลงมาเทคแอคชั่นได้อย่างน่าอร่อย
รางวัลไม่ได้เรื่องแห่งปี
เป็นรางวัลที่มอบให้แก่ผลงานที่ไม่ได้เรื่องได้ราว ดูเหมือนจะดี แต่ก็ไม่ดี ค่อนไปทางสร้างความเดือดร้อนมากกว่า คณะกรรมการ The MATTER ตั้งรางวัลนี้ขึ้นมาเพื่อฉายแสงให้กับโครงการพิลึกๆ ที่อาจสูญหายไปในอนาคต (หรือทำจริงโดยคุณไม่รู้ตัว) หากไม่มีการกล่าวถึงหรือมอบรางวัลอย่างเป็นชิ้นเป็นอันอาจเป็นการดูหมิ่นผลงานเหล่านี้ จึงขอมอบรางวัลเป็นขวัญกำลังใจในความไม่ได้เรื่องได้ราว
พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ฉบับปิดหูปิดตา
พลังของดวงตาเซารอนช่างไร้ขีดจำกัด จากที่กระทรวงไอซีทีเสนอแนวคิด ‘ซิงเกิลเกตเวย์’ (Single Gateway) เพื่อให้ควบคุมข้อมูลได้สะดวกขึ้น แต่เป็นการปิดปากเพื่อตรวจสอบ มีโทษผิดฐานเผยแพร่ ‘ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ’ แต่กำหนดฐานความผิดอย่างคลุมเครือยิ่งขึ้น เช่น ความผิดฐานโพสต์ข้อมูลเท็จที่กระทบต่อ ‘ความปลอดภัยสาธารณะ’ ‘ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ’ หรือ ‘การบริการสาธารณะ’ ซึ่งไม่มีนิยามชัดเจนในกฎหมาย อาจทำให้การบังคับใช้มีปัญหา เกิดการตีความโดยเจ้าหน้าที่เพื่อประโยชน์ของผู้มีอำนาจในเวลานั้น ที่สำคัญข้อมูลส่วนบุคคลตกอยู่ในอันตราย หลายๆ มาตราทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดตกอยู่ในความไม่ปลอดภัย แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดใดเลยก็ตาม
จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าเตาปูน-บางซื่อ
1 กิโลเมตรไม่ใช่น้อยๆ เมื่อโครงการรถไฟฟ้าระหว่าง ‘เตาปูน-บางซื่อ’ ที่หายไปจากแผนซึ่งเคยอยู่ในกระดาษ แต่เมื่อถึงการก่อสร้างจริงกลับเป็นช่องว่างดั่งหลุมดำ ทำให้ประชาชนตาดำๆ ต้องใช้บริการรถชัตเติลบัสและรถไฟเชื่อมโยงจากเตาปูนไปบางซื่อก่อนพลางๆ จนกว่าจะได้ตัวผู้เดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายอย่างเป็นทางการตามที่มีแผนเปิดให้บริการประมาณปี 2562 โน้น ปัญหาเกิดขึ้นจากเรื่องดีลงงๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐกับเอกชน โดย บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีอีเอ็ม ต้องลงทุนเพิ่ม 1 สถานี แต่สามารถเก็บค่าโดยสารเพิ่มได้เพียง 2 บาท จะทำให้บริษัทขาดทุนปีละ 2,000 ล้านบาท ดังนั้นประชาชนยังต้องยอมจ่ายเงินค่าเดินทางเป็นส่วนต่างต่อไป แทนจะได้นั่งรถไฟที่เส้นทางเชื่อมโยงกัน
วิมานพระอินทร์
โครงการสุดทะเยอทะยานที่จะสร้างแลนด์มาร์กของแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ดันโดนจับได้ว่าก็อปอาคารในกรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย ชื่อว่า ‘เดอะ คริสตัล ไอแลนด์’ โดยสถาปนิกชื่อดังชาวอังกฤษ Norman Foster
‘ดวงฤทธิ์ บุนนาค’ สถาปนิกและนักออกแบบชื่อดัง ออกมาตบหน้า สจล. ว่า ค่าแบบ 120 ล้านจากภาษีดันถูกจ่ายไปจ้างคนออกแบบ โดยใช้โมเดลที่สามารถดาวน์โหลดมาใช้ฟรีๆ แล้วแถว่า ‘ออกแบบโดยมีแนวคิดลึกซึ้ง’ ส่วนสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาโครงการสำรวจ ออกแบบ และจัดทำแผนแม่บทออกมาแก้ต่างว่า ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมเครื่องยอดทรงจอมแห ส่วนผนังได้รับแรงบันดาลใจจาดเกล็ดพญานาค โดยยังเป็นแนวความคิดเบื้องต้นเท่านั้น
แม้จะยังไม่มีการลงมือก่อสร้าง แต่หากวิมานเป็นจริง คงเป็นวิมานที่องค์พระอินทร์อาจไม่เอ็นจอยที่จะสถิตย์นัก
Facebook แจ้ง Safety Check มั่วจากข่าวระเบิดในกรุงเทพเมื่อปี 58
ตระหนกตกใจส่งท้ายปีกันไปตามๆ กัน เมื่ออยู่ๆ ช่วงหัวค่ำของวันที่ 27 ธันวาคมฟังก์ชั่น Safety Check ของเฟซบุ๊กก็โผล่ขึ้นมาให้ชาวกรุงเทพฯ อัพเดทว่า เฮ้ เราโอเคจากเหตุการณ์ระเบิดนะ หลังจากนั้นไม่นานหน้า feed ของชาวไทยหลายคนก็เริ่มเห็นเพื่อนๆ พากันออกมาบอกว่า ‘เฮ้ย เราโอเค’ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว กรุงเทพเรายังปลอดภัยดี เฟสบุ๊กเจ้ากรรมดันไปดึงเอาข่าวเก่าครั้งเหตุระเบิดราชประสงค์เมื่อ 17 สิงหาคม ปี 2558 กลับมาแจ้งเตือนไปซะนี่
เรื่องข่าวปลอมในเฟซบุ๊กนี่เป็นประเด็นสำคัญที่ถูกจับตามอง เพราะมีหลายฝ่ายบอกว่าพื้นที่ออนไลน์อย่างเฟซบุ๊กเป็นพื้นที่สำคัญที่ทำให้ข่าวลือและข่าวปลอมทั้งหลายแพร่ออกไปได้ง่าย มีหลายเสียงถึงขนาดบอกว่าที่โดนัล ทรัมป์ชนะได้ส่วนหนึ่งก็เพราะข่าวปลอมที่ระบาดในสื่อโซเชี่ยลนี่แหละ สุดท้ายกลายเป็นว่าระบบของทางเฟสบุ๊กดั้น ต๊องและแพร่ความตระหนกตกใจให้ชาวกรุงเทพกันไปแว่บนึงส่งท้ายปลายปีเลย
ด้วยเรื่องราวและความสำคัญเรื่องข้อมูลข่าวสารและระบบในโลกออนไลน์ เราจึงเสนอเหตุการณ์เฟซบุ๊กแจ้ง Safety Check มั่วจากข่าวระเบิดในกรุงเทพเมื่อปี 58 เข้าชิงรางวัลไม่ได้เรื่องแห่งปี 2016 ด้วยอีกเหตุการณ์หนึ่ง
ทศกัณฐ์ หยอดขนมครก ไม่เหมาะสม
เรื่องที่ดูไม่เป็นเรื่องกลายเป็นกระแสที่ทุกคนในจักรวาลทางช้างเผือกต้องขยับ MV ส่งเสริมการท่องเที่ยว ‘เที่ยวไทยมีเฮ’ ที่ได้ บัณฑิต ทองดี กำกับ และมี เก่ง-ธชย ประทุมวรรณ มาร้องร่วมกับ ฟิล์ม-บงกช เจริญธรรม โดยให้นักร้องอย่างเก่งแต่งเป็นทศกัณฐ์ในมาดนักท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆในประเทศไทย ทำกิจกรรมหลากหลาย ทั้งขึ้นรถขึ้นรา ขี่บั้งไฟ หยอดขนมครก ถ่ายเซลฟี่ ซึ่งก็ดูไม่ได้มีอะไรในกอไผ่นัก (และหลายคนก็บอกว่ามันไม่ได้สร้างสรรค์อลังการงานสร้างขนาดนั้น)
แต่ ‘ลัดดา ตั้งสุภาชัย’ อดีตศิลปินกองการสังคีต กรมศิลปากร เป็นเดือดเป็นร้อนราวไฟสุมอกเพราะเหตุผลที่ว่า “ทศกัณฐ์ ซึ่งถือว่าเป็นราชาแห่งยักษ์ทั้งปวง รวมถึงยังเป็นตัวละครในวรรณคดีที่สง่างาม น่าเกรงขาม ทำกิจกรรมไม่เหมาะสม เช่น หยอดขนมครก, ขับโกคาร์ท, ถ่ายเซลฟี่, ขี่บั้งไฟ เป็นต้น”
แต่การออกตัวแรงกลายเป็นบูมเมอแรงที่สวนกลับ กระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างออกรส มุกตลกเสียดสีและทิ่มแทงที่ทุกเพจต้องเล่น กลายเป็นว่าคลื่นสึนามิถาโถมพัดคุณลัดดาให้หายจ๋อย แต่อย่างน้อยสังคมไทยก็เกิดคำถามถึงที่มาที่ไปของ ทศกัณฐ์จริงๆ และเกิดการถกเถียงว่าวัฒนธรรมนั้นสามารถนำลงจากหิ้งเอามาทำให้ทันสมัยได้หรือเปล่า
รางวัลตกเป็นของ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ฉบับปิดหูปิดตา
สภานิติบัญญัติแห่งชาติเมินเสียงค้าน 300,000 เสียง ไฟเขียวร่างพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
น่าจับตามองที่เป้าหมายก็คือการให้รัฐมาควบคุมการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสาร ได้ว่าประชาชนจะดูอะไรและไม่ดูอะไร ซึ่งถ้าดูกฎหมายนี้ก็จะเห็นว่ามีเจตนารมณ์นี้อยู่ ซึ่งทำอย่างซับซ้อนและรวมศูนย์มากขึ้น โดยมีการควบคุมมากถึงสามชั้น
ชั้นแรก ในร่างประกาศกระทรวงให้อำนาจในการบล็อกเว็บ มีอำนาจบล็อกได้เองโดยไม่ต้องรอเอกชน แต่ถ้าเอกชนจะมาเชื่อมต่อก็เชื่อมได้ ซึ่งต้องใช้คำสั่งศาล แต่ก็มีข้อมูลสถิติรูปธรรมว่า ศาลไม่มีเวลากลั่นกรองทั้งหมด เมื่อเจ้าหน้าที่ยื่นมา 700-800 เว็บ ศาลก็ไม่มีเวลา และเมื่อบล็อกแล้ว ก็บล็อกเลย ไม่มีกระบวนการอุทธรณ์ ไม่มีกระบวนการเยียวยาอะไรทั้งสิ้น
ชั้นที่สองคือคณะกรรมการบล็อกเว็บ ซึ่งเพิ่มจาก 5 คนเป็น 9 คน อำนาจก็ยังเหมือนเดิมคือมีอำนาจเสนอศาลว่าอะไรที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ซึ่งก็ยังใช้ระบบเสียงส่วนใหญ่อยู่ไม่ได้ใช้ระบบเอกฉันท์
ชั้นที่สามอยู่ในกฎหมายมาตรา 15 คือระบบแจ้งเตือนและให้เอาออกของผู้ให้บริการ ซึ่งดูเผินๆ เหมือนจะดี เพราะถ้าคุณแจ้งแล้วผู้ให้บริการเอาเนื้อหาออกภายใน 3 วัน ผู้บริการก็จะถือว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่ปัญหาก็คือใครๆ ก็บอกให้เอาออกได้ ซึ่งถ้าผู้ให้บริการพิจารณาแล้วมีความผิดก็จะเอาออก ซึ่งความผิดในที่นี้ก็ต้องกลับไปดูที่มาตรา 14 ซึ่งคลุมเครืออยู่แล้ว คือ เท็จ บิดเบือน อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบความปลอดภัยสาธารณะอะไรต่างๆ ซึ่งก็ตีความได้มากมายหลากหลาย สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นก็คือผู้ให้บริการที่ไม่อยากเสี่ยง ก็จะมีแรงจูงใจว่างั้นก็ควรจะบล็อกไปก่อนเลย ก็จะทำให้เกิด self-censorship โดยไม่ต้องมีหมายศาลด้วย
ผลลัพธ์ของระบบเซนเซอร์สามชิ้นนี้ก็จะนำไปสู่การควบคุมข้อมูลข่าวสารที่รัฐอยากจะควบคุมข้อมูลข่าวสารซึ่งจะนำไปสู่สิ่งที่รัฐต้องการใน Single Gateway
รางวัลวาทะแห่งปี
การพูดเป็นกลยุทธ์ที่เหมือนจะเรียบง่าย แต่ก็ซ่อนเร้นไปด้วยวาระสำคัญมากมาย อารยธรรมมนุษย์จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ด้วยจากคำพูดของคนเป็นสำคัญ บางคนพูดเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง บางคนพูดเพื่อคนอื่น และบางคนก็พูดเพื่อปกป้องตัวเองไปวันๆ ใครๆ ก็นิยมพูดในสิ่งที่คิด แต่ส่วนใหญ่มักไม่ได้คิดแล้วพูด เราจึงขออัญเชิญวาทะแห่งปีที่ค่อนข้างอดสูใจ
“น้ำรอการระบาย” – ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ บริพัตร
น้ำมาหม่อมปรากฏ น้ำลดหม่อมไม่อยู่? ฝนตกหนักจนน้ำท่วมหลายพื้นที่นั้นไม่ใช่น้ำท่วมแต่มันคือ “น้ำรอการระบาย” ใครว่าน้ำท่วม หม่อมบอกไม่ใช่ส่ายหน้ารุนแรง ปัญหาน้ำท่วมหรือน้ำรอระบายนี้ เกิดจากฝนตกหนักในกรุงเทพฯทำให้หลายจุดเกิดน้ำท่วมขัง ผนวกกับพื้นที่ต่ำในกรุงเทพซึ่งเป็นที่ลุ่มมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ และเลวร้ายที่สุดคือปริมาณขยะจำนวนมหาศาล ก่อให้เกิดปัญหาเชิงซ้อนที่ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนๆ ก็ยากจะแก้ การออกมายอมรับและขอความร่วมมือคนกรุงเทพ คงดูดีกว่ามาใช้กลไกทางภาษาเพื่อหลีกหนีความเป็นจริง
“เจอคนแบบนี้ ในสังคมแบบนี้ แย่มากครับ” – ดีเจเก่ง เกียร์ R
อีกหนึ่งวาทะดังที่หลายคนคงไม่ลืมสำหรับ ‘ดีเจเก่ง ภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ’ ดีเจคลื่นวิทยุ 89.5 สวีทเอฟเอ็ม ได้รับฉายา ‘เกียร์ R’ จากเหตุตั้งใจขับรถชนคนอื่นเพื่อเรียกร้องเอาค่าเสียหาย แถมยังกล่าววลีนี้ออกมาเพื่อทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นผู้ถูกชน ถ้าไม่ได้คลิปเป็นหลักฐานมัดตัว เราคงเชื่อเขาไปแล้วจากวาทะดังกล่าว
“แม่สร้างขวัญมา แม่ก็ทำลายขวัญได้” ขวัญ อุษามณี กล่าวในสัมภาษณ์ว่าแม่เคยกล่าวไว้กับเธอ
‘ขวัญ อุษามณี’ ให้สัมภาษณ์กรณีเรื่องความขัดแย้งในครอบครัว ทำให้เธอต้องการออกมารับงานแสดงเอง และเปิดธุรกิจส่วนตัวเพื่อหารายได้ หลังจากที่ให้แม่เป็นผู้จัดการรับงานแสดงและเก็บเงินของเธอมาโดยตลอด ขวัญยังกล่าวขณะให้สัมภาษณ์ถึงคำพูดของแม่ด้วยว่า แม่บอกว่าตั้งแต่เด็กแม่สร้างขวัญมา แม่ก็ทำลายขวัญได้ แต่เธอก็ยังยืนยันว่าในฐานะลูก เธอไม่มีสิทธิ์โกรธแม่ของเธอ และยืนยันจะทำหน้าที่รับผิดชอบในครอบครัวของเธอต่อไป
“ที่นี่ไม่ได้มีไว้สำหรับคนอ่อนแอ” รุ่นพี่จากสถาบันเกี่ยวกับการค้าทางน้ำแห่งหนึ่ง
ไม่จบเสียทีสำหรับกรณีการใช้ความรุนแรงในกิจกรรมรับน้องจนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บถึงขั้นเข้าไอซียู จากกรณีจมน้ำจนปอดอักเสบ ซึ่งเป็นนิสิตน้องใหม่ ปี 1 คณะพาณิชยนาวี ก่อให้เกิดคำถามว่าจำเป็นหรือไม่กับกิจกรรมที่รุ่นพี่จัดไว้สำหรับการรับน้อง สังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง จนมีกลุ่มรุ่นพี่ตั้งแฮชแท็ค #ที่นี่ไม่ได้มีไว้สำหรับคนอ่อนแอ และ #อ่อนแอก็แพ้ไป ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าอย่าให้ร้ายสถาบัน เพราะคนที่เข้ามาเรียนพาณิชยนาวีควรจะมีร่างกายที่แข็งแรง พร้อมกับการฝึก อยู่กับน้ำอยู่กับทะเล การจมน้ำจึงเป็นเรื่องเข้าใจได้
แต่แท้จริงความกล้าหาญและแข็งแกร่ง คือการยอมรับผิดจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสมต่างหาก
“จะมอบตัวเมื่อบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย” คณะลูกศิษย์ธัมมชโย
คดีดังแห่งปี กรณีพระธัมมชโยทำผิดคดีรับเงิน 1,400 ล้าน แต่พระธัมมชโยไม่ยอมออกมามอบตัวกับ DSI ถึงขนาดใช้กำแพงมนุษย์ปิดล้อมวัดพระธรรมกายเอาไว้ แต่ได้มีคณะลูกศิษย์ออกมาพูดคุยกับสื่อและกล่าวว่าพระธัมมชโยจะยอมมอบตัวเมื่อบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยแล้ว แล้วชาติไหนจะได้จับกันเล่าหนอ?
“เขาบินผ่านไปแล้ว เขาไปจีนแล้ว เขาบินผ่านไปเลย” บิ๊กตู่
อีกวาทะเด็ดของบิ๊กตู่ได้กล่าวถึงกรณี ‘โจชัว หว่อง’ นักเคลื่อนไหวของฮ่องกง ที่เดินมามาประเทศไทยเพื่อร่วมงานที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ แต่ถูกกักตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิและถูกส่งตัวกลับฮ่องกงทันที ในกรณีนี้บิ๊กตู่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีดังกล่าวจากที่ถูกกดดันอย่างหนัก “เขาบินผ่านไปแล้ว เขาไปจีนแล้ว เขาบินผ่านไปเลย” ราวกับหนุ่มโจชัวเป็นวิหกอพยพหนีหนาวซะอย่างนั้น
รางวัลตกเป็นของ “จะมอบตัวเมื่อบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย”
การใช้กลไกทางภาษาอย่างชาญฉลาดทำให้คุณเป็นต่อ คณะศิษย์พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ออกแถลงการณ์อย่างสร้างสรรค์ แทนที่จะใช้ประโยคว่า “ชาติหน้าตอนบ่ายๆ” แต่รอให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยก่อน ก็เหมือนกับรอดูพระอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตก คมคายจนต้องตบเข่าฉาดใหญ่ให้กับแสนยานุภาพของอาณาจักรธรรมกายที่สามารถต่อกรอำนาจรัฐได้อย่างสบาย
เรื่องดีๆแห่งปี
ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องราวร้ายๆ เรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นก็มีอยู่เยอะ เรากำลังเห็นความเปลี่ยนผ่านเล็กๆที่เกิดขึ้นจากความพยายามของคนในสังคม
บิล เกตส์ โพสรูปเสาไฟฟ้าพัทยา
เรื่องดีๆ ดังถึงระดับโลก เมื่อ ‘บิล เกตส์’ เจ้าพ่อไมโครซอฟท์ ได้โพสต์รูปสายไฟฟ้าระโยงระยางในพื้นที่พัทยา และตั้งคำถามถึงสวัสดิภาพของคนในพื้นที่ ว่าสายไฟเหล่านี้มีความปลอดภัยแค่ไหน ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างออกมาแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน นี่ถ้าไม่ได้บิลเกตส์ ข่าวไม่ได้เป็นกระแสไปทั่วโลกแบบนี้ ชาวบ้านคงจะต้องเสี่ยงกับสายไฟไปอีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้
ตูน วิ่งระดมทุนเพื่อโรงพยาบาล
เป็นกระแสความร่วมใจและร่วมทุนกันในโครงการ ‘ก้าวคนละก้าว’ ของคุณตูน บอดี้แสลม ที่มีความตั้งใจหาทุนเพื่อจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้วยการวิ่งจากกรุงเทพฯ ถึง อ.บางสะพาน ระยะทางกว่า 400 ก.ม. ด้วยความตั้งใจ จนสามารถเรียกยอดบริจาคกว่า 70 ล้านบาท แต่ถึงกระนั้นก็ทำให้เกิดคำถามกับคนหลายกลุ่มว่า เหตุไฉนงบประมาณการแพทย์จึงยังขาดแคลนอยู่ ทำไมการช่วยเหลือหน่วยงานราชการกลับต้องเป็นหน้าที่ของประชาชนด้วยกันเอง
ไม่แน่ว่าในอนาคตเราคงได้เห็นกิจกรรมวิ่งแบบนี้กันทั่วประเทศไทยเพื่อหาทุนช่วยหน่วยงานต่างๆ อีกล่ะมั้ง
ความมีน้ำใจในงานพระบรมศพ
ท่ามกลางความโศกเศร้าของคนไทยทั้งประเทศ จากการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังมีอีกมุมหนึ่งซึ่งทำให้เราได้เห็นน้ำใจของคนไทยที่ช่วยเหลือกันในวันที่เศร้าที่สุด โดยเฉพาะช่วงระหว่างงานพระบรมศพในพระบรมหาราชวัง เนื่องจากการเดินทางเข้าออกมายังบริเวณดังกล่าวแน่นขนัดไปด้วยพสกนิกรทุกสารทิศ ทำให้การจราจรติดขัด เราจึงได้เห็นน้ำใจของบรรดาวินมอเตอร์ไซค์และจิตอาสาหลายคนบริการรับส่งประชาชนฟรี รวมถึงการแจกอาหารและน้ำโดยรอบสนามหลวง การให้บริการเสื้อผ้าแก่ประชาชนที่ต้องการเข้าไปสักการะพระบรมศพ กิจกรรมที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เราได้เห็นน้ำใจของทุกคนในช่วงเวลาที่เศร้าที่สุดเช่นนี้
Ice Bucket Challenge
เรื่องขำขันในวันนั้นได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาเพื่อช่วยชีวิตคนนับล้านในวันนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยังจำกันได้รึเปล่ากับกิจกรรมที่เป็นกระแสไวรอลเมื่อสองปีที่ผ่านมากับ Ice Bucket Challenge กิจกรรมเทถังน้ำเย็นใส่ตัวเอง เพื่อให้ทราบความรู้สึกของผู้ป่วย ALS ที่ได้ยอดเงินบริจาคไปกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งในวันนี้เงินก้อนนั้นได้กลายเป็นทุนวิจัยทำให้เราค้นพบยีนที่เป็นสาเหตุของโรค ALS แล้ว ดังนั้นในอนาคตการรักษาโรคก็จะง่ายขึ้น ชีวิตของผู้ป่วยก็จะมีโอกาสรอดจากโรค ALS มากขึ้นด้วยเช่นกัน
น้องแพรเก็บเงินได้ 100 บาท
ใน The MATTER เองก็มีเรื่องดีๆ เช่นกัน เมื่อนักเขียนและ Editor สาว พบธนบัตร 100 บาทและส่งคืนเจ้าของอย่างซื่อสัตย์โดยไม่ยึดเอาไว้เอง เป็นตัวอย่างที่ดีของน้องๆ ฝึกงานทั้งตึกให้เอาเป็นแบบอย่างถึงความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของคนในองค์กร
รางวัลตกเป็นของ “ความมีน้ำใจในงานพระบรมศพ”
ปรากฏการณ์ความร่วมใจท่ามกลางความสูญเสียที่ทุกคนมีส่วนร่วม น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ความมีน้ำอดน้ำทนท่ามกลางความไม่สะดวกสบาย ดูเหมือนว่าการสูญเสียจะทำให้เราเติบโตขึ้น ทำให้เราได้เห็นแง่มุมที่สวยงาม เรียนรู้ที่จะไม่จมไปกับความเศร้า และก้าวไปข้างหน้าสู่ปีใหม่ที่แข็งแรงกว่า