“คำแถลงอาจมีน้ำหนักเบาบางเหมือนขนนก
แต่หัวใจผู้พิพากษาหนักแน่นปานขุนเขา
จึงมอบหัวใจชั่งบนตราชู”
สำหรับบางคน ความหมายของการมีชีวิต ไม่ได้อยู่แค่การรักษาลมหายใจ แต่คือการรักษาบางสิ่งที่ใหญ่ยิ่งกว่าตนไว้ การเลือกความตายเพื่อรักษาไว้ซึ่งความเชื่อจึงเป็นพื้นที่และการตัดสินใจอันซับซ้อน และแน่นอนว่ายากที่ใครจะเข้าไปตัดสินและวิพากษ์วิจารณ์
ในโลกโบราณ ความตายและการเลือกตาย โดยเฉพาะการตายในนามของอุดมคติและอุดมการณ์ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับความเชื่อโลกใบนี้และโลกหน้า มนุษย์เชื่อว่าเราเกิดมาเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าตน และโลกใบนี้ก็ไม่ใช่โลกใบเดียว ลมหายใจที่มีอยู่ไม่ใช่ลมหายใจสุดท้าย หลายศาสนามักกล่าวถึงดินแดนหลังความตาย ดินแดนที่มีความจีรังกว่าห้วงเวลาอันแสนสั้นและไม่แน่นอนบนโลกมนุษย์ตัวจ้อย ดินแดนที่ความยุติธรรมถูกเปิดเผย
ในถ้อยแถลงสำคัญของผู้พิพากษา คณากร เพียรชนะ ที่ทั้งน่าเศร้าและน่าเชิดชูอ้างอิงถึงความเปรียบสี่อย่างคือ ขุนเขา ขนนก หัวใจ และตราชั่ง ในวันที่ผู้เขียนถ้อยแถลงสำคัญได้เลือกละหัวใจในโลกนี้ไปแล้ว ความเปรียบสำคัญนั้นสอดคล้องกับตำนานของอียิปต์โบราณ ดินแดนที่เชื่อเรื่องโลกหลังความตายมากกว่าโลกของคนเป็น ในคัมภีร์มรณะ (Book of Dead) กล่าวถึงการเดินทางและการพิพากษาสุดท้ายของผู้วายชนม์
ณ ห้องโถงแห่งสัจจะ ต่อหน้าเทพบดีผู้ยิ่งใหญ่พร้อมคณะเทพตุลาการทั้ง 42 องค์ ในที่แห่งนั้นและในบททดสอบสุดท้ายในฐานะมนุษย์ หัวใจของเราจะถูกนำขึ้นชั่งบนตราชูทองคำ เคียงคู่กับขนนกหนึ่งอัน
หากว่าหัวใจของเขาหรือเธอบริสุทธิ์เพียงพอ หัวใจดวงนั้นก็จะมีน้ำหนักเบากว่าขนนก
ขนนก ความสมดุลและตัวเชื่อมของผืนดินและแผ่นฟ้า
ภาพและความหมายของขนนก—ก้านเดียว เป็นสิ่งที่พบได้และมีใช้ทั่วไปในแทบทุกวัฒนธรรม ขนนกถูกนำไปประดับทั้งในเครื่องแต่งกาย เครื่องดนตรี และการประดับขนนกก็มักมีความหมายพิเศษ เพราะมักเชื่อมโยงกับพิธีกรรมสำคัญ ตัวขนนกเองนอกจากจะหมายถึงน้ำหนักที่เบาแล้ว ยังมักหมายถึงการรักษาสมดุล การสอดประสานและความกลมเกลียว แน่นอนว่านกเป็นสัตว์ที่ผ่าเผย มีอิสระ และพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้ชิดกับสรวงสวรรค์มากที่สุด ขนนกจึงเป็นตัวแทนของการเชื่อมต่อระหว่างผืนดินและท้องฟ้า ระหว่างโลกมนุษย์และโลกแห่งจิตวิญญาณ
ในความเชื่ออียิปต์โบราณ ขนนกมีความสำคัญ เพราะปรากฏเป็นอักษรภาพที่วาดเป็นรูป ไม่ว่าจะเป็น ขนนกกระจอกเทศ ขนนกในอักษรเฮียโรกริฟิกที่หมายถึงเทพชู(Shu) ซึ่งเป็นเทพแห่งอากาศ เทพบิดรแห่งท้องฟ้าและผืนแผ่นดิน โดยทั่วไปแล้วขนนกมักหมายถึงเทวีมาอัต(Ma’at) เทวีแห่งสัจจะและระบบระเบียบ อันเป็นเทวีองค์สำคัญที่จะเผยความจริงสุดท้าย ก่อนที่มนุษย์จะก้าวเข้าสู่ดินแดนสุขาวดี
หัวใจ คัมภีร์ของผู้วายชนม์ และการเดินทางครั้งสุดท้าย
อารยธรรมอียิปต์เป็นอารยธรรมที่จริงจังกับโลกหลังความตาย เราเห็นการสร้างปิระมิด วิทยาการการรักษาร่างกายและพิธีกรรม การสร้างสุสาน ทำมัมมี่ โดยเฉพาะการวางหนังสือสำคัญไว้ให้ผู้ตาย สิ่งเหล่านี้ล้วนทำเพื่ออำนวยให้ผู้ตายเดินทางไปสู่สัมปรายภาพ ไปสู่การพิพากษาสุดท้ายและเข้าสู่ทุ่งต้นกกแห่งความสุขนิรันดร์ได้โดยสวัสดิภาพ
ชาวอียิปต์เชื่อว่าการเดินทางในโลกหลังความตายเป็นการเดินทางที่ยิ่งใหญ่ และต้องมีคู่มือขั้นตอนอันเฉพาะเจาะจง และคัมภีร์มรณะ หรือ Book of the Dead นี่แหละที่นอกจากจะเป็นความเข้าใจเรื่องโลกหลังความตายแล้ว ตัวคัมภีร์อันจารขึ้นบนกระดาษาม้วนปาปิรุสนี้จึงใช้เป็นหนังสือสำคัญ ถูกวางไว้ในโลงศพในฐานะหนังสือของผู้ตายตามชื่อ เป็นคู่มือที่ผู้ตายจะถือติดตัวไป ในคัมภีร์จะบอกขั้นตอนและบรรจุถ้อยคำและคาถาสำคัญที่ต้องใข้ในการเดินทางสู่ปรโลกและผ่านขั้นตอนการไปสู่ชีวิตอมตะได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
หลังจากที่เราตายแล้ว ชาวอียิปต์เชื่อว่านอกจากวิญญาณแล้ว ร่างของเราจะเหลือเพียงหัวใจ เป็นสิ่งสำคัญเดียวของเรา เพราะหัวใจคือศูนย์รวมของอารมณ์ ความทรงจำ และความรู้ ดังนั้นในการทำมัมมี่ นักบวชจึงควักอวัยวะทุกอย่างออกไปจากร่าง เหลือไว้เพียงแค่หัวใจก่อนจะทำการรักษาศพด้วยน้ำยาและผ้าที่มีความสลับซับซ้อน เพื่อรอการกลับมาคืนชีพอีกครั้ง และหัวใจนี่แหละที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์สุดท้ายในการไต่สวนอันศักดิ์สิทธิ์
แน่นอนว่าโลกหลังความตายที่ไหนๆ ก็ไม่ได้แสนหวาน การเดินทางสู่โลกใต้พิภพคือการฝ่าเปลวไฟ ผ่านเหล่าปีศาจดุร้ายที่ต้องใช้คาถาในคัมภีร์เพื่อปราบ และการท่องบ่นมนตราต่อหน้าคณะเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
ในห้องโถงแห่งสัจจะทั้งสอง และคำพิพากษาของโอซิริส
ดินแดนสุดท้ายที่เหล่าดวงวิญญาณหมายมุ่งบ่ายหน้าไปคือดินแดนสุขาวดี ตามความเชื่ออียิปต์โบราณ ดินแดนบรมสุขนี้เป็นอาณาจักรของโอซิริส เทพบดีแห่งปรโลก ดินแดนดังกล่าวเป็นทุ่งกว้างที่ชอุ่มไปด้วยต้นกก เป็นที่ที่เราจะได้กลับไปอยู่ร่วมกับคนที่รัก เป็นดินแดนที่ไร้ซึ่งความป่วยไข้ ความผิดหวังและไร้ความตาย เป็นดินแดนที่มนุษย์ผู้ตายได้จะได้เข้าสู่ความเป็นอมตะ
แต่ก่อนที่จะก้าวสู่อาณาจักรบรมสุขได้ย่อมต้องมีการไต่สวนสุดท้าย หลังจากที่ดวงวิญญาณเดินทางถึงปรโลก ที่พำนักสุดท้ายนั้นเรียกขานว่าเป็นโถงแห่งสัจจะทั้งสอง (The Hall of the Two Truths) ห้องโถงอันยิ่งใหญ่นี้คือพื้นที่ที่เหล่าดวงวิญญาณจะค่อยๆ เข้ารับกระบวนการพิพากษาจากเทพบดีและเทพีสำคัญ โดยมีคณะเทพเจ้าอีก 42 องค์ร่วมการไต่สวน เป็นที่ที่ตาชั่งทองคำสองแขนและขนนกแห่งความจริงสถิตอยู่ คำว่าสัจจะทั้งสองอาจหมายถึงการปรากฏตัวของเทวีมาอัดและขนนกในฐานะตัวแทนของความจริง และการเผยความจริงของตาชั่งและการพิพากษา
ในการไต่สวนสุดท้าย ดวงวิญญาณจะต้องผ่านการสารภาพบาป 42 ประการกับคณะตุลาการทั้ง 42 องค์ เมื่อกล่าวยืนยันถึงความบริสุทธ์จากบาปทั้ง 42 ข้อแล้ว อานูบิส เทพเศียรหมาไนสีดำจะนำทางดวงวิญญาณไปอยู่ต่อหน้าตาชั่งทอง เผชิญหน้ากับคณะตุลาการสุดท้าย นอกจาก 42 ตุลาการแล้ว ในการตัดสินจะปรากฏเทพสำคัญองค์อื่นๆ คือ โธด (Thoth) เทพเจ้าแห่งปัญญาและความรอบรู้ ยืนอยู่หน้าตาชั่ง เทวีมาอัต เทวีแห่งความสมดุลและความจริงร่วมเป็นสักขีพยาน และแน่นอน โอซิริส เทพบดีแห่งปรโลกและความตายประทับเป็นประธานในพลับพลากลางสระบัว
ในขั้นตอนสุดท้าย เทพเจ้าอานูบิสจะส่งหัวใจของดวงวิญญาณแก่โอซิริส และโอซิริสก็จะวางหัวใจนั้นลงบนตาชั่ง ชั่งคู่กับขนนกแห่งเทวีมาอัต บนตาชั่งทองคำนั้นหัวใจที่บริสุทธ์จากบาปย่อมมีน้ำหนักเบาเท่าขนนก หลังจากผ่านความเห็นชอบจากคณะตุลาการแล้ว เจ้าของจะได้ลอยเรือผ่านสระบัวสู่ดินแดนสุขาวดี ในขณะที่หัวใจที่หนักลงเพราะหมองของบาปและกรรมที่ได้ทำไว้ หัวใจนั้นก็จะถ่วงแขนของตาชั่งให้ทิ้งลง ผู้ที่หัวใจหนักหนาและหม่นหมองนั้นย่อมถูกลงโทษ หัวใจของดวงนั้นจะถูกโยนเข้าทะเลเพลิง และเจ้าของจะถูกกลืนกินเข้าสู่ห้วงแห่งความว่างเปล่า
ปรณัมอียิปต์โบราณมีความเปรียบที่ทำให้เราย้อนคิดถึงความหมายและความเป็นไปของโลกใบนี้ได้เสมอ ในห้วงเวลาสุดท้าย ความจริงทั้งหลายย่อมปรากฏ หัวใจของผู้ที่ไร้กังวลเป็นหัวใจที่บริสุทธิ์ย่อมเบากว่าขนนก หัวใจที่เบาเสมอขนนกเป็นภาพอุปมาอันทรงพลังเปรียบเปรยการกระทำในโลกมนุษย์ที่คนคนนั้น อาจทำสิ่งต่างๆ ด้วยคุณธรรมอันหนักแน่น
เมื่อผู้คนจากลาโลกนี้ไป ความถูกต้องหนักแน่นดั่งขุนเขา แต่หัวใจเบาสบายดั่งขนนก
แด่ดวงวิญญาณทุกดวง ผู้จากลาโลกด้วยจิตใจอันหนักแน่น ในห้องโถงแห่งสัจธรรม หัวใจบนตาชั่งสีทองนั้น ย่อมสถิตอยู่อย่างบางเบา เท่าขนนก
อ้างอิงข้อมูลจาก