“แดดพาเราออกไปข้างนอก ฝนพาเรากลับเข้าข้างใน”
เรื่องราวทั้งหลายมักเริ่มต้นในวันฝนตก วันนั้นฝนก็ตกแบบนี้ วันที่เราเลิกร้างกัน วันแห่งความสูญเสีย หรืออาจเป็นวันแห่งการเริ่มต้นใหม่ สายฝนมักจะเป็นฉากสำคัญของความทรงจำหนึ่งๆ ของเรา หรือในทางกลับกัน สายฝนทำให้ความทรงจำของวันนั้นคั่งค้างและละเอียดถี่ถ้วนเป็นพิเศษ
ด้านหนึ่งฝนอาจเป็นทั้งหมุดหมายหนึ่งในการนึกย้อนขุดคุ้ยภาพและเรื่องราวในความทรงจำของเรา อีกด้านฝนเองก็อาจจะเป็นสาเหตุ เป็นส่วนประกอบสำคัญหนึ่งของเรื่องราวในวันนั้นๆ เราฝ่าฝนกัน หรือฝนนั้นอาจเป็นตัวแปรของเรื่องราว ฝนทำให้สิ่งต่างๆ ยุ่งยากยิ่งขึ้น หวานซึ้งยิ่งขึ้น หรือเจ็บปวดรวดร้าวมากขึ้น
ฝน—บรรยากาศและธรรมชาติ—จึงเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อเราอย่างยิ่งยวดในส่งผลในหลายมิติอย่างซับซ้อน ในวันที่ฝนตกเราหลบเข้าสู่พื้นที่ร่ม พร้อมกันนั้น เราเองก็กลับเข้าสู่ภายใน เข้าไปสู่ความรู้สึกนึกคิด สู่การทบทวนใคร่ครวญท่ามกลางสายฝนที่กำลังทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักลงชั่วคราว
ฝนและพฤติกรรมของมนุษย์
อันที่จริงเป็นเรื่องธรรมดาที่สภาพอากาศและสภาพแวดล้อมจะส่งผลกับพฤติกรรมของเรา ถ้าฝนตก แดดออก สภาพอากาศที่ร้อนกว่าปกติ เย็นสบายกว่าปกติ พายุหิมะหรืออื่นๆ ล้วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจทำหรือไม่ทำอะไรในชีวิตประจำวันของเรา แต่ในภาพที่ใหญ่ขึ้น นักวิชาการบางส่วนเชื่อมโยงอากาศโดยเฉพาะฝนเข้ากับเหตุการณ์สำคัญ งานศึกษาในปี ค.ศ.2008 แสดงให้เห็นวัฏจักรขึ้นลงของอาณาจักรจีนโบราณสามอาณาจักรคือ ถัง หยวน และหมิง ที่เฟื่องฟูและถกถอยตามคาบและปริมาณน้ำฝนในช่วงมรสุมของฤดูร้อน สายฝนสำคัญและสัมพันธ์กับความอุดมสมบูรณ์ของการเกษตรและความกินดีอยู่ดีของผู้คน
ในวันที่ฝนตก เรางดออกไปข้างนอก กิจกรรมต่างๆ ก็ถูกลดปริมาณลงและออกไปทำเท่าที่จำเป็น นอกจากกิจวัตรปกติแล้ว ฝนยังอาจส่งผลต่ออาชญากรรมด้วย นักวิจัยในรัฐฟลอริดารายงานผลการศึกษาแสดงความสัมพันธ์ของสภาพอากาศและอัตราการเกิดอาชญกรรม ผลคือในวันที่ฝนตก หรือหน้ามรสุมที่มีพายุและอากาศไม่ค่อยดี อัตราการเกิดอาชญากรรมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตัวเลขการฆาตกรรมลดลงเล็กน้อย ทางตำรวจเช่นในหลายเมืองของสหรัฐฯ มีรายงานตัวเลขในทำนองเดียวกัน เหตุผลหนึ่งคือเมื่อฝนตกก็ไม่ค่อยมีผู้คนบนท้องถนน อาชญากรรมต่างๆ จึงลดลงตาม ตัวเลขบางชุดที่เกี่ยวเนื่องกันเช่นอัตราการบริโภคแอลกอฮอล์ ก็ลดลงในวันฝนตกหนัก
แต่ทว่า ฝนกับอาชญากรรมก็มีเงื่อนไขบางอย่าง เช่น การที่คนอยู่กับบ้าน รายงานความรุนแรงในครอบครัวและการข่มเหงทำร้ายเด็กกลับเพิ่มสูงขึ้น
ความทรงจำในสายฝน
กลับไปที่ข้อความเริ่มแรก แดดทำให้เราออกไปข้างนอก ส่วนฝนทำให้เรากลับเข้าข้างใน ข้อคิดดังกล่าวอาจทำให้เราทบทวนความแปลกประหลาดของอารมณ์และความคิดของเรา ผลงานศึกษาระหว่างสภาพอากาศกับอารมณ์ชี้ให้เห็นว่า วันที่อากาศไม่ดีนั้นเชื่อมโยงกับอารมณ์โดยทั่วไปที่ขุ่นมัว (moody) มากกว่าวันฟ้าใส ข้อสังเกตพบว่า วันที่ใจเราขุ่นมัวเป็นช่วงที่เรามองออกไปข้างนอกน้อยลง อยู่กับตัวเองมากขึ้น ทำให้เราคิดอะไรได้ลึกซึ้งขึ้น จดจำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น
ในทางกลับกันวันที่สดใส อารมณ์อันเบิกบานของเราก็อาจจะทำให้เรามองออกไปยังแดดที่เจิดจ้า ท้องฟ้าที่สดใส เราอาจจะไปทำกิจกรรมภายนอก หรือความคิดของเราอาจจะฉับไวขึ้น กระตุ้นกับสิ่งเร้ามากขึ้น มีความคิดสร้างสรรค์ มีความหวังมากขึ้น รับรู้สิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น
ความเศร้าและความเซื่องซึมทั้งจากสภาพอากาศและสภาพอารมณ์จึงมีฟังก์ชั่นต่อตัวเราได้อย่างน่าสนใจ ทั้งวันแดดดีและวันฟ้าหม่น
สำหรับเรื่องความทรงจำและการจดจำ มีงานศึกษาระบุว่าเราอาจจะมีแนวโน้มจดจำได้ดีในวันที่อากาศแย่มากกว่าวันที่อากาศดี ในปี ค.ศ.2009 มีการศึกษาตีพิมพ์ในวารสารจิตวิทยา มีชื่อการทดลองว่า ‘อากาศที่ไม่ดีช่วยเรื่องความทรงจำได้ไหม’ สปอยล์—ผลพบว่า ช่วยได้ คือมีความเชื่อมโยงกัน
งานศึกษาดังกล่าวใช้การทดลองในวันที่อากาศดีและวันที่อากาศไม่ดี (ขมุกขมัวหรือฝนตก) โดยผู้วิจัยให้กลุ่มตัวอย่างเข้าไปในร้านค้าและจัดวางวัตถุไว้ 10 อย่างบริเวณจุดจ่ายเงินของร้าน เป็นของแปลกๆ หน่อยที่มักจะไม่อยู่ในร้าน เช่น ของเล่น กล่องไม้ขีด หรือกระปุกหมู งานศึกษาพบว่าผู้คนที่อยู่ภายใต้อากาศขมุกขมัวมีแนวโน้มจะจดจำวัตถุที่ผ่านตาเหล่านั้นได้ดีกว่า บ้างก็สามารถแยกแยะประเภทหรือรายละเอียดได้ดีกว่า
เพราะอากาศเศร้า เราจึงเฝ้ามองหาและครุ่นคิดยิ่งขึ้น
จากงานศึกษาที่ฟังดูไม่มีอะไรกับการถามถึงข้าวของที่ผ่านสายตาในวันฝนตก นักวิจัยกลับให้ทฤษฎีจากความสัมพันธ์ของอารมณ์ อากาศ และจิตใจอันซับซ้อนของเราได้อย่างน่าสนใจ ผู้วิจัยจากงานศึกษากระปุกหมูและของเล่นในร้านอธิบายว่า โดยทั่วไปแล้วอากาศที่ไม่ดีทำให้หัวใจเราหนักอึ้งขึ้น(บ้าง) ในภาวะนั้นเอง จิตใจของเราก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ทำอะไร แต่เราเองจะพยายามแก้ไขอารมณ์เชิงลบที่เกิดจากสภาพแวดล้อม เบื้องแรกคือเรามักจะกลับเข้าไปสู่ความคิดของเราเอง เราคิดทบทวนสิ่งต่างๆ และอีกด้านคือจิตใจของเราจะสอดส่ายและเก็บข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ที่ไหลผ่านเราได้ถี่ถ้วนขึ้น เราพยายามเก็บเกี่ยว ‘ยาแก้’ หรือสิ่งสดใสต่างๆ เข้ามาช่วยบำรุงรักษาใจให้อบอุ่นมากขึ้น
ลองนึกภาพว่าในวันที่อากาศและอารมณ์ของเราสดใส เราเองจะปล่อยให้สิ่งต่างๆ ไหลผ่านเราไปโดยแทบไม่ได้สนใจหรือใส่ใจข้าวของสีสันสดใสบนเคาน์เตอร์ร้านค้า สิ่งของก็อาจจะหลุดรอดสายตาของเราออกไป กลับกันเมื่อเราเศร้าหรือมีหัวใจที่หนักชื้น เราเองก็อาจจะมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้แจ่มชัดและถี่ถ้วนยิ่งขึ้น
ฝนกับความรู้สึกและความทรงจำเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน เหมือนกับหัวใจและกระบวนการของหัวใจที่พยายามรับมือกับภาวะต่างๆ ปรับตัวหรือได้รับผลกระทบไม่ทางตรงก็ทางอ้อม แสงแดดที่ลดลงอาจส่งผลกับฮอร์โมนบางตัว ทำให้เราหิวมากขึ้น กินเยอะขึ้น บ้างก็บอกว่าประจุหรือความชื้นส่งผลกับพฤติกรรมเช่นของเด็กๆ หรือกระทั่งของเราเอง สายฝนเองก็เป็นปรากฏการณ์ที่ทั้งยุ่งยากแต่ก็น่าหลงใหล เสียงของฝนส่งผลกับสมาธิ กับการนอนหลับ
และดังเช่นที่วิทยาศาสตร์บอกเรา ในวันที่ฝนตกและหัวใจของเราอับชื้น ใจของเราก็พยายามอบอุ่นหัวใจ หันเหสายตาออกจากพื้นที่ไกล และเก็บเกี่ยวความอบอุ่นเล็กๆ ที่เราเคยปล่อยผ่านไปในวันที่เรารู้สึกดี
ฝนส่งผลกับเราอย่างลึกซึ้ง กระทั่งในมิติอันเรียบง่ายเช่นการต้องอยู่บ้านตามลำพังหรืออยู่ใต้ร่มคันเดียวกันกับใครบางคน ก็ล้วนเป็นอำนาจของสายฝนในวันฟ้ามืดเช่นนี้
อ้างอิงข้อมูลจาก
Illustration by Kodchakorn Thammachart