ความรัก ความรู้สึก ความคิดถึง และความโหยหาอาทรเป็นเรื่องซับซ้อน หลายครั้งเราถวิลหาอะไรบางอย่างอย่างรุนแรง โดยที่ในความโหยหานั้น เรากลับไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เราปรารถนา มีอยู่จริงหรือไม่
หลายครั้งที่เราอาจจะฟังประโยคแปลกๆ ที่ทำให้กลับมาขบคิดอย่างหนักหน่วงถึงทั้งตัวตน ความเป็นไป ความคิด และความรู้สึกของตัวเรา ไม่นานมานี้ในการ์ตูนที่ดูจะปัญญาอ่อนยิ่งเรื่องหนึ่ง อยู่ๆ ในเรื่องตัวละครที่ไม่เคยพบหน้าแม่มาเลยทั้งชีวิต ก็พูดกับตัวละครเอกว่า “มันเป็นไปได้ไหมที่เราจะรักใครสักคน ทั้งๆ ที่เราไม่รู้จักคนคนนั้นเลย”
แถมจากบทความครั้งก่อน (อ่านได้ที่ ‘‘เคยได้รักกับใครคนหนึ่ง และยังคงคิดถึง’ เมื่อเราต่างยินดีกับชีวิตที่ไม่มีกันและกัน’) ก็มีคอมเมนต์จากผู้อ่านในทำนองเดียวกันว่า ชีวิตเหมือนกำลังรอคอยใครสักคน บางคนถึงขนาดใช้คำว่ากำลังคิดถึงคนคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนคนนั้นมีตัวตนจริงหรือไม่ ถ้าเราไปค้นในเว็บไซต์ว่าด้วยการปรึกษาหัวใจ เราเองก็จะพบคำถามในทำนองเดียวกันว่าหลายคนกำลังแปลกใจต่อความรู้สึกของตัวเองว่า ตัวเองกำลังคิดถึงใครหรืออะไรบางอย่างที่อาจเคยพบไม่เคยรู้จัก ในมุมที่อาจเข้าใจง่ายกว่านั้นหน่อย การหลงรักคนที่ไม่เคยเจอหน้าจริงๆ ก็ดูเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เช่นในวรรณคดีหรือการแอบรักออนไลน์
ดูเหมือนว่าเราเองจะเดินมาถึงพื้นที่อันซับซ้อนของอารมณ์ความรู้สึก คือ ในเบื้องต้นถ้าเราคิดด้วยหลักเหตุผล การที่เราจะรักหรือคิดถึงใครสักคน เราเองก็น่าจะต้องผ่านการทำความรู้จัก การค่อยๆ สานสัมพันธ์ การร่วมสร้างความทรงจำบางอย่างร่วมกัน—ที่โดยทั่วไปแล้วก็น่าจะต้องมีความสัมพันธ์ในระดับกายภาพก่อน
อันที่จริงตัวตนและความรู้สึกของเราเต็มไปด้วยความซับซ้อนยอกย้อน หลายครั้งเราเองถูกกำหนดด้วยอดีต และในอีกหลายๆ ครั้ง อดีตที่เราคิดว่ามีนั้น บางครั้งก็อาจจะไม่ได้มีอยู่จริง ในทำนองเดียวกัน ผู้คน ห้วงเวลา ไปจนถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เรา ‘คิดถึง’ นั้น บางครั้งก็นำพาไปสู่ความรู้สึกที่ว่าเราทำบางอย่างหายไป สิ่งนั้นๆ อาจเป็นสิ่งที่เราไม่เคยมีอยู่หรือไม่เคยพานพบ ในภาษาโปรตุเกสรวมถึงนิยามในเพลงและวรรณกรรมบราซิลมีคำว่า ‘saudade’ หมายถึงการโหยหาอดีตที่เราไม่เคยพบเจอ เป็นอดีตหรือผู้คนที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่จริงไหม
รอคอย…ใครคนหนึ่ง ความสูญหายที่ไม่เสียหาย
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าเรื่องของหัวใจ เรื่องของความรู้สึกเป็นเรื่องที่บอกว่าถูกหรือผิดไม่ได้ และหลายครั้งการไม่ปรากฏตัว การไม่มีสิ่งนั้นอยู่(แล้วไม่คิดคำนึงถึงมัน) ก็ไม่ได้แปลว่าเราเลื่อนลอยหรือไร้สาระ ความรู้สึก ความรัก และความสัมพันธ์หลายครั้งมีมิติทางจินตนาการ—กระทั่งตัวตนของเราเองก็มีจินตนาการต่อตัวเราเองเข้ามาเกี่ยวข้องเช่นที่ ฌาคส์ ลากอง พูดถึงการมองเห็นตัวเองในกระจกของช่วงวัยเด็ก
การนึกถึงสิ่งที่อาจจะไม่เคยพบเจอหรือไม่เคยรู้จักมีหลายระดับ ในด้านหนึ่งสัมพันธ์กับความปรารถนา โดยเบื้องต้นที่สุดคือการสูญเสียคนในครอบครัว หรือคนรักที่อาจจะเสียหรือสูญหายไปก่อนที่เราจะได้รู้จัก เช่น กรณีตัวละครในการ์ตูนสูญเสียพ่อแม่หรือคนในครอบครัวไปนั้น ก็ทำให้เรารู้สึกได้อย่างมั่นคงว่า ความรักความคิดถึงหลายครั้งไม่จำเป็นต้องมีความทรงจำหรืออดีตร่วมกัน คนที่สูญเสียคนในครอบครัวอาจจะคิดถึงคนที่จากไปในมิติของความรักความอบอุ่นที่อาจเกิดขึ้นได้ และอาจนึกถึงได้ ในเงื่อนไขของความสูญเสียที่ค่อนข้างสำคัญก็ทำให้ความคิดถึงมีความเจ็บปวดหรือการขาดหายเจือปนอยู่
ในทำนองเดียวกัน คนทั่วไปหรือเราเองก็อาจจะวาดฝันถึงคนคนหนึ่ง ที่บางครั้งเราอาจใคร่ครวญคิดถึงคนคนนั้น เราคิดถึงการมีคู่ชีวิต มีใครสักคนที่มาเติมเต็มซึ่งกันและกัน ซึ่งไม่เชิงว่าเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ แต่มันคือการที่รอคอยอะไรบางอย่าง ทั้งบุคคลและช่วงเวลาที่พึงจะเกิดตามที่เราวาดหวังไว้
ดังนั้น ในระดับที่อาจจะเรียบง่ายและพบเจอได้บ่อยกว่านั้น คือ ความรู้สึกรักและอกหักจากการสูญเสีย ทั้งๆ ที่เราเองไม่ได้รู้จักคนคนนั้นอย่างแท้จริง บางครั้งเราอาจเจอกันผ่านๆ ในโลกออนไลน์ หรือการเจอหน้ากันแบบไม่จริงจัง ทว่า เราเองกลับรู้สึกร้าวรานเมื่อต้องเสียคนคนนั้นไป เราเองรู้สึกขัดข้องในใจกับความรักที่ไม่เคยสัมผัสจริงจัง
อันที่จริงภาวะดังกล่าวก็เกิดขึ้นกับเราเองจนแทบจะเป็นธรรมดา ความฝัน ความคาดหวังที่สูญสลายไป ภาพของคนคนนั้นที่มีความเป็นอุดมคติที่หายไป คนที่ยิ้มน่ารัก คนที่ดูอบอุ่น บางครั้งการเสียภาพอันอุดมสมบูรณ์อาจเจ็บปวดกว่าการเสียคนที่เรารู้จักด้วยซ้ำ
Saudade: อดีตของปัจจุบันและความรู้สึกที่ไม่เชิงว่าสุขหรือเศร้า
คำว่าอดีตบางครั้งไม่ได้หมายถึงแค่การเรียงลำดับของเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้ว ในบางกรอบความคิด อดีตกลับทำหน้าที่ที่สัมพันธ์กับสิ่งขาดหายไปในปัจจุบัน (lack) เราเลือกหรือคิดถึงอดีตบางชุดเพื่อบอกว่าเราเคยมีสิ่งนั้นๆ และในการนึกถึงอดีตหลายๆ ครั้งนั้น ก็ไม่ได้หมายถึงพื้นที่หรือผู้คนที่จำเพาะเจาะจง เช่น บ้านหลังนั้น เมืองเมืองนั้น หรือคนคนนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ในบางการโหยหาอดีตหรือโหยหาบางสิ่งที่เรารู้สึกถวิลหา สิ่งนั้นๆ อาจจะไม่เคยปรากฏกับเราเลยก็ได้ ความรู้สึกอันซับซ้อนดังกล่าวมีคำในภาษาโปรตุเกสที่เกิดขึ้นในยุคเดินทางสำรวจคือ ‘saudade’ คำคำนี้ในความหมายปัจจุบันหมายถึงความรู้สึกคิดถึงโหยหาสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับคนคนนั้นเลย แต่เดิมคำคำนี้ใช้อธิบายความรู้สึกของนักสำรวจที่ต้องพลัดพรากจากบ้าน จากคนรัก ถ้าเรามองจากบริบทของการจากจรและความรู้สึกร้างรา
ความพิเศษของความรู้สึกยอกย้อนอันประหลาดของการโหยหาหรือทำหายทั้งๆ ที่ไม่เคยมี ในระดับคำถือกันว่าคำว่า saudade เป็นคำสำคัญในการก่อร่างตัวตนและวัฒนธรรมโปรตุเกสโดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ 20 ที่คนโปรตุเกสเจอกับความไม่แน่นอนทางการเมือง การสิ้นสุดของราชวงศ์ และการสร้างตัวตนภายใต้ระเบียบโลกที่มีอิทธิพลจากต่างชาติ
คำว่า saudade แม้จะเป็นคำที่ไม่มีคำแปล—คือแปลไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าคำคำนี้จะมีความหมายที่เชื่อมโยงกับความเป็นมนุษย์ที่เราเองพอจะสัมผัสได้ ความรู้สึกของคำว่า saudade หมายถึง การปรากฏขึ้นของการสูญหาย—ยากเนอะ ใน In the Presence of Absence บทกวีเมื่อทศวรรษ 1910 บอกว่าความรู้สึกว่างเปล่าในหัวใจนี้คือความปรารถนาในสิ่งอันเป็นที่รัก และเจ็บปวดกับการหายไปของสิ่งนั้นๆ ว่ากันว่าความรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจของการเสียดายในสิ่งที่ไม่เคยมีนั้น ถ้าพูดอย่างใหญ่โตหน่อยก็ถือว่าเป็นกระบวนการที่ส่งผลกับความหมายในการใช้ชีวิตของเราอย่างหนึ่ง
ถ้าเราลองพิจารณาความรู้สึกว่า ในเบื้องต้นเราคิดว่าเราต้องเคยมีสิ่งดีๆ มีคนดีๆ มีชีวิตที่ดีอันเป็นอุดมคติมาก่อน—แล้วทำหายไป เราจึงจะไขว่คว้ามันกลับมาเพื่อเติมเต็มใหม่ แต่ทีนี้ความรู้สึกรัก คิดถึง หรือเสียดายสิ่งดีๆ ที่เราคิดว่ามันนจะมีอยู่จริงหรือมีมาก่อนในดินแดนไหนสักแห่ง หรือความรู้สึกทั้งสุขและเศร้า คือ สุขในความเชื่อมั่นว่าดินแดนอันอุดมนั้นมีอยู่ และเศร้าว่าเราเองอาจจะยังไม่มีสิ่งนั้น ตรงนี้เองก็ดูจะเป็นวิธีการที่จิตใจของเรากำลังนำเส้นทางและวาดความหวังบางอย่างให้เราได้ใช้ชีวิตต่อ ด้วยการทิ้งสมอเข้าไปในดินแดนของอดีตเพื่อให้เราได้ล่องลอยและมองไปข้างหน้าได้อย่างมีความหวังมากขึ้น
ในอีกแง่คือการที่หัวใจของเราบางครั้งก็รู้สึกปิติไปกับการ ‘ถูกทำให้รู้สึก’ ไม่ว่าจะเป็นการรู้สึกเจ็บปวดหรือปิติยินดี เป็นการพาตัวเองไปสัมผัสกับความรู้สึกสูญเสีย ที่ในที่สุดทำให้เราไม่เสียศูนย์ การนึกถึงสิ่งที่เราอาจจะไม่เคยมีนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันไร้แก่นสาร แต่คือกระบวนการทำความเข้าใจโลกอย่างลึกซึ้งซับซ้อน เป็นความรู้สึกที่ทั้งสุขและเศร้า และสวยงามและเจ็บปวด
อ้างอิงข้อมูลจาก
Illustration by Sutanya Phattanasitubon