ครูอัครวิชญ์ พิวงษ์งาม
The MATTER : ในฐานะครู อยากเปลี่ยนอะไรในระบบการศึกษาไทย
อยากเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (paradigm) หรือคอนเซ็ปต์เรื่องการศึกษาของผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบาย คือเป็นปัญหาในเชิงระบบ โครงสร้าง ความคิด ซึ่งปัญหาในเชิงความคิด ไม่ได้หมายความว่าเขาบกพร่องทางความคิด แต่ชุดความคิดของเขามันอาจจะถูกต้องใน 30-40 ปีที่แล้ว แต่ไม่ใช่ในยุคนี้ ผู้บริหารนี้เป็นคนละเจนกับเรา ชุดความคิดจึงค่อนข้างแตกต่าง
เราเองอยากสร้างห้องเรียนในแบบของเราซึ่งระบบก็มากดเราอีกที ตอนนี้เราอยากให้เขาเหล่านั้นมองให้ได้ว่าการศึกษามีขึ้นเพื่อตอบสนอง ความกระหายใคร่เรียนรู้ของบุคคล ตอบสนองความต้องการในชีวิตเขาได้ ไม่ใช่เป็นการศึกษาแบบถ่ายทอดความรู้แบบแนวดิ่งเช่นทุกวันนี้ ไม่แปลกใจเลยทุกวันนี้มีเด็กที่ไม่เปิดรับอะไรเลย เพราะเขาไม่รู้สึกว่า โรงเรียนจะตอบสนองอะไรในชีวิตเขาได้ มาให้จบการศึกษาภาคบังคับ หรือเรียนให้พ้นๆ ตามที่ผู้ปกครองบอก มันชัดเลยว่าการศึกษาตอบสนองเขาไม่ได้
ระบบการศึกษาจากแนวดิ่งบนลงล่างบวกกับวัฒนธรรมไทยที่ไม่ค่อยมีการถกเถียง อภิปราย ทำให้มีการใช้ความเชื่อ ความอาวุโสมาตัดสิน ความรู้ไม่ขยายตัว กลายเป็นเรื่องขาวสนิท ดำสนิท ตอบผิดได้ 0 และดูไม่เก่ง ตอบถูกมีความสามารถ การศึกษากลายเป็นระบบแพ้คัดออก สุดท้ายแล้วการศึกษาเราเลยเป็นตะแกรงหลายชั้นที่ร่อนเยาวชน ใครไปไม่รอดก็ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง มีการแบ่งแยก เกิดความเหลื่อมล้ำ มีเด็กที่ถูกทิ้งไว้ โดยลืมไปว่าจริงๆ แล้วการศึกษาเกิดกับคนทุกคน มนุษย์ทุกคนมีพัฒนาการสนใจสิ่งไหนก็จะศึกษาสิ่งนั้น แต่ระบบคิดแทนเด็กตั้งแต่อนุบาล จัดตารางหมดว่าต้องเรียนอะไร จนถึงม.6 ไม่ได้คิดเอง หรือลองผิดลองถูก ลองเรียนรู้ ค้นหาตัวเอง ทั้งหมดนี่คือผลจากกระบวนทัศน์ที่ผู้มีอำนาจมองการศึกษา และสร้างระบบนี้ขึ้นมา และใช้มายาวนาน
The MATTER : แล้วตอนนี้ เรากำลังทำอะไร ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้
ถ้าตามระบบราชการ แทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะเปลี่ยนอะไรที่มีผลต่อสังคมสูงขนาดนี้ ถ้าผู้บริหารไม่เปลี่ยนแนวคิดจะไม่เกิดการเปลี่ยนผ่าน ง่ายที่สุดเวลานี้ คืออยากให้ผู้มีอำนาจฟังครูผู้สอน และนักเรียนบ้าง ก่อนจะมีนโยบายอะไร กระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายรายวัน และอาจมีอะไรแปลกๆ จนสร้างความตกใจให้กับครูได้เสมอ เป็นการแก้ปัญหาไปวันๆ ทั้งที่ได้งบประมาณอันดับ 1 ของประเทศ เราเองก็อยู่ในระบบนี้ เราโดนบีบ นักเรียนโดนบีบ ทุกคนก็เป็นเหยื่อไป ทำได้ดีที่สุดคือทำหน้าที่ของตัวเอง ในแบบความคิดของเรา เปิดโอกาสให้นักเรียนพูด ถามความต้องการในการเรียน เปิดใจกับเขาให้มาก เรื่องจะเปลี่ยนได้เมื่อไหร่คงรอให้มีคนรุ่นใหม่ๆ เข้ามาแทนที่เรื่อยๆ ถึงเวลาหนึ่งยังไงมันก็ต้องถูกเปลี่ยน เพราะไม่สามารถตอบสนองสังคมในยุคนี้ได้แล้ว
เราไม่ได้มองว่าเด็กเป็นผ้าขาวแล้ว เพราะถ้ามองแบบนี้ เท่ากับว่าครูเป็นผู้แต่งแต้มสีสันให้เขา แต่อยากให้มองว่าเด็กเป็นผ้าแบบไหนก็ได้ ทุกคนมีความสวยงาม ความสามารถของเขา
The MATTER : ยังมีความหวังไหม ว่าระบบการศึกษาจะเปลี่ยนไปในอนาคต
มีความหวังแน่นอน เพราะตอนที่เราสอน หรือไปคลุกคลีกับนักเรียน เราพบว่า นักเรียนมีความคิด กล้าพูด กล้าแสดงออก ลองเปิดเวทีอภิปรายในชั้นเรียน ตอนแรกๆ เด็กจะเงียบ แต่ทำไปทำมาสามารถหยิบยกเหตุผลมาคุยกันได้ และเป็นความคิดคนรุ่นใหม่ ดังนั้นนักเรียนไม่ควรถูกปิดกั้นทางความคิด ถ้าสามารถส่งเสริมได้อย่างถูกต้อง เราไม่ได้มองว่าเด็กเป็นผ้าขาวแล้ว เพราะถ้ามองแบบนี้ เท่ากับว่าครูเป็นผู้แต่งแต้มสีสันให้เขา แต่อยากให้มองว่าเด็กเป็นผ้าแบบไหนก็ได้ ทุกคนมีความสวยงาม ความสามารถของเขา และการศึกษาในระบบ นอกระบบ ตามอัธยาศัย สามารถตอบสนองผู้เรียนทุกคนในประเทศนี้ได้ อีกอย่างเวลาได้พูดคุยเรื่องการศึกษากับเพื่อนครูรุ่นเดียวกัน ทุกคนมองในทิศทางเดียวกัน ทุกคนพร้อมที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เราเองโดนระบบกั้นไว้ เพราะฉะนั้น ตอนนี้ต่างคนต่างเต็มที่กับแนวทางของตนเอง แล้วช่วยกันประคองระบบนี้ไปด้วยกัน จนถึงเวลาหนึ่งคงเป็นเวลาของครู และผู้บริหารรุ่นใหม่
ครูกนกวรรณ สุภาราญ
The MATTER : ในฐานะครู อยากเปลี่ยนอะไรในระบบการศึกษาไทย
เราก็อยากเปลี่ยนนักเรียนเรานี่แหละ ถ้าเราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ ยังเปลี่ยนผ.อ. หรือเพื่อนร่วมงานที่แก่กว่าเป็นรุ่นแม่เราไม่ได้ เราอยู่กับเด็ก ก็อยากเปลี่ยนเด็ก เปลี่ยนเด็กในที่นี้ คืออยากเปลี่ยนรูปแบบการเรียน การสอน ปกติเราจะคุ้นชินกับการที่เด็ก ฟังและจด ครูก็จะพูดไป เด็กก็ฟัง เรามองว่าการเรียนแบบท่องจำ เด็กก็ใช้ไม่เป็น คิดไม่ได้ เลยอยากเปลี่ยนการเรียนการสอนให้เด็กได้มีพื้นที่ และฝึกการให้เหตุผล คิดวิเคราะห์ที่เอาไปใช้ในชีวิตได้ พอเข้ามาลองทำก็รู้ว่ามันไม่ง่าย ก้าวแรกอยากเปลี่ยนตรงนี้ เพราะวันนึงเราอยู่กับเด็ก 8 ชั่วโมง เด็กเป็นวัยที่เปลี่ยนง่าย ไม้อ่อนดัดง่ายกว่า ถ้าเราสร้างเด็กให้มีเหตุผลได้ ไม่ว่าจะวิชาอะไร เค้าก็สามารถคิดวิเคราะห์ ข้อดีข้อเสีย หรือควรทำอะไร โตไปเด็กก็อาจเป็นคนที่ดีในระบบต่อไปได้
The MATTER : แล้วตอนนี้ กำลังทำอะไร ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้
เป้าหมายเราคือเป็นเด็ก เราก็มองว่าเด็กเราเปลี่ยนแปลงไปนะ เป็นผลจากที่เราลองทำ นักเรียนบอกว่าเค้าเคยถามครูคนอื่นไป แต่ไม่มีใครให้คำตอบเขา เรารู้สึกได้เลยว่าความยึดถือในแง่ของอำนาจเยอะมาก ถ้าครูพูดอะไรเด็กต้องเชื่อ ถ้าเด็กไม่เข้าใจ เด็กก็จะไม่กล้าถาม ตอนเราเห็นหน้าเด็ก เรารู้ว่าเค้าไม่เข้าใจ แต่เค้าไม่กล้าถาม เราเลยเริ่มจากการให้คำตอบก่อนเลย หลังๆ มาเราก็เห็นว่าเด็กกล้าถามมากขึ้น การเปิดโอกาสให้เด็กถามมันเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ เพราะถ้าเด็กนั่งเงียบ เราจะไม่รู้เลยว่าเค้าเข้าใจหรือไม่ เราเลยเปิดและแสดงท่าทีว่า ระหว่างครูกับนักเรียนไม่ได้มีอำนาจนิยมแบบนั้น เด็กไม่จำเป็นต้องเชื่อในสิ่งที่ครูพูดทุกอย่าง และให้โอกาสเค้าถาม ลองผิด ลองถูก สงสัย ไม่เข้าใจ ก็ถามเลย เราก็รู้สึกว่าเด็กเราพัฒนาขึ้น มีสิทธิ์มีเสียงในห้องเรียน และผลการเรียนก็ดีขึ้นตามจริงๆ เราตั้งใจเปลี่ยนจากเด็กที่เป็นผู้รับอย่างเดียว ให้เป็นคนที่สามารถแลกเปลี่ยนความรู้กับเรา หรือให้เขาแบ่งปันให้คนอื่น เป็นพี่สอนน้อง เพื่อนสอนเพื่อน หรือเด็กเก่งๆ ที่เปลี่ยนทัศนคติต่อเพื่อนที่เรียนช้ากว่า มาช่วยกัน จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนความรู้ และรู้จักช่วยเหลือผู้อื่นได้
The MATTER : ยังมีความหวังว่าระบบการศึกษาไทยในอนาคตจะเปลี่ยนไปแค่ไหน
เราว่าเรามีหวังนะ เรายังเห็นว่ามีครูที่มาในสไตล์เด็กรุ่นใหม่ ทั้งๆ ที่เค้าแก่แล้ว เค้าก็เข้ามาดู มาถามว่าเราทำยังไง ถึงทำให้เด็กกล้าพูดกล้าตอบ เรามองว่าทัศนคติครูหลายๆ คนยังเปิดรับ แต่ด้วยอะไรบางอย่างที่อยู่ในสังคมเรา ที่มองว่าผู้ใหญ่ต้องมาก่อน มันก็มีพวกครูกันเองที่เค้าคิดว่าสิ่งที่เค้าทำดีแล้ว ไม่ควรเปลี่ยนแปลง เราก็ไม่ได้ว่าสิ่งที่เค้าทำไม่ดี เพราะเค้าก็สอนให้เด็กเรียนเก่ง สอบผ่าน แต่เรื่องแง่พฤติกรรมหรือทักษะการใช้ชีวิตก็ยังมีปัญหา อย่างเราไม่ได้จบครูมา เราเลยคิดว่าสิ่งที่เราน่าจะทำได้ดีกว่าการเป็นแค่ครู คงเป็นสอนทักษะการใช้ชีวิต เราว่ามันก็มีคนที่อยากจะปรับ และก็หาทางไปอยู่ เราว่าเราก็ยังมีความหวังอยู่
ครูธนเดช กิจศุภไพศาล
The MATTER : ในฐานะครู อยากเปลี่ยนอะไรในระบบการศึกษาไทย
อยากให้เปลี่ยนเรื่องโครงสร้าง ก่อนหน้านี้พระราชบัญญัติการศึกษาปี 2542 มันเป็นโครงสร้างกระจายอำนาจ จนมาถึงในยุคของคสช.ที่ปรับระบบ ให้กลับไปใช้โครงสร้างเดิมแบบ Single Command คือการสั่งงานสายตรง จากบนลงล่างทางเดียว มันกระจุกอำนาจและส่งผลต่อนักเรียน เพราะทำให้อำนาจไปอยู่ที่ศูนย์กลาง การปฏิบัติ แนวนโยบาย และคำสั่งมีความล่าช้า ทั้งจากที่ตามข่าว ตอนนี้เค้ากำลังจะแก้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ เพื่อให้รองรับระบบ Single Command ซึ่งระบบนี้มันล้าหลังกับโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่ข้อมูลข่าวสารเราเปลี่ยนอยู่ตลอด เราอยู่ในยุค 4.0 หรือ 5.0 กันแล้ว การศึกษาไทยเราเลยตามไม่ทันกับสังคมโลก
สองคือ นโยบายที่นำสู่โรงเรียน มันมาจากการศึกษาไทยที่ไร้ทิศทาง เราไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ การศึกษาจะออกมารูปแบบไหน ครูเองก็หาคำตอบให้ตัวเอง หรือแม้แต่นักเรียนไม่ได้ ทั้งนโยบายยังมองแต่ Output ที่ออกมา ไม่ได้สนใจ หรือมองที่ตัวInput และกระบวนการ เช่นการปฏิรูปการศึกษา หรืออย่าง ‘ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้’ เราไม่รู้เลยว่ากระบวนการคืออะไร แต่สุดท้ายการศึกษาต้องการแค่ผลที่ออกมา
The MATTER : แล้วตอนนี้ เรากำลังทำอะไร ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้
ส่วนตัว เราเริ่มต้นจากตัวเอง และหาแนวร่วม เราเริ่มทำในฐานะผู้ปฏิบัติงานชั้นล่างสุด เริ่มจับกลุ่มคุยกัน เก็บข้อมูลในรายวิชา หาทางแก้ไขกัน ว่าแต่ละคนมองยังไง ยกตัวอย่างโรงเรียนเราตอนนี้ เด็กไม่มีทัศนคติในการเรียนเลย ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ไม่มีอะไรกระตุ้น นักเรียนปิดการรับสาร เด็กอีกหลายคนทั่วประเทศเริ่มตั้งคำถามว่าเรียนไปทำไม ยิ่งเด็กที่มีต้นทุนต่ำ เขายิ่งขาดเป้าหมายในการเรียน เราเลยเริ่มคุยกับกิจการนักเรียน คุยเรื่องระบบดูแลนักเรียน เสนอผู้อำนวยการในการเชิญนักจิตวิทยา เพื่อให้เด็กที่มีปัญหาได้มีที่ให้คำปรึกษา และเรากำลังเขียนโครงการให้เด็กมัธยมปลาย ได้ไปค่ายแนวพัฒนาทักษะชีวิต ค่ายคุณธรรม และค่ายอาสา เพราะเรามองว่าเขาขาดทักษะตรงนี้ ตรงนี้เราไม่เน้นวิชาการ แต่เน้นการให้เขาได้เรียนรู้การใช้ชีวิต เราว่าชีวิตเขาน่าจะเปลี่ยน และได้โตขึ้น มันสำคัญว่าเด็กจะมีทักษะชีวิตอย่างไร ในการเอาตัวรอดในสังคมสมัยนี้
The MATTER : ยังมีความหวังว่าระบบการศึกษาจะเปลี่ยนไปในอนาคต
เรามีความหวัง ถ้าวันนี้คนเป็นครูไม่มีความหวังว่าการศึกษาจะเปลี่ยนแปลง ไม่สมควรจะเป็นครู ทุกวันนี้ที่เราอยู่ในอาชีพนี้ เพราะมีความหวัง มีอุดมการณ์ ถ้าเมื่อใดที่ครูไม่มีความหวัง ครูจะกลายเป็นคนที่ทำลายระบบการศึกษา ความหวังคือทัศนคติที่บวก การที่ไม่มีความหวังแสดงว่ามีทัศนคติด้านลบ การที่เย็นชาต่อระบบนั่นคือตัวทำลาย เราจึงเชื่อเสมอว่าแม้ระบบจะเละ ประเทศจะไร้ทิศทาง แต่เรามีหวังว่าการศึกษาจะเปลี่ยนได้
ครูวรชัย ญาติอยู่
The MATTER : ในฐานะครู อยากเปลี่ยนอะไรในระบบการศึกษาไทย
เรารู้สึกว่าระบบไม่ได้แย่ขนาดนั้น เราไม่ได้อยากเปลี่ยนระบบ เพราะมันไม่ได้มีปัญหาเท่าคนที่ใช้ระบบ เราคิดว่าเปลี่ยนที่ครูน่าจะดีกว่า เพราะครูเป็นบุคลากรที่อยู่กับเด็ก และเป็นบุคลากรที่มีอยู่ทั่วประเทศ จำนวนมหาศาล และสร้างอิทธิพลกับเด็กโดยตรง เด็กเรียนจากครูที่อยู่หน้าห้องเรียน และการเปลี่ยนที่ตัวบุคคลก็ง่ายกว่าการเปลี่ยนที่ตัวระบบ ซึ่งเปลี่ยนครูไม่ได้แปลว่าให้เอาครูพวกนี้ออกไป แต่คือการทำยังไงให้พวกเขาขับเคลื่อนชีวิตการทำงานในแต่ละวันด้วยความรัก เพราะครูที่อยู่ตรงนี้ ต้องอยู่ในระบบไปอีกถึงอายุ 60 ปี ถ้าเค้าทำงานโดยที่เค้าไม่อยากทำและไม่มีความสุข เขาจะส่งต่อพลังงานด้านลบให้เด็ก เรามองว่าต้องดึงศักยภาพของครูออกมา เพื่อให้เขามีความสุขในการทำงานที่ส่งต่อไปถึงนักเรียน อาจจะต้องมีการฝึกอบรม หรือเปลี่ยนวิธีการคัดเลือกคุณครู หรือระบบพัฒนาคุณครู ที่มากกว่าการประเมินผล รวบรวมยื่นแฟ้มผลงานแบบนี้
อยากให้ทุกๆ คน ทุกๆ โรงเรียนส่งเสริมคุณครูที่เค้าทำดีอยู่แล้ว ให้พื้นที่ และแสดงให้เห็นว่าคนที่ทำงานหนักควรได้รับการยกย่อง ได้เลื่อนขั้น ได้เงินเดือนดี แล้วมันจะเปลี่ยนไปเอง ส่งเสริมครูที่ทำดีให้เห็นเป็นรูปประจักษ์ชัดเจน ไม่ใช่แค่การมอบโล่ห์ เกียรติบัตร และจบไป
The MATTER : แล้วตอนนี้ เรากำลังทำอะไร ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้
เราว่าเริ่มจากตัวเรา เราไปเปลี่ยนคนอื่น ไปบอกให้คนอื่นทำไม่ได้หรอก เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี จนครูคนอื่นเห็นว่าสิ่งที่เราทำเกิดผลอะไร และเราอยากให้ทุกๆ คน ทุกๆ โรงเรียนส่งเสริมคุณครูที่เค้าทำดีอยู่แล้ว ให้พื้นที่ และแสดงให้เห็นว่าคนที่ทำงานหนักควรได้รับการยกย่อง ได้เลื่อนขั้น ได้เงินเดือนดี แล้วมันจะเปลี่ยนไปเอง ส่งเสริมครูที่ทำดีให้เห็นเป็นรูปประจักษ์ชัดเจน ไม่ใช่แค่การมอบโล่ห์ เกียรติบัตร และจบไป อย่างตอนนี้เราพูดถึงครูแบบนี้ คนจะนึกว่าเป็นส่วนน้อย แต่เราต้องพยายามทำให้ส่วนน้อยตรงนี้ เป็นส่วนเยอะ เป็นครูส่วนใหญ่ในประเทศ มันน่าจะทำให้การศึกษาในประเทศเปลี่ยนไปได้
The MATTER : ยังมีความหวังไหม ว่าระบบการศึกษาจะเปลี่ยนไปในอนาคต
มีหวังเสมอ เราอาจจะไม่ได้เห็นภาพใหญ่ ถ้าเรามองภาพใหญ่เราจะไม่มีความหวัง จะรู้สึกว่าไม่มีทางเปลี่ยนได้ เหมือนสู้กับอะไรอยู่ไม่รู้ เราจึงมองภาพเล็กก่อน คือแค่ในห้องเรียนของเรา ถ้าครูทุกคนมองและเปลี่ยนในห้องเรียนของเรา เราเปลี่ยน 1 ห้องได้ ก็เปลี่ยนทั้งโรงเรียนได้ และเราจะเปลี่ยนในภาพใหญ่ได้ เราเลยรู้สึกว่าการศึกษาไทยเปลี่ยนได้
ครูพรหทัย ขำพรมราช
The MATTER : ในฐานะครู อยากเปลี่ยนอะไรในระบบการศึกษาไทย
อยากเปลี่ยนวิสัยทัศน์ผู้บริหาร เพราะผู้บริหารนี่แหละ เป็นคนที่กำหนดทิศทาง ขอบเขตและทำให้ระบบการจัดการศึกษาต่างๆ เป็นไปในทิศทางที่ควรจะเป็น ถ้าผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล มองเห็นความสำคัญของการศึกษาจริงๆ ไม่ทำงานตามใจหรือหวังผลประโยชน์ส่วนตน อันนี้น่าจะช่วยให้การขับเคลื่อนประเทศเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นไม่ยาก แต่ถ้าผู้บริหารทำงานตามอารมณ์ ไม่รับฟังเหตุผล ใจแคบ นี่แหละจะเป็นปัญหา เพราะต่อจากนั้น ไม่ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะพยายามแค่ไหน ผู้บริหารก็ไม่มีทางมองเห็นปัญหาหรอก เพราะมันจบตั้งแต่ความคิดเขาแล้ว
The MATTER : แล้วตอนนี้ เรากำลังทำอะไร ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้
ถ้าแก้ปัญหาผู้บริหารโดยตรง ทำได้ยากมาก เพราะระบบที่ใช้คัดเลือกผู้บริหาร ก็เป็นระบบที่ไม่ได้ตอบโจทย์ว่าคนที่จะมาเป็นผู้บริหารเป็นผู้บริหารที่ดีหรือเปล่า หลายคนเข้าทำหน้าที่ก็มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ได้เข้ามาแก้ปัญหา หรือทำงานจริงๆ มันต้องเริ่มจากการเปิดกว้างทางความคิดของทุกๆ คนในสังคม มีการตรวจสอบกันและกัน มีระบบประเมินผลที่ไม่หลอกตัวเอง รวมถึงอาจจะต้องจัดทำหลักสูตรการเรียนที่ตอบโจทย์เรื่องการเปิดกว้างทางความคิดมากกว่านี้ เน้นการนำไปใช้ในชีวิตจริงมากกว่าเรียนในกระดาษ ซึ่งนั่นก็หมายถึงองค์ประกอบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ครู นักเรียน ครอบครัว ชุมชน สังคม หน่วยงานต่างๆ ด้วย
The MATTER : ยังมีความหวังไหม ว่าระบบการศึกษาจะเปลี่ยนไปในอนาคต
ตอนนี้ยังมีความหวังอยู่ หวังว่าพอเวลาผ่านไป เราจะเจอคนที่มีความคิดคล้ายๆ เรามากขึ้น วันนั้นมันก็น่าจะพอเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง แต่หวังว่าพอถึงตอนนั้น มันคงยังไม่สายไปนะ
ครูกรุณา พิทักษ์ทนต์
The MATTER : ในฐานะครู อยากเปลี่ยนอะไรในระบบการศึกษาไทย
อยากให้ระบบการศึกษาให้คุณค่ากับเด็กทุกคน ตามความสามารถที่แตกต่างหลากหลาย ไม่มุ่งเน้นการให้คุณค่าแค่เพียงความสามารถทางวิชาการ ความรู้ในตำราเรียนเท่านั้น เพราะความสามารถของมนุษย์มีหลากหลายตามทฤษฎี เช่น ด้านภาษา ด้านร่างกาย ด้านมิติสัมพันธ์ ด้านดนตรี เป็นต้น ความรู้และเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และรวดเร็วมาก นอกจากนี้ยังจะต้องให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเด็กที่มีความต้องการพิเศษในการเรียนรวมในโรงเรียนมากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาส่งเสริมเด็กเหล่านี้ให้เต็มตามศักยภาพของเด็ก
The MATTER : แล้วตอนนี้ เรากำลังทำอะไร ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้
เราส่งเสริมให้ทำกิจกรรมทั้งในและนอกห้องเรียน ให้มีเด็กมีประสบการณ์ที่หลากหลายในการค้นหาความสนใจ ความสามารถของตนเอง และมองเห็นและให้คุณค่าของความสามารถที่หลากหลายและแตกต่างของเด็ก ซึ่งตอนนี้ก็กำลังเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ต่อด้านการศึกษาพิเศษ
The MATTER : มองอนาคตการศึกษาไทยในอนาคต ยังมีหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงได้ไหม
ต้องมีความหวังแน่นอนในสิ่งที่ทำ การเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นทีละน้อย แต่ถ้าทุกคนร่วมมือกัน ทั้งครอบครัว นักเรียน ครู และสังคม จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เคลื่อนทีละนิดๆ และนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดียิ่งขึ้น
ครูธนา เอี่ยมบำรุงทรัพย์
The MATTER : ในฐานะครู อยากเปลี่ยนอะไรในระบบการศึกษาไทย
เปลี่ยนวิธีคิดของสังคมไทยที่มีต่อการศึกษาไทย ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ ไม่ว่าเรื่องการเมือง ความเป็นอยู่ หรือการศึกษา ไทยจะไม่เคยติดอันดับต้นๆ เลย แล้วเราก็จมอยู่กับปัญหาเหล่านี้ มันอาจเป็นเพราะเรายังคงใช้วิธีการเดิมๆ ความเชื่อเดิมๆ ที่อยากจะพัฒนาการศึกษา และยิ่งในช่วงหลังมานี้ นโยบายการศึกษามักจะย่ำอยู่ที่มิติของศีลธรรม และออกมาในแนว โรงเรียนวิถีพุทธ โรงเรียนคุณธรรม ห้องเรียนสีขาว และความรู้คู่คุณธรรม ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การสร้างพลเมืองที่เป็น ‘คนดี’ แทบมองไม่เห็นว่าให้การศึกษาเรื่องของการเมือง หรือถ้าพูดเรื่องนี้ออกมาก็จะถูกมองว่าแปลกแยก หัวรุนแรง โดยเฉพาะคุณครูรุ่นใหม่อย่างเรา ที่ทำได้แค่เพียงมองเด็กนักเรียนโดนแง็บผม โดนเลาะกระโปรง โดนหวด สารพัดความรุนแรงที่ผู้ใหญ่ทำกับเด็ก ถ้าหากเรายอมรับว่าระบบการศึกษาไทยมันล้มเหลว เราจะเปลี่ยนวิธีคิดไปจากวิธีเดิมหรือไม่?
The MATTER : แล้วตอนนี้ เรากำลังทำอะไร ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้
ผมคิดว่าต้องทำสองอย่างนี้ควบคู่กันไป คือ เริ่มต้นในห้องเรียนของเรา และ ส่งเสียงไปให้ถึงผู้คน จริงๆ อย่างหลังเป็นอะไรที่สำคัญ ที่ทุกคนจะได้ระดมความคิดถกเถียง หาทางออก แต่ถ้าอยากเริ่มต้นเปลี่ยนแปลง ครูต้องเริ่มในห้องเรียน เราจึงต้องทำสองๆ อย่างพร้อมๆ กัน หากเรามองว่า การศึกษาที่ดีคือการเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล เราต้องทบทวนตัวเองตลอดว่า เราเปิดโอกาสให้เด็กวิพากษ์วิจารณ์แล้วหรือยัง
The MATTER : มองอนาคตการศึกษาไทยในอนาคต ยังมีหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงได้ไหม
มีความหวัง 100% ว่าระบบการศึกษาบ้านเราจะต้องดีขึ้น เพราะครูรุ่นใหม่เริ่มมีความแอคทีฟ อยากถีบตัวเองออกจากการทำงานด้วยฐานคิดแบบเก่า แต่ต้องยอมรับว่าครูจำนวนไม่น้อยก็สมาทานกับระบบแบบนี้ เพราะเขาได้ทำให้ผ.อ.ถูกใจ ได้เลื่อนขั้น แม้เด็กไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย มันจึงทำให้การศึกษาเราล้าหลัง เราในฐานะที่เป็นครูที่อยากเปลี่ยนระบบการศึกษาจึงจำเป็นต้องสู้ไปให้สุด อย่ามาหยุดเพียงแค่คนด่าเราว่าไม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก (เพราะพูดเรื่องการเมือง) เพราะเราต่างก็ผ่านระบบการศึกษาที่ปลูกฝังให้เราเชื่อง เรายอม กว่าจะมองเห็นว่าอำนาจนิยมคือเชื้อร้ายในการสร้างการศึกษาที่ดี ต้องอดทนให้คนเหล่านั้นด่าต่อไป ประชาธิปไตยไม่ได้ลอยมาจากฟ้า เราต่างก็ต้องสร้างมันขึ้นมา ฉะนั้นให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์