ดราม่า ดราม่า ดราม่าเต็มไปหมดเลย โลกออนไลน์นี่จะว่าดีก็ดี จะว่าร้ายก็ร้ายจัด (ก็เหมือนโลกของเรานี่แหละเนอะ เอ๊ะ พูดทำไม) คือเวลาใช้ให้มันดีๆ มันก็มีข้อมูลอะไรมาให้เราเยอะแยะ แต่เวลาที่ตกไปอยู่ในส่วนนรกของโลกออนไลน์ ซึ่งก็คือเวลาไปพัวพันกับดราม่าต่างๆ เนี่ย เซ็งทุกทีเลย
โดยเฉพาะการเสพข่าว ที่นับวันๆ ก็จะมีข่าวลวง ข่าวปลอม ข่าวเสี้ยม ข่าวมั่ว ข่าวเต้า ขึ้นมายั่วให้เราแชร์ไม่เว้นแต่ละวัน
The MATTER กับจ่าพิชิต แห่งดราม่าแอดดิกต์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องดราม่าๆ มาลองสำรวจวิธีกันซิว่า ถ้าเรารักจะเสพข่าวออนไลน์ เราจะต้องเสพอย่างไร ให้ไร้ดราม่า
เพราะเราอาจจะบ่นๆ กันว่า เฮ้ย อินเทอร์เน็ตมีแต่ข่าวปลอมอะ มีแต่ข่าวลวงโลกอะ แต่ว่าจริงๆ แล้ว เราสามารถช่วยกันกำจัดข่าวปลอม ไม่เผยแพร่ข่าวลวงโลก และทำให้อินเทอร์เน็ตดีขึ้นได้ด้วยพลังของตัวเราเอง ร่วมมือกัน!
1. พยายามหาที่มาของคอนเทนต์ หากข่าวนั้นไม่ใส่ที่มา ลองเช็คดูจากหลายๆ เว็บ ว่ามีการรายงานที่ตรงกันหรือไม่
คือบางคอนเทนต์เนี่ยก็เกิดจากการเต้าข่าวขึ้นมาเลย จับแพะชนแกะ จับม้าชนวัวทุกสิ่ง ไม่มีความเป็นจริงใดๆ อาจจะเกิดขึ้นมาจากความสนุกหรือความต้องการที่จะทำลายชื่อเสียงใครก็ได้ ดังนั้น พยายามเช็คข่าวก่อนหลายๆ แหล่ง หรือเช็คจากเจ้าตัวได้ยิ่งดี ไม่งั้นอาจหน้าแตกได้
อย่างกรณีที่เพิ่งผ่านไปคือหลายที่รายงานว่า CNN ออกอากาศหนังโป๊ 30 นาทีเต็ม ซึ่งเว็บก็ก๊อปๆ ข่าวนี้ไปเล่นกันสนุกสนาน แต่ CNN ยังไม่ออกมาพูดอะไรเลย พอสืบไปสืบมาก็พบว่า อ้าว ข่าวนี้มันมาจากทวีตของคนคนเดียว แบบนี้
ซึ่งในกรณีนี้ จ่าพิชิตแห่ง Drama Addict เสริมให้ฟังว่า “ยกตัวอย่างเคสแนวๆ นี้ก็ประมาณ เร็วๆ นี้มีเว็บคลิกเบทหลายเต้า มันไปเอาข่าวปลอมมาพาดหัวบอกว่า โดนไล่ออกแล้ว พนักงานร้านไก่ทอดชื่อดังใช้เท้าหมักปีกไก่ก่อนเอาไปทอด ซึ่งไอ้ข่าวปลอมนี้มันจับแพะชนแกะประมาณว่าเอาภาพถ่ายของหนุ่มชาวไทยคนนึง ซึ่งเคยทำงานร้านไก่ทอดหลายปีมาแล้ว แล้วเขาโพสภาพตอนทำงานลงเฟซส่วนตัว มาโมเมกับภาพจากโรงงานแปรรูปไก่จากประเทศโปแลนด์ ที่พนักงานคนนึงในโรงงานนั้นเอาเท้าเหยียบไก่แช่แข็งให้น้ำแข็งละลาย ไรงี้ ดูตัวอย่างได้จากลิงค์นี้เลย www.manager.co.th หรือ hilight.kapook.com
2. ถ้าหัวข้อข่าวดูสะใจเกินไป ดูตลกเกินไปกว่าจะเป็นจริงละก็ ยิ่งต้องเช็กหนัก
หัวข้อข่าวที่ดูสุดโต่งเกินไป เสี้ยมเกินไป ถึงแม้จะจริง ก็อาจจะยังไม่ค่อยน่าแชร์ เพราะเวลาแชร์เนี่ย สิ่งที่คุณแชร์ไป มันไม่ได้แค่บอกกับคนที่เห็นว่าเกิดเหตุแบบนี้ๆ แต่มันยังบอกได้ด้วยว่า คุณ (คนที่แชร์) เนี่ย เป็นคนแบบไหน
และอย่าลืมตระหนักไว้เสมอว่าบางทีเรื่องที่ดูดีเกินจริง ก็เป็นแค่นั้น คือ ‘ดูดี’ เกินจริง
จ่าพิชิตเซ่ดว่า “ดราม่าแนวๆ นี้มักจะเห็นพวกคลิกเบทที่เอาเรื่องทั่วๆไปที่เรารู้จัก มาจับนู่นโยงนี่ปนกันให้กลายเป็นเรื่องที่อ่านแล้วคนอ่านเกิดฟีลประมาว่า เฮ้ย จริงเหรอวะ ไอ้เรื่องแค่นี้มันอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอวะ จากนั้นคนก็จะแชร์กันรัวๆเป็นไฟลามทุ่ง เช่น คลิกเบทว่า กินน้ำเย็นแล้วกลายเป็นมะเร็งเอย กินชาเย็นแล้วไตวายเอย หรืออะไรอย่างเช่นในลิงค์นี้” www.tnamcot.com
3. อย่าเชื่อว่ามีภาพถ่ายแล้วจะจริงเสมอไป ให้ลองเช็คภาพนั้นจาก Google Images อาจเป็นภาพข่าวที่เกิดขึ้นในบริบทอื่น หรือเกิดขึ้นนานแล้วก็ได้
สมัยนี้ก็อย่างที่รู้ว่าภาพถ่ายปลอมแปลงได้หมดแล้ว แค่ไม่กี่คลิกในโฟโต้ชอปก็ทำให้อนาคตใครดับวูบได้ (ซึ่งเริ่มลามไปที่วิดีโอแล้วด้วย) ที่เจอกันมาก คือเป็นการเอาภาพจริงมา แต่เอามาใช้ในอีกบริบทหนึ่ง ซึ่งถ้าแคปเจอร์ หรือเซฟไปใช้ Google Images เช็กดู ก็จะรู้ว่าจริงๆ ภาพนั้นเอามาจากบริบทอะไร บางภาพเก่ามากแล้ว แต่เอามารีรัน แต่งเรื่องใหม่ คนเห็นภาพก็นึกว่าจริง
จ่าพิชิตเล่าอีกว่า “แบบนี้ก็เจอบ่อย ที่เห็นบ่อยๆ จะเป็นแบบ ภาพคนหน้าตาดี ที่ลงในกรุ๊ปหรือเพจอะไรซักอย่าง เช่น รายนี้เป็นครูคนนึงที่มีคนเอาภาพไปลงเพจสมาคมหน้าตาดี แล้วมีใครที่ไหนไม่รู้ฉกภาพครูเขาไปทำข่าวคลิกเบท พาดหัวว่า “ตัดสินแล้ว! จำคุก 4 ปี ครูสาวฆ่าปาดคอพม่าที่จะข่มขืน อ้างไม่ขึ้น! ป้องกันตัว” หน้าตาเฉ้ย ซึ่งทางครูเขาพอรู้ก็ไปแจ้งความดำเนินคดี แต่ก็ช้าไปเพราะชาวเน็ทที่ไม่รู้เท่าทันเรื่องพวกนี้แชร์ด่าครูแกเป็นหมื่นละ ดูได้จากในลิงค์นี้เลย” www.khaosod.co.th
4. ถ้าเป็นข่าวต่างประเทศ อาจลองใช้เว็บไซต์ Snopes, factcheck.org เช็กดูก็ได้
ในกรณีที่คุณเป็นคอข่าวต่างประเทศ เว็บไซต์ต่างประเทศมีบริการตรวจสอบข่าว ที่เขาฮิตๆ กันก็คือสองอันที่บอกข้างต้น หรือล่าสุด ในผลการค้นหาของ Google ยังมีเครื่องหมายว่าเช็คความจริงแล้วหรือไม่ หลังผลการค้นหาแต่ละอันด้วย
ถ้าเป็นของไทย ถึงแม้ยังไม่มีสถาบันเช็คข่าวตรงๆ แต่การตามเพจที่เชื่อถือได้ หลายๆ เพจ และครอสเช็คกันเองก็ช่วยได้
จ่าเสริมว่า “หลายๆ เรื่องที่เป็นคลิกเบทหรือข่าวปลอมหลอกลวงในบ้านเรา ไอ้ที่เขียนแบบยาวๆเป็นเรื่องเป็นราว มีการอ้างชื่อคนมีอ้างหลักการรัวๆ พวกนี้มักเอา FWD mail ลวงโลกที่วนเวียนกันอยู่ในอินเตอร์เน็ทตั้งแต่ยุคโมเด็ม 56k มาแปลเป็นไทยแล้วปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้เข้ากับคนอ่านบ้านเราง่ายขึ้น ข้อดีคือส่วนมากจะมีเว็บที่แฉเรื่องลวงโลกพวกนี้ไว้หมดแล้ว เช่น เว็บ hoax slayer พวกมะนาวโซดารักษามะเร็ง เว็บนี้เขามีชำแหละไว้นานมากละ!”
5. บางทีข่าวนานแล้ว จู่ๆ ก็เอามารันใหม่ มาลงใหม่ อาจหน้าแตกได้หากตื่นตูม
เหมือนข้อ 3 แต่ร้ายกว่า คือมาทั้งข่าวเลย ไม่ได้มาแค่รูป กรณีนี้เกิดขึ้นบ่อย เพจข่าวต่างประเทศ บางทีเขาก็จะชอบเอาข่าวเก่ามารีรัน เพราะมันฮิต เพื่อเรียกไลก์เรียกแชร์ใหม่ แม้กระทั่ง TIME ก็รีรันข่าว “เครื่องคิดเลขที่แก้โจทย์เลขให้คุณเอง” ประมาณห้าหกครั้งได้แล้ว ดังนั้น สิ่งที่คุณเห็นในวันนี้ ไม่ได้แปลว่า มันจะเกิดขึ้นวันนี้นะจ๊ะ มันอาจเกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อนก็ได้
ส่วนจ่าพิชิตก็ลงความเห็นว่า “อันนี้ที่เห็นบ่อยจะเป็นข่าวแนวๆ ช่วยกันแชร์ช่วยกันไลค์ภาพเด็กไม่สบายเด็กป่วย แล้วจะมีคนบริจาคเงินช่วยเหลือเด็กไลค์ละบาท (ใครเป็นคนจ่ายวะ) หรือพวกแชร์ข่าวประมาณ เด็กหาย รถหาย เด็กติดรถไปด้วย ซึ่งหลายๆ ครั้งมันเป็นเรื่องที่แชร์กันตั้งกะปีมะโว้ ตั้งแต่ห้าหกปีก่อน ซึ่งบางาย เด็กในภาพก็เสียชีวิตไปแล้ว บางข่าวก็เจอรถที่หายไปหรือเจอเด็กที่หายไปนานแล้วนั่นเอง”
6. อย่ามีรีแอคชั่นกับข่าวเร็วเกินเหตุ เช่น แชร์แล้วคอมเมนต์แรงๆ เลย เพราะหากพิสูจน์แล้วว่าข่าวนั้นไม่จิรง คนที่จะเสียคือคุณเอง นะจ๊ะ
จ่าตบท้าย “เอาง่ายๆ ก็ไอ้ข่าว โดนัลด์ ทรัมป์ หุ่นขี้ผึ้งนั่นน่ะ (ฮา) ไม่ต้องรีบแชร์ ใจเย็นๆ อ่านข่าวให้รู้เรื่องก่อนแล้วค่อยแชร์ก็ได้”