เพื่อนสาวหุ่นดีคนนั้นถ่ายรูปหน้ากระจกที่ยิมลงทุกเช้า รุ่นน้องที่มหาลัยที่ชอบทำเค้กตอนนี้ก็เปิดคาเฟ่น่ารักกรุบ ทุกคนดูได้ดิบได้ดีจากงานอดิเรก ตัดภาพมาที่ตัวเราที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
ถ้าพูดถึงงานอดิเรก ภาพจำที่คุ้นชินติดตามาก็คือการ ‘สะสมแสตมป์’ หรือประโยคอะไรประมาณว่า‘ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์’ ยิ่งสมัยนี้ที่มีแนวคิด ‘เอาสิ่งที่ชอบมาเป็นอาชีพ’ บวกกับคนรอบตัวที่ผันตัวไปเป็นครูโยคะบ้าง เพาะต้นไม้ขายบ้าง รับทำเค้กบ้าง ตัวเราก็เริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วว่า งั้นงานอดิเรกของเราคืออะไรกันล่ะ งานอดิเรกของเราจำเป็นต้องเหมือนใครเขาไหมนะ การนอนนับเป็นงานอดิเรกไหม หรือเราจะไม่มีงานอดิเรกกันนะ
ที่จริงแล้วงานอดิเรกคืออะไรกันแน่
สะสมแสตมป์ เล่นกีตาร์ ทำอาหาร ขับรถเล่น สะสมแก้วสตาร์บัคส์ จิบกาแฟ นั่งตากลมริมทะเล แบบไหนถึงนับว่าเป็นงานอดิเรก แล้วถ้าเราชอบเล่นสเก็ตน้ำแข็ง แต่เล่นไม่เก่งนี่นับว่าเป็นงานอดิเรกหรือเปล่า หรือเป็นแค่ความชอบ แล้วเราจำเป็นต้องคิดมากกับเรื่องงานอดิเรกมากขนาดนี้เลยเหรอ
บารี ชวาร์ส (Bari Schwarz) นักจิตบำบัดกล่าวถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า หลายครั้งที่คำว่า ‘งานอดิเรก’ ทำให้เรารู้สึกวิตกกังวล เราจะมึนไปสักพักหนึ่งเวลามีใครถามถึงงานอดิเรก พร้อมกับความคิดที่พากันหลั่งไหลเข้ามาในหัวว่า ทำไมเราถึงคิดอะไรไม่ออกเลย งานอดิเรกของเรานับเป็นงานอดิเรกมั้ยเนี่ย
ถ้ามีคำถามเหล่านั้นในใจ ชวาร์สก็ตอบว่า แก่นของงานอดิเรกคือกิจกรรมที่เรารู้สึกทำแล้วสนุกในเวลาว่าง งานอดิเรกไม่จำเป็นต้องมีประโยชน์ ทำให้เราพัฒนาตัวเอง หรือเป็นงานอดิเรกที่มีเป้าหมายให้บรรลุ ถ้ารู้สึกกดดันที่จะต้องหาคำตอบว่างานอดิเรกของเราคืออะไร ลองถามตัวเองใหม่ในประโยคที่แตกต่างออกไปว่า “อะไรที่เราทำแล้วรู้สึกมีความสุข” จะตอบง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะ
ความกดดันที่ทำให้เรารู้สึกว่าต้องมีงานอดิเรก
งานอดิเรกควรเป็นอะไรที่เราทำแล้วรู้สึกพอใจที่ได้ทำ ไม่จำเป็นต้องกดดันว่างานอดิเรกต้องเป็นสิ่งที่หาเงินได้ สิ่งที่กำลังอยู่ในเทรนด์ สิ่งที่ทำให้เราดูดีมีเสน่ห์ ถ้าเราทำความสะอาดบ้านแล้วมีความสุข ก็นับเป็นงานอดิเรกของเราแล้ว เวลาว่างเป็นของเรา เราจะทำอะไรกับมันก็ได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าสิ่งที่เราชอบทำนับเป็นงานอดิเรกหรือเปล่า
งานอดิเรกบางอย่างต้องใช้เงินและเวลา ซึ่งหลายคนก็มีข้อจำกัด ไม่สามารถทำได้ขนาดนั้น แม้แต่การวิ่งที่ว่ากันว่าเป็นการออกกำลังกายที่ใช้งบน้อยที่สุดก็ตาม ถ้าโฟกัสเราแค่การวิ่งอย่างเดียวกับรองเท้าคู่เก่งก็ย่อมได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งเข้าวงการไป เราจะเริ่มรู้จักกับถุงเท้าวิ่งที่ซัปพอร์ตเท้า รู้จักกับหมวกกันยูวี รู้จักกับรองเท้าวิ่งรุ่นที่เร็วและแรงขึ้นจากรองเท้าคู่เดิม ซึ่งไม่ได้ผิดอะไรที่ทุกคนใช้มันและเราจะอยากได้มาครอบครองบ้าง ขอแค่ไม่เกินตัวจนรู้สึกทุกข์กับสิ่งที่ทำอยู่ก็พอ
งานอดิเรกบางอย่างก็สร้างความรู้สึก ‘ต้องเก่งกว่านี้’ ให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬาหรือเล่นดนตรี แรงผลักดันตรงนี้ก็ดีกับเราแหละ แต่ถ้าเราพบว่าเล่นมานานเท่าไหร่ก็ไม่เก่งขึ้นเลยจนคำว่า ‘ต้องเก่งกว่านี้’ เริ่มทำให้เราสงสัยว่า แล้วแบบนี้จะนับว่าเป็นงานอดิเรกอยู่ไหม ก็ไม่เป็นไรเลยที่เราจะไม่เก่ง เราไม่ได้จะเอามันมาทำเป็นอาชีพสักหน่อย เราเล่นกีตาร์เพื่อให้ตัวเองได้มีความสุข ให้เพื่อนได้ร้องเพลงตามเสียงดนตรีของเราไม่ใช่เหรอ
หรืองานอดิเรกที่กำลังเป็นที่นิยม หันซ้ายขวาก็มีแต่คนสนุกกับมันกันไปหมด อย่างตอนนี้ก็เป็นพิลาทิส ถ้าลองดูแล้วพบว่าเราไม่ได้ชอบขนาดนั้น ลองยังไงก็รู้สึกฝืนตัวเอง ก็ไม่จำเป็นต้องไปต่อ ไม่ต้องกลัวว่าจะตกเทรนด์ หรือกลัวว่าคนจะเข้ามาถามว่า “อ้าว เห็นตอนนั้นเล่นพิลาทิส ตอนนี้เลิกเล่นแล้วเหรอ” ลองหาอะไรที่เหมาะกับเรา อะไรที่ทำแล้วไม่รู้สึกฝืนใจ อะไรที่ทำแล้วคลายเครียดจากชีวิตประจำวันได้
แล้วการนอนจะเป็นงานอดิเรกได้ไหม
หลายคนอาจคิดว่าคนไม่มีงานอดิเรกนั้นเป็นคนไม่มีแพสชั่นในชีวิต แต่อย่างที่เราบอกไปข้างบนว่างานอดิเรกจะเป็นอะไรก็ได้ที่ทำแล้วสุขใจ เพราะฉะนั้นการนอนก็สามารถเป็นงานอดิเรกได้ ถ้าคนที่ตัดสินเรายังยึดติดกับความคิดที่ว่างานอดิเรกต้องมีประโยชน์ ก็ย่อมได้ ให้พูดถึงประโยชน์ของการนอนใช่ไหม บอกได้เลยว่าเพียบ
จากการสำรวจสนุกๆ พบว่า 79% ของกลุ่มคนที่ชอบนอนกลางวันนับให้การนอนกลางวันเป็นงานอดิเรกของพวกเขา ซึ่งกว่า 33% บอกว่าพวกเขารู้สึกผ่อนคลายจากสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต 19% บอกว่าพวกเขานอนกลางวันแล้วรู้สึกมีความสุข 17% บอกว่าพวกเขารู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นเมื่อได้งีบหลับบ้าง แม้จะมี 15% ที่รู้สึกมึนงงหลังจากตื่น และอีก 12% ที่รู้สึกเหมือนเพิ่งสร่างเมาก็ตาม การนอนก็ยังเป็นงานอดิเรกที่ทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกสบายใจอยู่ดี และทำให้หายเหนื่อยล้าด้วย
แค่งานประจำก็ทำเราน่วมขนาดนี้ การจะไม่รู้สึกว่าอยากมีงานอดิเรกอย่างใครเขา อยากนอนอย่างเดียว นอนเป็นงานอดิเรกได้ไหม ก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลก ไม่ได้ทำให้เราเป็นคนไม่มีแพสชั่นอย่างที่ใครเขาว่ากันหรอก ถ้าชอบนอนก็นอนได้เลย ที่เรานอนเป็นงานอดิเรกเพื่อให้ร่างกายตัวเองได้พักและไปสู้กับงานประจำอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ไง
ชีวิตเราเหนื่อยมามากพอแล้ว ให้เวลาตัวเองได้มีความสุขกับสิ่งที่ชอบอย่างแท้จริงบ้างก็ดีเหมือนกัน จะได้มีพลังเพื่อเดินหน้าสู้กับโลกนี้ต่อไป
อ้างอิงจาก
Graphic Designer: Krittaporn Tochan
Proofreader: Runchana Siripraphasuk