วัยรุ่นต้องใช้ชีวิตให้สุดทาง
ใครละจะชอบทำกิจกรรมสุดตื่นเต้นได้เหมือนคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นงานปาร์ตี้ กิจกรรมมันส์ๆ ทั้งปีนผา เล่นเซิร์ฟ สเก็ตบอร์ด หรือจะแสดงออกผ่านสไตล์การแต่งตัวจัดจ้าน สิ่งเหล่านี้แทบจะถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของคนหนุ่มสาวอย่างไม่ต้องสงสัย แต่อีกด้านก็อาจกลายเป็นกรอบที่ทำให้คนหนุ่มสาวต้องพยายามหาที่ทางของตัวเอง โดยที่อาจยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร
อันที่จริงแล้วอายุไม่ใช่ตัวกำหนดว่าเราควรทำกิจกรรมแบบไหนเสมอไป เพราะทุกวันนี้เราก็เห็นคนสูงวัยไม่น้อยที่ชื่นชอบกิจกรรมโลดโผน หรือคนอายุน้อยที่ชื่นชอบกิจกรรมเงียบๆ แบบคนอายุมากไม่ใช่เรื่องแปลก
ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ที่มีงานอดิเรกแบบคนสูงวัยมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยงานอดิเรกประเภทนี้ถูกเรียกรวมๆ ว่า ‘grandma hobbies’ ซึ่งมักหมายถึงกิจกรรมอย่าง การถักนิตติ้ง อบขนม ดื่มชา หรือการทำสวน แม้จะเป็นกิจกรรมราบเรียบ แต่กลับดึงดูดใจคนหนุ่มสาวได้มากกว่าที่คิด ร้านปั้นเซรามิก หรือคาเฟ่ศิลปะ ก็ถูกจับจองด้วยคนอายุน้อยมากเป็นพิเศษ
แล้วอะไรที่ทำให้วัยรุ่นยุคนี้หันมาทำงานอดิเรกแบบคุณยายมากขึ้นกันนะ เราชวนไปสำรวจเหตุผลเบื้องหลัง พร้อมไปดูว่าถ้าอยากจะเริ่มต้นงานอดิเรกเหล่านี้บ้าง ควรทำยังไงดี

เมื่อคนรุ่นใหม่ชอบงานอดิเรกแบบคุณยายมากขึ้น
แม้โลกอินเทอร์เน็ตจะถูกยึดครองพื้นที่ด้วยคนรุ่นใหม่ แต่ทุกวันนี้การแสตนบายอยู่หน้าจอตลอดเวลาอาจไม่ใช่สิ่งน่าสนใจสำหรับพวกเขาอีกต่อไป จากการสำรวจพบว่าคนหนุ่มสาวเริ่มมี ‘งานอดิเรกแบบคุณยาย’ กันมากขึ้น
ก่อนอื่นเราอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จัก ‘grandma hobbies’ กันก่อนว่าคืออะไร และกิจกรรมไหนบ้างที่เข้าข่ายงานอดิเรกนี้ จากเว็บไซต์ The Wall Street Journal บอกว่างานอดิเรกแบบคุณยายมักหมายถึงงานอดิเรกก่อนยุคเทคโนโลยีที่กำลังมาแรง ส่วนใหญ่แล้วจึงมักเป็นกิจกรรมที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย เหมือนที่เหล่าคุณย่าคุณยายมักทำในช่วงชีวิตหลังเกษียณ
หากว่ากันตามความหมายแล้ว งานอดิเรกประเภทนี้จึงมักตกไปอยู่ที่กิจกรรมสร้างสรรค์เป็นส่วนใหญ่ อย่างงานฝีมือหรืองานที่ได้อยู่กับธรรมชาติ ซึ่งก็ไล่ไปตั้งแต่ การถักนิตติ้ง เย็บปักถักร้อย อบขนม ปั้นเซรามิก วาดภาพ การตกแต่งไดอารี่ เช่น scrapbook หรือ junk journal เขียนจดหมาย จนไปถึงการทำสวน ดูนก จิบชา หรือต่อจิ๊กซอว์ เรียกได้ว่ากิจกรรมใดๆ ก็ตามที่ได้ใช้เวลาเงียบสงบกับตัวเอง ก็อาจถือเป็นงานอดิเรกแบบคุณยายได้
แม้จะดูไม่ได้น่าตื่นเต้น แต่กราฟความนิยมงานอดิเรกเหล่านี้ก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จากการสำรวจของ Mintel บริษัทด้านการตลาดระดับโลก ได้สำรวจผู้ใหญ่ในสหรัฐ 2,000 คน เกี่ยวกับการทำงานศิลปะและงานฝีมือของผู้บริโภค พบว่า 71% เคยทำโปรเจ็กต์งานฝีมือ และในกลุ่มนี้มี Gen Z ถึง 86% ที่บอกว่าตัวเองเป็น ‘crafters’ หรือนักทำงานฝีมือ และอีก 30% เคยเข้าคลาสศิลปะและงานฝีมือแบบจริงจัง
ไม่ใช่แค่งานอดิเรกที่เป็นงานคราฟต์กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ไลฟ์สไตล์แบบ ‘คุณยาย’ ก็กลายเป็นกิจวัตรของคนรุ่นใหม่เช่นกัน ข้อมูลจาก Solitaire Bliss บริษัทเกมออนไลน์ พบว่า 43% ของคน Gen Z ชื่นชอบไลฟ์สไตล์แบบคุณยาย เช่น เข้านอนเร็ว ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน หรือชื่นชอบของวินเทจ ซึ่งอาจแปลว่าว่าไลฟ์สไตล์ยุคก่อนเทคโนโลยีจะเข้ามาสู่ชีวิตประจำประจำกำลังเป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่กำลังโหยหาอยู่ก็ได้

เพราะโลกวุ่นวายเราเลยต้องการความสงบ
ส่วนเหตุผลที่ทำให้งานอดิเรกคุณยายกลายเป็นเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ก็ไม่ซับซ้อน เพราะกิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้เราผ่อนคลายจากความเครียด และข้อมูลอันท่วมท้นบนโลกออนไลน์ได้
ข้อมูลจาก The Guardian สื่อจากอังกฤษ รายงานว่าคนรุ่นใหม่รู้สึกเหนื่อยล้าและอยากพักจากโลกอินเทอร์เน็ต เพราะการเชื่อมต่อบนโลกออนไลน์ส่งผลต่อสุขภาพจิตอย่างเลี่ยงไม่ได้
จากข้อมูลนี้พบว่าเกือบ 70% ของเด็กอายุ 16 – 21 ปีรู้สึกแย่กับตัวเองหลังจากใช้เวลากับโซเชียลมีเดีย และอีก 50% ระบุว่ามีการจำกัดการเข้าถึงแอปและเว็บไซต์บางอย่างหลัง 4 ทุ่ม ขณะที่อีก 46% บอกว่าพวกเขาต้องการเป็นเยาวชนในโลกที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตเลย
จากรายงานนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่าเหล่าคนรุ่นใหม่เริ่มตระหนักว่าโลกออนไลน์ส่งผลต่อจิตใจได้มากขนาดไหน โดยเฉพาะอัลกอริทึ่มบนแพลตฟอร์มที่คอยนำเสนอเนื้อหาให้เราเห็นภาพ ข้อความ หรือเสียงที่ไม่น่าพิศมัยซ้ำๆ จนส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง
ดังนั้น ทางออกของคนรุ่นใหม่เลยเป็นการ หันหน้าเข้าหากิจกรรมที่ช่วยให้ตัวเองออกห่างจากโลกออนไลน์ อย่างงานอดิเรกคุณยาย ข้อมูลจาก verywellmind สื่อด้านสุขภาพจิต อธิบายว่า มีงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนว่างานฝีมือช่วยพัฒนาสุขภาพจิตได้ อย่างงานที่ตีพิมพ์ใน Frontiers in Public Health พบว่างานอดิเรกเหล่านี้มีส่วนช่วยให้เราผ่อนคลาย และสุขภาพจิตดีขึ้นหลายด้าน

เพิ่มสมาธิ: งานอดิเรกประเภทงานฝีมือ อย่างการปักผ้า มักเป็นงานละเอียดที่ต้องใช้สมาธิสูง จึงทำให้เราจดจ่ออยู่งานตรงหน้าได้นานขึ้น นอกจากนี้การฝึกใช้ประสาทสัมผัส ยังช่วยให้เราอยู่กับปัจจุบัน ไม่ปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่านถึงเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น
ลดความเครียดและความวิตกกังวล: งานสร้างสรรค์ช่วยกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกายในภาวะพักผ่อนและย่อยอาหาร ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและอยู่ในภาวะสมดุล โดยมีงานวิจัยปี 2019 บอกว่าแค่วาดรูปวันละ 10 นาที ก็ช่วยทำให้อารมณ์ดีและลดความเครียดได้แล้ว
ลดแรงกดดันในชีวิตประจำวัน: การลงมือทำงานศิลปะช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะลดความคาดหวังในความสมบูรณ์แบบ เพราะเราอาจจะเห็นจุดบกพร่อง หรือข้อผิดพลาดในงาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หากเรามีความสุขระหว่างทำงานอดิเรกเหล่านี้
ช่วยให้พบปะและเชื่อมโยงกับผู้คน: งานอดิเรกเหล่านี้อาจเป็นตัวกลางที่เชื่อมโยงเรากับคนอื่นได้มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียว เช่น กิจกรรมแลกกันชิมขนมอบ คลับคนรักการเขียนจดหมาย หรือกลุ่มคนรักต้นไม้ กิจกรรมเหล่านี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราทำความรู้จักใครสักคน และอาจกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในอนาคตก็ได้
จากประโยชน์ของงานอดิเรกแบบคุณยาย ก็ไม่แปลกที่คนหนุ่มสาวจะหันมาทำกิจกรรมเหล่านี้มากขึ้น เพราะในแง่หนึ่งมันก็ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตได้พอดีนั่นเอง

เลือกงานอดิเรกแบบไหนให้ตรงใจเรา
งานอดิเรกคุณยายแม้จะช่วยลดความเครียดในวันที่เหนื่อยล้าลงได้ ดูเผินๆ แล้วก็ไม่น่าใช้ทักษะอะไรซับซ้อน แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าหากเราลองไปทำกิจกรรมเหล่านี้แล้วจะมีความสุขขึ้นมาทันตาเห็น เพราะงานอดิเรกแต่ละชนิดก็เรียกร้องทักษะ หรือมีลักษณะเฉพาะต่างกันไป บางกิจกรรมที่คนอื่นบอกว่าดี บางทีอาจจะไม่เหมาะกับเราก็ได้
ดังนั้นเพื่อให้เราทำงานอดิเรกแบบคุณยายได้อย่างมีความสุข เราเลยอยากชวนมาดูวิธีเลือกงานอดิเรกที่เหมาะกับตัวเองจาก ทิฟฟานี่ โฮ (Tiffany Ho) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา ที่สถาบันวิจัยสมองแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส เพื่อนำไปปรับใช้กับตัวเองกัน
- ลองถามตัวเองว่าอยากได้อะไรจากงานอดิเรก: งานอดิเรกแต่ละประเภทให้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน เช่น บางกิจกรรมช่วยให้เราเชื่อมโยงกับธรรมชาติ มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน หรือได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ สิ่งสำคัญคือเราอาจต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าเราอยากทำงานอดิเรกนี้ไปเพื่ออะไร หากเพื่อความสุขก็อาจเลือกทำสิ่งที่ชอบได้เลย แต่ถ้าอยากทำเพราะอยากเจอเพื่อนใหม่ ก็อาจลองเลือกกิจกรรมที่ได้ทำร่วมกับคนอื่น อย่างการเล่นบอร์ดเกม หรือเขียนจดหมายแทน
- ลองดูความถนัด: หากเราไม่ถนัดงานที่ต้องใช้ความละเอียด งานปักผ้าก็อาจทำให้เราหงุดหงิดแทนที่จะผ่อนคลายได้ ดังนั้นเราอาจมาลองทบทวนว่าตัวเองถนัดอะไร ชอบงานแบบไหน บางทีการทำสวนก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะเหมาะคนไม่ชอบอะไรซับซ้อนก็ได้ หรือหากเป็นช่วงเริ่มต้นก็อาจจะลองอะไรๆ ง่ายๆ ไปก่อน เพื่อไม่ให้เราล้มเลิกไปกลางคัน
- เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เป็นมือใหม่: เวลาเริ่มทำอะไรครั้งแรกแน่นอนว่ามันอาจจะไม่เพอร์เฟ็กต์ ดังนั้นไม่เป็นไรเลยถ้าหากผลงานแรกของการปักผ้า ถักนิตติ้ง หรือวาดรูปสีน้ำ จะออกมาไม่เหมือนมืออาชีพเหมือนที่เราเคยเห็น ขอแค่เรามีความสุขตอนที่ทำก็เพียงพอแล้ว
- อย่าลืมดูแลตัวเองด้านอื่นๆ: แม้ว่างานอดิเรกของคุณยายจะช่วยให้จิตใจสงบ แต่ไม่ได้แปลว่าชีวิตเราจะไม่ต้องการกิจกรรมด้านอื่นๆ เลย ชีวิตยังมีองค์ประกอบอีกหลายด้านที่ต้องทำควบคู่กันไปเพื่อให้เรามีความสุข เช่น การออกกำลังกาย การนอนหลับให้เพียงพอ และการกินของที่มีประโยชน์ ดังนั้น เราอาจต้องหาวิธีบาลานซ์ไปพร้อมๆ กับกิจกรรมอื่นๆ และหมั่นใส่ใจคนรอบข้างด้วยนะ
แม้งานอดิเรกแบบคุณยายอาจถูกมองว่าไม่หวือหวาหรือน่าตื่นเต้น แต่อย่างน้อยกิจกรรมเหล่านี้ก็ช่วยให้เรามีที่พักใจ และช่วยเติมพลังให้เรามีแรงไปต่อสู้กับโลกอันแสนวุ่นวายได้อีกครั้ง
อ้างอิงจาก