‘ความรักเป็นเรื่องสวยงาม’
ไม่แน่ใจว่าวลีที่ว่านี้รวมถึง One Night Stand ด้วยรึเปล่า เพราะความรักแบบที่เรามองว่าสวยงามดูเหมือนจะต้องมีมิติของเวลาและสถานที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ความรักโรแมนติกที่ดี ที่ได้รับการพูดถึงมักจะต้องเป็นความรักที่เนิ่นนานและเปิดเผย ดังนั้นความรักแบบลับๆ เกิดขึ้นและจบลงในระยะแค่ข้ามคืน ก็เลยเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ชนิดที่เราไม่ค่อยพูดถึงกันเท่าไหร่
ก่อนอื่นต้องก้าวข้ามกรอบเรื่องศีลธรรมไปก่อน ความสัมพันธ์แบบ ‘(ร่วม) รักชั่วข้ามคืน’ ก็ดูจะเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นได้จริงๆ เป็นความปรารถนาที่คนสองคนเกิดจะต่อกันติดแล้วไปสานต่อความใกล้ชิดทางกายก่อนที่จะยุติความโรแมนติกนั้นภายในชั่วข้ามคืน
ถ้าเรามองมิติของความสัมพันธ์ที่มันจะมีเรื่องกายและใจ ดูเหมือนว่าความรักตามธรรมเนียมคือการก่อรูปของความสัมพันธ์ทางใจก่อนค่อยไปกระชับพื้นที่ทางกาย ส่วนความสัมพันธ์แบบข้ามคืนคือการที่เกิดการกระชับทางกายก่อนแล้วค่อยแยกย้ายกันไป
คำถามคือในเมื่อใจมนุษย์เรายากหยั่ง จริงหรือที่เรามีความสัมพันธ์ครั้งคราวแล้วจบลงไปได้ ความโรแมนติกอายุสั้นๆ มีจริงแค่ไหน
Giphy
เรื่องคืนนั้นฉันจะคิดซะว่าฝันไป
ในมิติทางสังคม ความรัก-ความสัมพันธ์เป็นเรื่องของศีลธรรม เรามีคำนิยามของรักที่ดีและรักที่ต้องปิด ความสัมพันธ์ทางกายแบบที่เกิดและจบอย่างรวดเร็วจึงเป็นความสัมพันธ์ที่อยู่นอกรูปแบบความโรแมนติกอย่างที่ควรจะเป็น แต่แน่ล่ะเราต่างอยู่ในสังคมสมัยใหม่ สังคมเมืองที่เต็มไปด้วยคนเหงาและคนโดดเดี่ยว ในโลกแห่งแสงนีออน
การที่คนเหงาสองคนจะมาบรรจบและเติมเต็มช่องว่างซึ่งกันและกันมันก็ดูจะเป็นเรื่องการตัดสินใจของบุคคลทั้งสอง
ในบทความศึกษาเรื่องชั่วคราว หรือ ค้างคืน ตลอดไปของ สันต์ สุวัจฉราภินันท์ ผู้เชี่ยวชาญมิติทางวัฒนธรรมของสถาปัตยกรรมพูดถึงความรักแบบชั่วคราวนี้ว่าเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมแบบปัจเจกบุคคล คือมันเป็นเรื่องของอารมณ์ของคนสองคน ถ้าสังคมเรามีความเป็นปัจเจกบุคคลมากขึ้น ความสัมพันธ์ที่อยู่นอกบรรทัดฐานนี้ก็จะถูกพูดถึงง่ายขึ้น
งานศึกษาดังกล่าวเป็นอีกงานที่ก้าวข้ามมิติทางศีลธรรมและลงไปศึกษา ‘โรงแรมม่านรูด’ ในฐานะพื้นที่ของความรักข้ามคืน ซึ่งแน่ล่ะ เวลาเราขับรถไปไหน เราก็เห็นโมเตล โฮเทลในพื้นที่เมืองมากมาย แต่พื้นที่เหล่านี้กลับไม่อยู่ในสายตาหรือความเข้าใจของเรา ทั้งๆ ที่มันมีอยู่จริงๆ การลงไปดูการออกแบบโรงแรมม่านรูดในฐานะพื้นที่ของความรักข้ามคืน การสร้างพื้นที่แบบสมัยใหม่ที่ซอยเป็นห้องเพื่อรองรับความต้องการในการใช้พื้นที่ เป็นการสร้างพื้นที่ ‘กึ่งเกิดกึ่งปิด’ การใช้ม่าน อันเป็นวัสดุที่เปิดและปิดได้ สร้างพื้นที่ปิดล้อมได้ทันทีแต่ในขณะเดียวกัน ม่านก็เหมือนกำแพงในตัวเองคือสามารถปิดกั้นการมองเห็นได้แต่ก็ยังมีความเลื่อนไหล พริ้วไหวไม่ตายตัว ดังนั้น โรงแรมม่านรูดจึงดูจะเป็นส่วนหนึ่งของโลกสมัยใหม่ โลกที่ความสัมพันธ์มีความฉับไวและตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ที่มีความรวดเร็วตามครรลองของความรวดเร็วและเดียวดาย
โรงแรมต่างดาว เป็นหนังที่ใช้ฉากเป็นโรงแรมม่านรูด เป็นพื้นที่ที่เหตุการณ์ประหลาดทั้งหลายในเรื่องเกิดขึ้น ภาพจาก waymagazine.org
หรือ ‘ความสัมพันธ์แค่กาย ใจไม่ไปต่อ’ จะไม่มีจริง
ในแง่ความสัมพันธ์ทางกาย มุมมองของสังคมค่อนข้างมีส่วนในการกำกับความรู้สึกว่าเราจะรู้สึกดีหรือแย่หลังจากที่ได้ตอบสนองกับการเรียกร้องของร่ายกายไปแล้ว Anne Campbell นักจิตวิทยาจาก Durham University ในอังกฤษสำรวจคนอังกฤษหลากเพศหลายวัยจำนวน 3,300 คน กว่าครึ่งบอกว่าเคยผ่านความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยมาแล้วทั้งนั้น และในนี้ 80% บอกว่ามีความรู้สึกแฮปปี้ดีในคืนนั้น ส่วนฝ่ายหญิงมี 54% ที่บอกว่าอือดีนะ จะมีสาวๆ บางส่วนที่บอกว่ารู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ซึ่งตรงนี้นักวิชาการก็บอกว่าเกี่ยวข้องกับค่านิยมของเพศด้วย
Jim Pfaus นักจิตวิทยาแห่ง Concordia University ในแคนาดามองในมิติทางจิตใจที่ลึกลงไปโดยทำการศึกษาในมุมของความรักและเซ็กซ์ในชายและหญิง ผลคือพี่แกบอกว่าในทางอารมณ์ไม่เกี่ยวกับว่าผู้ชายหลับนอนแล้วก็แล้วกัน แล้วผู้หญิงต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียใจ แต่ความรักและความปรารถนาเป็นอารมณ์ที่ซับซ้อนของมนุษย์
ไม่ว่าชายหรือหญิง ถ้ามีการสานความสัมพันธ์ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจแล้ว ต่างก็ยากที่จะบอกว่ามันจบลงอย่างรวดเร็วได้ทั้งนั้น
Pfaus บอกว่าความรักก็คือความรักแหละ ต่อให้รักแรกเห็นแล้วให้ความปรารถนาชักนำเราไป ในที่สุดสมองส่วนที่ทำงานเรื่องความผูกพันธ์ทางอารมณ์และความปรารถนามันก็ทำงานซ้อนกันอยู่ดี การที่เราแนบชิด เราสัมผัสผิวเนื้อของกันและกันด้วยความปรารถนาแล้ว มีเรอะที่จะลืมเลือนละทิ้งได้แค่ชั่วรุ่งสาง
brainmdhealth.com
มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อน อารมณ์ ความเหงา ความเดียวดาย ความรัก และความปรารถนา รวมไปถึงรูปแบบความสัมพันธ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างมากมายและหลายรูปแบบ สำหรับความสัมพันธ์เชิงข้ามคืน ประเด็นสำคัญกลับมาที่ความรับผิดชอบต่อตัวเอง ความรับผิดชอบต่อร่างกาย การป้องกันตัวก็ถือเป็นเรื่องพื้นๆ
ส่วนความรับผิดชอบต่อใจ ที่คิดว่าสัมพันธ์กันแค่กาย สุดท้ายหัวใจของเรา อาจจะไม่ได้ตัดใจง่ายแบบนั้นก็ได้
ก็รับผิดชอบความรู้สึกกันต่อไป
