“Match.com จะนำความรักมาสู่โลกนี้มากกว่าทุกอย่างตั้งแต่การมาบังเกิดของพระเยซู”
—Aziz Ansari, จากหนังสือ Modern Romance
กระบวนการหาคู่ออนไลน์นั้นกลายเป็นสิ่งที่ไม่ได้แปลกใหม่อะไรแล้ว วันนี้ถ้าใครมีสมาร์ตโฟนก็เหมือนมีพื้นที่สำหรับการโปรยเสน่ห์และสามารถหาคู่ได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก ทางเลือกมีมากมาย แอพพลิเคชั่นต่างๆ ก็คอยช่วยเหลือในการตัดสินใจ คัดเลือก คัดกรอง บุคคลที่เหมาะสมกับเรา นี่คือยุคสมัยของอินเตอร์เน็ตที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานยุคใหม่ จากสถิติแล้วกว่า 38% ของบุคคลที่ยังโสดในตอนนี้พร้อมจะลองใช้บริการหาคู่ออนไลน์ ไม่ใช่แค่คนในเจนเนอเรชั่นใหม่เท่านั้น แต่กลุ่ม baby boomer ก็พร้อมจะกระโจนเข้ามาลองด้วยเช่นเดียวกัน
ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อนที่ Match และ eHarmony เริ่มเป็นที่รู้จักของบริการหาคู่ออนไลน์ (online dating) ตอนนั้นพวกเขาได้วางรากฐานที่สำคัญเอาไว้แล้วว่าต่อไปมนุษย์จะเริ่มหันมาค้นหาความรักออนไลน์กันมากขึ้น (มีการคาดการณ์ว่าภายในปี ค.ศ.2040 กว่า 70% ของคู่รักจะพบเจอกันจากออนไลน์) แต่สิ่งที่เป็นตัวเร่งให้การเติบโตเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดคือการเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟนตั้งแต่ ค.ศ.2007 เมื่อ iPhone ได้เปิดตัว หลังจากนั้นสองปี Grindr ก็เข้าสู่ตลาด ตามมาด้วย Tinder ในปี ค.ศ.2012 และ Bumble ในปี ค.ศ.2014
แอพพลิเคชั่นเหล่านี้นำฟีเจอร์อย่าง Location-tracking,
Swiping และอัลกอริทึมหลังบ้านอันทรงพลัง
จึงทำให้คนเริ่มหันมาพึ่งพาการหาคู่ออนไลน์กันมากขึ้น
แต่ว่าอนาคตที่จะมาถึงนั้นก็ยังมีอะไรที่น่าสนใจรออยู่ไม่น้อยสำหรับคนโสดที่กำลังหารักแท้ เพราะบริษัทคิวปิดเหล่านี้ถ้าต้องการแผลงศรรักก็ต้องปรับตัวตามไปด้วย Hesam Hosseini ซึ่งเป็น CEO ของบริษัท Match Group (มีบริษัทในเครืออย่าง Match, Tinder, Hinge, OkCupid และ Plenty of Fish) กล่าวว่า
“ผมรู้สึกว่าเราได้แก้ไขปัญหาเรื่องปริมาณไปแล้ว ตอนนี้เราจะแก้ไขปัญหาในส่วนของคุณภาพของสมการยังไง? การไปเดทจำนวนมากนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าเรากำลังพยายามมุ่งหน้าไปสู่การหาพาร์ทเนอร์ซะมากกว่า”
นวัตกรรมของแอพพลิเคชั่นรวมถึงการเปิดรับของสังคมต่อการหาคู่แบบออนไลน์นั้นทำให้โอกาสในการเติบโตของแอพพลิชั่นเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่ามันจะตอบโจทย์ในเรื่องของคุณภาพรึเปล่า อันนี้เราอาจจะต้องรอดู เพราะถ้ามี AI ที่ฉลาดและช่วยในการจับคู่ได้ มีเทคโนโลยีอย่าง VR Dating หรือระบบ AR ที่ทำให้เราเห็นคะแนนของผู้คนที่อยู่ข้างหน้าเราว่ามีโอกาสเข้ากันได้มากแค่ไหน โอกาสที่จะทำให้คุณภาพของการหาคู่ออนไลน์ก็เพิ่มขึ้นไปด้วย
Artificial intelligence (AI) ในตอนนี้เริ่มทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น มันปรับเปลี่ยนมุมมองของความรักและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้การหาคู่ออนไลน์ไม่ได้ตัดสินจากสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราหรือแค่คนที่เรารู้จักเท่านั้น Michal Kosinski นักจิตวิทยาคอมพิวเตอร์และผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัย Stanford Graduate School of Business กล่าวว่า
“อัลกอริทึมนั้นสามารถที่จะรู้เกี่ยวกับบุคคลหนึ่งมากกว่าเพื่อนของเขา ครอบครัว แม้กระทั่งตัวเขาเอง และนั้นคือการปฎิวัติการหาคู่เลยทีเดียว อัลกอริทึมสามารถที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนหลายพันล้านคน ซึ่งแตกต่างกับมนุษย์คนหนึ่งที่เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองและคนกลุ่มเล็กๆ รอบๆ ตัว”
แต่อย่างที่เรารู้กันก็คือว่า AI จะฉลาดได้มากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไปเพื่อสอนมัน เพราะฉะนั้นบริการออนไลน์ต่างๆ นั้นจะทำให้ประสบการณ์ของลูกค้าดีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อใช้ข้อมูลที่มีอยู่ให้มีประโยชน์มากที่สุด คัดกรองคนที่ไม่ใช่ออกไปให้เร็วและเหลือไว้แต่เฉพาะคนที่เป็น matching ที่น่าสนใจเท่านั้น
สิ่งหนึ่งที่ AI ทำได้ดีก็คือการจับความรู้สึกในการสื่อสาร
อัตราความเร็วในการตอบสนอง และ รายละเอียดความยาวของโปรไฟล์ผู้ใช้งาน
วันนี้เราสามารถแยกบริษัทออนไลน์ออกได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ – หนึ่งคือกลุ่มอย่าง eHarmony, Match.com และ OkCupid ที่ให้ผู้ใช้งานทุกคนนั้นต้องตอบคำถามเกี่ยวกับบุคลิกลักษณะจำนวนมากและเขียนความเรียงเกี่ยวกับตัวเอง โดยหลังจากนั้นพวกเขาก็จับคู่สมาชิกจากความเข้ากันได้ของรายละเอียดที่ใส่เข้ามา ซึ่งโปรไฟล์เหล่านี้เต็มไปด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาล แต่ว่ามันก็มีข้อเสียคือคนที่ใส่ข้อมูลนั้นจะสามารถพูดอะไรก็ได้และอาจจะเป็นมุมมองที่ไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมดซะทีเดียว และนั้นก็เป็นที่มาของ TED Talk ของ Amy Webb ที่หลอกระบบโดยปรับแต่งโปรไฟล์ของเธอเพื่อให้เจอผู้ชายที่เธอต้องการ
อีกด้านหนึ่งคือบริษัทอย่าง Tinder, Bumble และ Hinge ที่ไม่มีการตอบแบบสอบถามหรือเขียนความเรียงเกี่ยวกับตัวเอง แต่ว่าผู้ใช้งานจะต้องเชื่อมบัญชีโซเชียลมีเดียเข้ากับบริการ พวกเขาจะดึงข้อมูลอย่างเพลง Spotify ที่ฟัง เพื่อนบน Facebook เป็นใคร ประวัติการกดไลค์และรูปภาพต่างๆ บน Instagram ฯลฯ เข้ามาเพื่อประมวลผล
AI นั้นมีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ จากเมื่อก่อนแอพพลิเคชั่นสำหรับการหาคู่ออนไลน์ไม่ใช่ระบบ matching ซะทีเดียวเพราะสิ่งที่พวกเขาทำด้านหลังก็คือการโชว์ทุกทางเลือกที่ผ่าน filters ที่ลูกค้าเลือกแล้วเราก็ต้องเลื่อนดูโปรไฟล์ของแต่ละคน
แต่ตอนนี้ด้วย AI และ Machine Learning ที่เป็นอัลกอริทึมสำหรับแอพพลิเคชั่นหาคู่ออนไลน์ ระบบ matching นั้นเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายขั้น บริการต่างๆ ล้วนใช้ AI ที่มีความซับซ้อนอยู่เบื้องหลัง เทคโนโลยีจะเอาพฤติกรรมต่างๆของลูกค้าและความชอบ/ไม่ชอบ ความจริงใจในการสนทนากับคนอื่นๆ โดยการกรองเอา mismatch หรือคนที่ไม่ตรงเป้าหมายออกไปก่อนเพื่อที่จะให้ประหยัดเวลาสำหรับผู้ใช้งานในการค้นหา ‘คนที่ใช่’ ก่อนจะนัดเจอตัวกันจริงๆ ต่อไป ซึ่งข้อมูลทุกอย่างที่เก็บมานั้นล้วนจำเป็นต่อการ matching ของ AI หลังบ้านทั้งนั้น
ซึ่งจากข้อมูลที่มีอยู่ตอนนี้ก็บ่งบอกว่ามันทำงานได้เป็นอย่างดี กว่า 66% ของคนที่สร้างโปรไฟล์สำหรับหาคู่ออนไลน์ไปเดทกับคนที่พวกเขาเจอผ่านบริการผู้ใช้งานกว่า 400 ราย ของ eHarmony แต่งงานทุกวัน และจำนวนเด็กที่เกิดจากคู่รักจาก Match.com ก็มีมากถึง 1 ล้านคนเข้าไปแล้ว
AI นอกจากจะเป็นคิวปิดเลือกคู่ให้ทุกคนแล้ว อีกหน้าที่หนึ่งที่ต้องทำก็คือการตรวจสอบบัญชีปลอม (Fraud Detection) เพราะบริษัทเหล่านี้ล้วนต้องการให้ลูกค้ามีประสบการณ์การใช้งานที่ดี เพราะความรู้สึกเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าลูกค้ารู้สึกดีและปลอดภัย พวกเขาก็มีโอกาสในการใช้งานและบอกต่อให้กับคนอื่นๆ ฟังด้วย ซึ่ง AI จะดูว่าโปรไฟล์ไหนที่มีแพทเทิร์นคล้ายกัน ก็จะปักธงเอาไว้ว่าเป็นบัญชีที่น่าสงสัยและจะทำการรายงานทันที บัญชีปลอมไม่ใช่เรื่องใหม่ของการหาคู่ออนไลน์ โปรไฟล์ปลอมนั้นเต็มไปหมดบนในนี้ การมี AI คอยตรวจสอบระบบนั้นจะช่วยทำให้ประสบการณ์การใช้งานไหลลื่นมากขึ้นและลดความเสี่ยงในเรื่องการถูกหลอกด้วย
ในอีกมุมหนึ่งของการตรวจสอบหาบัญชีปลอม ผู้ใช้งานคนไหนที่มีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ เมื่อก่อนจะมีมนุษย์ที่เป็นแอดมินหรือ moderator ที่คอยตรวจสอบพฤติกรรมเหล่านี้ เพียงแต่ว่าเมื่อจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น การตรวจสอบก็ใช้ระยะเวลานานขึ้นและบางครั้งก็หลุดรอดสายตาไปด้วย AI จึงสามารถเข้ามาช่วยรายงานบัญชีที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อาจจะมีคำพูดหรืออะไรก็ตามที่ไปกระทบกระทั่งคนอื่นๆ และมนุษย์ก็เข้ามาช่วยประสานงานต่อได้ทันที
อนาคตยังมีนวัตกรรมอะไรที่น่าสนใจรออยู่มากสำหรับการหาคู่ออนไลน์ ทั้ง DNA Matching ที่เราต้องส่ง DNA ของเราไปให้บริษัทเพื่อทำการวิเคราะห์หาคู่รักของเรา (เริ่มเป็นเทรนด์ที่คนให้ความสนใจ) หรือ In-App Videos ที่ให้ลูกค้าส่งวีดีโอคลิปสั้นๆ หากันได้ หรืออีกแอพพลิเคชั่นหนึ่งชื่อ AIMM ที่เรียกตัวเองว่า Artificial Match Makingทอย่างชัดเจน โดยการทำงานของ AIMM เหมือนกับ personal assistant (อย่าง Siri หรือ Alexa) ที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเราหลังจากที่เราสมัครใช้งานเรียบร้อย แอพพลิเคชั่นจะถามคำถามและฟังสิ่งที่เราตอบ หลังจากนั้นก็จะเริ่มแนะนำอีกฝั่งหนึ่งทีละคน เราสามารถดูได้ว่าคนที่ระบบเลือกมานั้นตรงตามที่เราสนใจรึเปล่า มันเป็นวิธีที่น่าสนใจก็เพราะว่าเราไม่ต้องมานั่งดูโปรไฟล์ของคนที่ระบบเลือกมาทีละหลายๆ คน แถมไม่ต้องห่วงเรื่องบัญชีปลอม เพราะคนที่ใช้งานส่วนใหญ่ก็ได้รับประสบการณ์ที่ดีเช่นกัน
สุดท้ายแล้วนี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น โลกกำลังหมุนไปข้างหน้า ความรักก็เช่นเดียวกัน มันไม่ใช่เรื่องที่ดีหรือไม่ดี เพียงแต่นี่คือวิถีของชีวิตคนในสังคมเมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมเยอะขึ้น แน่นอนว่าการหาคู่ออนไลน์นั้นจะไม่หายไปไหน และมันน่าจะมีส่วนร่วมกับชีวิตคนมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
อ้างอิงข้อมูลจาก
AI for Dating Apps: How Machines help People find Love
4 Ways Artificial Intelligence empowered Dating Apps
Aziz Ansari: Love, Online Dating, Modern Romance and The Internet