ประเด็นข้อพิพาทดินแดนไทย-กัมพูชา ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง และคงจะอยู่บนหน้าสื่ออีกพักใหญ่ หลังจากวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรี ปล่อยคลิปเสียงการเจรจาเรื่องพรมแดนระหว่างเขา กับนายกรัฐมยนตรีไทย แพทองธาร ชินวัตร จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำประเทศ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ ‘ฮุน เซน’ กลายเป็นบุคคลที่ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งในหน้าสื่อไทยตอนนี้ The MATTER จึงอยากพาทุกคนไปรู้จักผู้นำคนนี้ และ ‘การเมืองแบบฮุน เซน’ ชายที่ถูกขนานนามว่า อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรียาวนานที่สุดในโลก
การก้าวขึ้นสู่อำนาจของ ‘ฮุน เซน’
70 ปีของการเมืองในระบบรัฐสภากัมพูชาเป็นไปอย่างไม่ราบรื่น เพราะเปลี่ยนแปลงระบบ และโครงสร้างการเมืองหลายครั้ง จากปัญหาและอุปสรรคทั้งในและนอกรัฐสภามากมาย จนกระทั่งนานาชาติได้เข้าไปจัดระบบการเมืองรัฐสภาให้กับกัมพูชาเมื่อปี 1993 จนกัมพูชากลายเป็นอย่างกัมพูชาเหมือนกับปัจจุบัน
ฮุน เซน เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังมีส่วนร่วมโค่นล้มเขมรแดงในปี 1978 ต่อมาในปี 1984 ฮุน เซน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมกับดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีการต่างประเทศ เขาเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเจรจาต่อรอง กับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลต่างประเทศและสหประชาชาติ เพื่อเริ่มต้นกระบวนการยุติความขัดแย้งและเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย
จนกระทั่งนำไปสู่การยกเลิกรัฐธรรมนูญ 1993 (ที่จัดทำภายใต้การครอบงำของเวียดนาม) และประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 1993 โดยเปลี่ยนชื่อประเทศจาก ‘สาธารณะรัฐประชาชนกัมพูชา และจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกของกัมพูชา
พรรคประชาชนกัมพูชา (CCP) ของ ฮุน เซน ผู้ชนะเลือกตั้ง สามารถครองอำนาจอำนาจ และมีอิทธิพลการเมืองอย่างโดดเด่นมาโดยตลอด จากการเป็นรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ส่งผลให้ ฮุน เซน กลายเป็นผู้นำกัมพูชาที่ปกครองประเทศ ในตำแหน่งนายกฯ ยาวนานเป็นอันดับต้นๆ ของโลกและเอเชีย
การเมืองอยู่ในรูปแบบการครองอำนาจตลอดกาล
รองศาสตราจารย์ ดร.พิทยา สุวคันธ์ อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ว่า การเมืองการปกครองของกัมพูชา ถือว่าคล้ายคลึงกับประเทศไทย คือปกครองด้วยระบบพญาไตย (ระบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ) ซึ่ง ฮุน เซน เป็นผู้นำมาอย่างยาวนานเกือบ 40 ปี
“ลักษณะการเมืองของ ฮุน เซน คือการปกครองอำนาจแบบตลอดกาล เป็นการส่งต่ออำนาจไปยังลูกหลาน พูดง่ายๆ คือการสร้างภาพลักษณ์จากรุ่นต่อรุ่น จากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นสอง”
เขากล่าว เมื่อเข้าสู่ยุคที่ ฮุน มาเนต ลูกชายของ ฮุน เซน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2023 ก็แสดงให้เห็นถึงลักษณะในการสืบทอดอำนาจไปสู่ผู้นำอีกรุ่นหนึ่ง แต่การส่งผ่านแต่ละรุ่น ต้องมีการประคับประคองจากผู้ใหญ่ ทั้งจากพ่อของเขาเองและเครือข่ายของระบบ ฮุน เซน
แต่หากพูด ฮุน เซน อย่างน้อยที่สุด เขาผ่านประสบการณ์หลายๆ เรื่องมา ไม่ว่าจะผ่านยุคอันเลวร้าย อย่างยุคเขมรแดง ยุคของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ยุคของการรวมประเทศอีกครั้งหนึ่ง และการที่สหประชาชาติเข้ามาจัดการในการเลือกตั้ง ตรงนั้นก็ถือว่า ฮุน เซน ได้เรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ มากมายในอดีตที่ผ่านมา จนรู้แนวทางที่จะพัฒนาประเทศต่อไป
“เขายังคงพยายามยึดหลักในตัวของระบบพญาไตย ที่จะต้องรวมศูนย์อยู่ที่เขาเพียงคนเดียว แต่แค่มีฐานระบบรัฐสภาเช่นนั้นเอง ใช้กลไกของพรรคการเมืองเข้ามาบริหารบ้านเมือง ซึ่งเขาก็มีแนวทางในการจัดการ นั้นก็คือการกำจัดศัตรูทางการเมือง ด้วยการตัดสิทธิทางการเมืองกับฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ ทำให้ฝ่ายเหล่านี้หลายคนต่างต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ
“ถ้าถามว่าแล้วกระบวนการเลือกตั้งในกัมพูชาเป็นอย่างไร สำหรับผมแล้วมันคือโอกาสที่ ฮุน เซน จะเข้ามาบริหารบ้านเมืองนั้นมีอย่างเต็มที่ เพราะปราศจากคู่แข่ง เนื่องจากจัดการไปเรียบร้อยแล้ว”
อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ พูดเสริมว่า ส่วนเรื่องการจัดวางระบบการเมืองเครือญาติ เราจะเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นในตัวของผู้นำ นายกฯ ฝ่ายทหาร หรือรัฐมนตรี เครือญาติต่างๆ ต่างเข้ามาบริหารบ้านเมืองมากยิ่งขึ้น ซึ่งเครือญาติไม่จำเป็นต้องเป็นลูกอย่างเดียว อาจเป็นหลาน พร้อมกันนั้นฝ่ายไหนที่สนับสนุน ฮุน เซน เขาก็จะให้เข้ามามีบทบาทนำ ซัพพอร์ตกลับด้วยการให้ตำแหน่งต่างๆ ให้สิทธิพิเศษบางอย่างในการบริหารบ้านเมือง
ชาตินิยมและประชานิยมแบบฮุน เซน
อ.พิทยา ระบุว่า นโยบายประชานิยมของ ฮุน เซน จะเน้นในเรื่องการสร้างประเทศ การปกป้องประเทศ การพัฒนาประเทศมากกว่า เพราะไม่มีคู่แข่งทางการเมือง ดังนั้น เขามักจะโน้มน้าวทุกคนในเรื่องของการสร้างประเทศ การปกป้องประเทศ อาณาเขต ดินแดน เหมือนเป็นเครื่องมือเวลามีปัญหาต่างๆ ขึ้นมา ให้ทุกคนร่วมมือในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ร่วมกัน
แต่ 10 ปีที่ผ่านมา รวมถึงยุคการแพร่ระบาด COVID-19 ฮุน เซน พยายามผลักดันเรื่องผลประโยชน์ของประชาชนมากขึ้น เพิ่มค่าแรงอะไรต่างๆ เพราะเศรษฐกิจย่ำแย่ลง เกิดการถอนการลงทุนจากจีนในเขตสีหนุวิลล์ ส่งผลกระทบให้ธุรกิจหยุดชะงัก โครงการกาสิโนก็หยุดไป
ฉะนั้น นโยบายประชานิยมที่เพิ่มเข้ามา จะเป็นเรื่องผลประโยชน์ของเศรษฐกิจ ที่จะเน้นการลงทุนจากต่างชาติ ในช่วงแรกๆ อาจมีไทยบ้าง หลังจากนั้นก็เป็นญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และในช่วงนี้จะเป็นจีนที่เข้ามาลงทุนในภาคของอุตสาหกรรม เพื่อให้คนกัมพูชามีอาชีพ มีรายได้
ส่วนประเด็นข้อพิพาทดินแดนไทย-กัมพูชา มีการตั้งข้อสังเกตว่ากัมพูชายกเรื่องนี้ขึ้นมา เนื่องจากต้องการปกปิดปัญหาการเมืองภายใน
อ.พิทยา มองว่า อาจเป็นไปได้ เนื่องจากกัมพูชาเคยทำเช่นนี้กับเวียดนาม ที่พยายามจะทวงดินแดนฝั่งเวียดนาม ทว่าพาวเวอร์ของกัมพูชาไม่พอ หากเทียบกับศักยภาพของเวียดนามในเรื่องการทหาร ทำให้กัมพูชาถูกโต้กลับ และเมื่อปีที่แล้ว กัมพูชาก็เหมือนมีปัญหากับฝั่งลาว แต่ทางการลาวก็ตอบโต้กลับ
“วิธีคิดของลาวกับเวียดนามใกล้เคียงกัน คือแบบสังคมคอมมิวนิสต์ พูดง่ายๆ ก็คือจะไม่พูดอะไรมาก แต่ถ้าล้ำเข้ามา ก็ต้องจัดการ หากเทียบกับกรณีของไทย เราดูค่อนข้างออมชอมมากกว่า”
เขาเสริมถึงสภาวะการเมืองและสังคมของกัมพูชาในขณะนี้ว่า ปัจจุบันคนกัมพูชาตกงานจำนวนมาก ประมาณ 3-4 แสนคน ขาดรายได้ เพราะก่อนหน้านี้เกิดการเคลื่อนย้ายของกาสิโนออนไลน์ สแกมเมอร์ ที่มูฟไปสามเหลี่ยมทองคำ ชเว โก๊กโก่ แม่สอด เมียวดี เพราะกัมพูชามีการออกกฎหมายปราบปรามพนันออนไลน์ ทำให้กัมพูชาก็ขาดรายได้ส่วนนี้ไป

Photo by Sai Aung MAIN / AFP
ทว่าเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ ประเทศไทยมีนโยบายปราบปรามสแกมเมอร์ ด้วยการตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดเน็ต ที่เมียวดี ทำให้ธุรกิจเหล่านี้ก็เริ่มกลับไปที่กัมพูชาอีกครั้ง โดยเฉพาะกาสิโนที่มีการเปลี่ยนโฉม คือ คนไม่จำเป็นต้องเดินทางไปเล่นที่บ่อน แต่กลับกลายเป็นสแกมเมอร์ เป็นออนไลน์แทนแล้ว
“ถ้าถามว่าตระกูลฮุนรับรู้ถึงการมีอยู่ของธุรกิจสีเทา หรือได้รับผลประโยชน์หรือเปล่า ผมขอพูดเบื้องต้นก่อนว่า การพัฒนาในเขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ มีการลงทุน มีการผลิตอุตสาหกรรม 200-300 โรงงาน ล้วนเป็นนักลงทุนจีนที่เข้ามา”
“สิ่งก่อสร้างต่างๆ ก็เกิดขึ้นตามมากมาย กาสิโนเติบโตเป็นอย่างมาก เป็นร้อยกว่าแห่ง”
ทั้งนี้ สีหนุวิลล์ ถือเป็นต้นแบบของการพัฒนาเป็นศูนย์อาชญากรรมออนไลน์ ในลุ่มแม่น้ำโขง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีกาสิโนมากกว่า 100 แห่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับนักพนันต่างชาติและพนันออนไลน์เท่านั้น เพราะการเล่นการพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมายสำหรับคนกัมพูชา ซึ่งกว่า 10 ปีที่ผ่านมา กลุ่มอาชญากรชาวจีนได้ใช้พื้นที่สีหนุวิลล์เป็นสถานที่ก่ออาชญากรรมออนไลน์ คิดเป็นความเสียหายกว่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นักวิชาการคนนี้ สรุปว่า ดังนั้นรัฐบาลและเครือข่ายฮุนเซนรับรู้ ถึงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ แต่จะได้รับผลประโยชน์มากน้อยแค่ไหน มีเอี่ยวมากน้อยขนาดไหน ผมว่าอาจไม่โดยตรง แต่โดยอ้อมก็อาจจะมี อาจเป็นผลประโยชน์ค่อนข้างมากด้วย เพราะอุตสาหกรรมการผลิตในกัมพูชา สินค้าต่างๆ ที่ส่งออก มูลค่าไม่ได้สูงมากนัก ส่วนมากก็ส่งไปยังไทย ส่วนใหญ่ก็เป็นสินค้าเกษตร ข้าวโพด มันสำปะหลัง และสินค้าประมงบ้างเล็กน้อย
สำนักข่าวฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า เศรษฐกิจกัมพูชาคาดการณ์เติบโต 5.6 เปอร์เซ็นต์ในปี 2024 แต่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจยังคงรุนแรง โดยประชากร 70 เปอร์เซ็นต์ ของประเทศมีกำลังซื้อต่ำ ขณะที่กลุ่มรายได้สูงเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ มีการบริโภคที่ไม่กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
นอกจากนี้ นักลงทุนจีนยังคงมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจกัมพูชา โดยเฉพาะในภาคโครงสร้างพื้นฐาน การเกษตร และพลังงาน อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาเงินทุนและการส่งออกจากจีนมากเกินไป ทำให้เศรษฐกิจขาดความหลากหลาย และเสี่ยงต่อผลกระทบจากปัจจัยภายนอก หากไม่มีการกระจายความเสี่ยง และพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศให้หลากหลายขึ้น
หน้าตาการเมืองกัมพูชาหลังจากนี้
ข้อมูลจาก การเมืองในระบบรัฐสภาของราชอาณาจักรกัมพูชา ระบุว่า จากการวิเคราะห์บริบทด้านหลักการของประชาธิปไตย กับพัฒนาการทางการเมืองกัมพูชา โดยผ่านกระบวนการเลือกตั้งและการมีส่วนร่วมทางการเมือง พบว่าในส่วนของกระบวนการเมือง และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของกัมพูชามักจะจำกัดการมีส่วนร่วมทางการเมือง และการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเฉพาะกลุ่มชนชั้นนำของประเทศเท่านั้น
ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศกัมพูชาประกอบอาชีพ เกษตรกร มีฐานะยากจน ด้อยโอกาสทางการศึกษา ถูกปกครองด้วยชนชั้นนำมาโดยตลอด มีความเชื่อ ความศรัทธา และความเคารพยำเกรงผู้มีอำนาจของผู้ปกครองมาอย่างยาวนาน ที่สำคัญไม่รู้จักคำว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงคืออะไร
ดังนั้น การแสดงออกซึ่งการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนกัมพูชา จึงไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง และจากผลการศึกษา ยังพบอีกว่า ปัจจัยด้านภาวะผู้นำและอำนาจบารมีของ ฮุน เซน มีลักษณะอำนาจนิยมความเจนจัดในเวทีการเมืองทั้งในและต่างประเทศ มีผลงานมากมายจนเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้นำอาวุโสของกัมพูชา สามารถสร้างเครือข่ายบริวารและสร้างบารมีให้กับตนเอง แม้จะไม่มีบุคลิกลักษณะของผู้นำในแบบประชาธิปไตย แต่ก็สามารถที่จะปรับรูปแบบของการเข้าสู่อำนาจ ในความเป็นผู้นำลักษณะอำนาจนิยม
อ.พิทยา กล่าวว่า ถ้าถามว่าเครือข่าย ฮุน เซน หนาแน่นหรือเปล่า สำหรับมุมมองเขาแล้ว ฮุน เซน สามารถจัดระบบการเมืองเครือญาติ ได้อย่างค่อนข้างเหนียวแน่นพอสมควร
“ฉะนั้นถ้าจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรในกัมพูชา คิดว่าจะต้องเกิดมาจากคนในกัมพูชามากกว่า เกิดจากคนรุ่นใหม่ๆ พวกเขายังต้องการผู้นำตระกูลฮุนมากน้อยแค่ไหน”
เนื่องจากการพัฒนาของกัมพูชาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จะเน้นเรื่องการลงทุนที่เป็นอุตสาหกรรม แต่ช่วงหลังจะเป็นการพัฒนาของทุนที่ค่อนข้างเทา ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดปัญหาขึ้นภายในประเทศได้ในท้ายที่สุด และถามว่า ฮุน มาเนต จะสามารถครองอำนาจอย่างยาวนาน เหมือนกับ ฮุน เซน หรือไม่ ส่วนนี้ไม่มั่นใจ
“เพราะผมไม่รู้ว่ามันเป็นข้อผิดพลาดมากน้อยขนาดไหน ที่กัมพูชาดำเนินนโยบายโดยให้ทุนที่เป็นกาสิโนเข้ามา สู่ประเทศมากจนเกินขีดจำกัดที่รัฐบาล ฮุน เซน สามารถจัดการและควบคุมได้ บางพื้นที่ เช่น สีหนุวิลล์ คนกัมพูชากลับกลายเป็นคนชั้นล่าง เสมือนว่าไม่ได้เป็นเจ้าของประเทศ ขับมอเตอร์ไซค์ขายของ เดินแบกของขาย ทุนจีนกำลังครอบงำกัมพูชา”
เขาเสริมต่อ ไม่เพียงเท่านี้ ทุนจีนกลายเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของกัมพูชาอีกด้วย กัมพูชาจะทำอะไรก็ต้องพึ่งพาจีน แต่ก่อนกัมพูชาจะพึ่งพาสินค้าอุปโภคบริโภคจากประเทศไทย พอช่วงหลังก็กลายมาเป็นหนี้จีนอย่างมหาศาล
“มอเตอร์เวย์จากสีหนุวิลล์ไปพนมเปญ สร้างสนามบินสีหนุวิลล์ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ต่างเป็นทุนจีนทั้งนั้น ก็เกิดคำถามตามมาว่าแล้วเมื่อไรกัมพูชาถึงจะชดใช้หมด”
ดังนั้น ในปัจจุบันกัมพูชาต้องรับฝั่งจีนมากขึ้น และแม้ว่าผู้นำกัมพูชาจะสร้างกระแสเรื่องชาตินิยม ด้วยวาทกรรมสงคราม การต่อต้านผู้รุกราน ข้อพิพาทดินแดน แต่ก็ต้องจัดการปัญหาภายในมากยิ่งขึ้นไปพร้อมกันด้วย เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังจับตาอยู่ว่านโยบายของ ฮุน มาเนต จะมีเสถียรภาพมากน้อยแค่ไหน ถ้าเศรษฐกิจมีปัญหา มันก็ส่งผลกระทบต่อการเมือง และต่ออำนาจของตระกูลฮุนด้วยเช่นกัน
อ้างอิงจาก
พิทยา สุวคันธ์. (2024). การหลอกลวงออนไลน์ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง: สภาพปัญหาและแนวทางแก้ไข
นิรันดร์ คิดบรรจง, สุรพล ราชภัณฑารักษ์, สมบูรณ์ สุขสำราญ และธนาสฤษฎิ์ สตะเวทิน. (2020). การเมืองในระบบรัฐสภาของราชอาณาจักรกัมพูชา