กระแส Indoor Plant ในประเทศไทยเจริญเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และขึ้นไปแตะถึงจุดสูงสุดในช่วงที่ทุกคนกักตัวเวิร์คฟอร์มโฮมเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เหตุเกิดจากบรรดาคนดังและอินฟลูเอนเซอร์มากหน้าหลายตาที่นำเสนอแง่มุมของต้นไม้ออกมาอย่างน่าสนใจ พายอดขายต้นไม้ออนไลน์พุ่งทะยานในช่วงเวลาดังกล่าว
ในวาระที่การปลูกต้นไม้กระเถิบตัวมาเป็นกระแสหลัก และหลายคนดูแลต้นไม้ราวกับสัตว์เลี้ยงชนิดหนึ่ง เราขอพาไปสำรวจกระแสที่เกิดขึ้นกับ ภาวิน กฤษณะการะเกตุ ทายาทรุ่นที่ 3 ของ Karaket Garden ร้านต้นไม้อายุกว่า 50 ปี เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1969 ที่ผ่านมาตั้งแต่ยุคที่อากง อาม่า เดินเข้ามาซื้อต้นเฟื่องฟ้าที่ร้าน ไปจนถึงยุคแห่งการลงขายมอนเสตอร่าต้นละหมื่น ผ่านอินสตาแกรม
จะทำอย่างไรให้เลี้ยงต้นไม้ได้ตลอดรอดฝั่ง ต้นไม้ยอดนิยมของสมัยนี้คืออะไร และต้นไหนเหมาะกับห้องแบบไหนกันนะ?
PLANT IS A NEW PET
ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนต้นไม้เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองมาโดยตลอด ย้อนกลับไปสมัยที่สุขุมวิทยังไม่มีรถไฟฟ้า ในปี ค.ศ.1969 การะเกด การ์เด้น เปิดสาขาแรกที่ถนนเอกมัย ภาวิน เล่าว่า อากง อาม่า ผู้บุกเบิกจากการประชอบอาชีพจัดสวนเป็นทุนเดิม และมองเห็นลู่ทางในการเปิดร้านขายต้นไม้เพิ่มขึ้นมา
“เราเปิดกันมานาน 50 ปีแล้ว ตอนแรกอยู่ที่บิ๊กซีตรงเอกมัย ก่อนจะย้ายมาที่นี่ (อ่อนนุช ซอย 23/2) เรื่องเทรนด์ตอนนั้นคงไม่ได้คิดถึงเท่าไหร่ จะเน้นไปที่การบริการมากกว่า ถามว่าได้รับความนิยมหรือเปล่าก็มีคนสนใจมาตลอด โดยเฉพาะช่วงกักตัว คนอยู่บ้านอาจจะเบื่อๆ ก็มีซื้อต้นไม้มาแต่งเยอะขึ้นเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงแบบใหม่ที่เรากำลังพูดถึงกัน ในส่วนของออนไลน์ก็ขายดีขึ้น การปลูกต้นไม้ก็เป็นเทรนด์มากขึ้นในตอนนี้”
ภาวิน บอกว่าวงการต้นไม้ไม่เคยเงียบเหงา แต่ช่วงนี้ที่คึกคักเป็นพิเศษเพราะเหล่าคนดัง และอินฟลูเอนเซอร์หลายคนให้ความสนใจ ตนเองในฐานะที่อยู่ในวงการต้นไม้มานานก็รู้สึกยินดีมาก
ซึ่งระยะหลังเราก็จะได้เห็นหลายคนที่เข้าวงการแล้วออกยาก เลี้ยงดูต้นไม้ระดับที่เรียกว่าเป็นดั่งลูก เป็นสัตว์เลี้ยงเลยทีเดียว
เทรนด์เปลี่ยนแปลง ต้นไม้เปลี่ยนไป
หากคุณต้องการหาต้นไม้สักสองสามต้นมาเพิ่มเติมสีสันให้กับคอนโดมิเนียม แล้วเข้าไปเลือกดูที่ karaketgarden.com รูปแบบเว็บไซต์ ภาพประกอบ และฟอนต์ที่ใช้ อาจจะทำให้คิดไม่ถึงว่าต้นไม้ที่กำลังไล่ดูอยู่ มาจากร้านที่เปิดมาเกินครึ่งศตวรรษเข้าไปแล้ว ซึ่งเจ้าของร้านรุ่นที่ 3 บอกว่า เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่อยากนำเทคโนโลยีของสมัยนี้เข้ามาช่วยธุรกิจที่บ้าน
“ด้วยเวลาที่ผ่านมานาน เราอยากให้ดูเป็นแบรนด์ที่เก่าแก่ แต่ก็ยังมีความทันสมัย ให้คนเข้าถึงง่าย เราอยู่ในออนไลน์มา 7 ปี ช่วงหลังโพสต์ภาพเยอะขึ้นในช่องทางต่างๆ ทำให้มีกระแสตอบรับตามมา มีลูกค้าเก่าตามมาหลายคน และลูกค้าใหม่ก็เข้ามาเยอะ
การขายออนไลน์เป็นดินแดนที่เปิดกว้างให้กับผู้เล่นหน้าใหม่เสมอ และต้นไม้ก็เป็นอีกตลาดหนึ่งซึ่งมีราคาผันผวนตามความนิยมและกระแสในแต่ละช่วง ซึ่ง ภาวิน ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ความนิยมที่มากขึ้นทำให้ราคาต้นไม้ถีบตัวสูงตามไปด้วย แต่อีกไม่นานคงกลับมาอยู่ในภาวะปกติ
ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง และรสนิยมที่เปลี่ยนไป ก็มีผลต่อการจัดอันดับต้นไม้ขายดีเช่นกัน ภาวิน ยกตัวอย่างให้ฟังว่าสมัยก่อนผู้คนจะนิยมซื้อไม้ผล ไม้แดด หรือไม้มงคล เพราะมักจะอาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวและมีขนาดพื้นที่เหมาะสม พอความนิยมเปลี่ยนมาเป็นคอนโดมิเนียม ก็ทำให้ไม้ในร่มที่ไม่ได้ต้องการแดดหรือความดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ มียอดขายกระเตื้องขึ้นมาอยู่แถวหน้า
“สมัยก่อนก็จะมีตัวเลือกที่อากง อาม่าคัดสรรมาตั้งแต่แรก ไล่ตั้งแต่พวกกล้วยไม้ ไผ่กวนอิม วาสนา กวักมรกต หรือเฟื่องฟ้า ที่ไทยเราเอามาตั้งชื่อให้เป็นมงคล แต่กลับกันถ้าลูกค้าคนรุ่นใหม่ จะปลูกมะม่วงไว้กินมันยากไงครับ ก็เลยหันมาเอาข้อดีอื่นๆ ของต้นไม้อย่างการฟอกอากาศ ที่ใช้ได้ทันทีไม่ต้องรอนาน พอเจอกับสภาวะอากาศอย่าง PM 2.5 เขาก็สนใจกันมากขึ้น แต่มีกวักมรกต กับวาสนานี่แหละ นี่ได้รับความนิยมต่อเนื่อง เพราะชื่อดีเป็นมงคล เลี้ยงง่ายดูแลง่าย อยู่ในใจมาตลอด”
ต้นไม้ฟอกอากาศ 101
นอกจากตกแต่งห้องพักให้ดูมีชีวิตชีวา การฟอกอากาศก็เป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งที่หลายคนให้ความสนใจ โดยเฉพาะในช่วงกักตัวโควิด ซึ่งตอบโจทย์ทั้งการแต่งบ้านและสุขภาพ
ต้นไม้ที่สามารถฟอกอากาศได้ดีก็มีอยู่ด้วยกันหลากหลายเช่น จั๋ง เศรษฐีเรือนใน วาสนา หรือมอนสเตอร่า และอีกมากมาย ก็สามารถเลือกได้ตามความชื่นชอบ
“เราจะถามลูกค้าก่อนว่าสถานที่ที่จะตั้งต้นไม้ไว้เป็นแบบไหน และแนะนำสายพันธุ์ที่เหมาะสมไปให้ เช่นถ้าอยากได้ต้นไม้ไปวางไว้ในห้องนอน ก็ควรจะเลือกต้นที่ปล่อยออกซิเจนในตอนกลางคืนอย่างหมากเหลือง หรือแม้กระทั่งเรื่องทิศทางของแสงว่าเข้ามาโดนต้นไม้มากแค่ไหนก็สำคัญเหมือนกัน”
เพราะการเลี้ยงต้นไม้ให้อยู่ไปได้ตลอดรอดฝั่งอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน คำแนะนำขั้นพื้นฐานของ ภาวิน คือ อย่ารดน้ำเยอะเกินไป
“ถ้าเกิดเป็นต้นไม้ในบ้านเราต้องดูเรื่องความชื้นของดิน และแสงเป็นหลัก ผมแนะนำว่ารดน้ำน้อยดีกว่ารดน้ำมากต้นไม้ในบ้านรากจะเน่าง่าย บางคนรักต้นไม้มากเกินไป (หัวเราะ) รดบ่อยเกินไป รากก็จะเน่าหมด ควรรดเฉพาะตอนที่ดินแห้ง แต่ไม่ควรปล่อยให้แห้งสนิท อย่าให้แฉะ อย่าให้จมน้ำ เท่านี้ก็สามารถอยู่ได้ไม่มีปัญหา”
อีกคำแนะนำหนึ่งที่ทำตามได้ง่ายๆ คือ การนำกากมะพร้าวมาคลุมหน้าดิน เพราะสามารถช่วยเก็บความชื้นได้เป็นอย่างดี
“เรามีลูกค้าเยอะมากเลยที่บอกว่าซื้อต้นไม้ไปแล้วเหมือนได้สุนัขตัวใหม่มาเลย เพราะเราต้องดูแลมันยิ่งกว่าสุนัขเสียอีก”
ต้นไม้ is a new Energy
อัตราเฉลี่ยของพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานครเทียบกับประชากรแล้วมีเพียง 6 ตรม./คน ซึ่งตำ่กว่าค่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่าเมืองใหญ่ ควรมีพื้นที่สีเขียวมากกว่า 9 ตรม./คน ซึ่งอัตราพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากรของกรุงเทพฯ ล้วนตามหลังเมืองใหญ่ของโลกอย่าง โซล นิวยอร์ก หรือประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ทั้งสิ้น ในฐานะที่จบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และชื่นชอบเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้าง ภาวิน บอกว่าป่าคอนกรีตของเรา ควรมีสีเขียวมากกว่านี้
“ปัจจุบันในกรุงเทพฯ เราเห็นปูนเยอะมาก ผมเองเรียนสถาปัตยกรรม ก็มีส่วนที่ทำให้กรุงเทพฯ เป็นปูนอย่างทุกวันนี้ ก็เลยคิดว่าเราควรจะใส่ต้นไม้เข้าไปในป่าคอนกรีต ให้มันกลายเป็นป่าจริงๆ ขึ้นมา ต้นไม้เองเค้าอยู่ร่วมกันในระบบนิเวศ ย่อมสวยกว่าอยู่อย่างโดดเดี่ยว เราอยู่กับต้นไม้ก็จะได้พลังงานบวกเข้าไปด้วย
ถือเป็นเรื่องดีที่ทุกคนหันมาให้ความสนใจกับต้นไม้ อยากให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะว่ามันก็ดีต่อสุขภาพ ดีต่อเมือง ดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย”