การล่าแม่มด—พวกเราได้ยินคำนี่กันมาเนิ่นนาน แม้ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาจะทำให้เราเห็นถึงผลกระทบที่น่ากลัว เมื่อผู้บริสุทธิ์ถูกชี้นิ้วให้กลายเป็นคนผิดบาป และทำให้บรรยากาศของความหวาดระแวงด้วยกันเองมีมากขึ้น
แต่พวกเราก็เห็นหลากหลายเหตุการณ์ ที่ทำให้ต้องย้อนกลับมานึกถึงคำๆ นี้กันเสมอ แม้ยุคสมัยของการล่าแม่มดแบบเดิมจะผ่านไปแล้ว หากแต่สังคมในยุคปัจจุบันก็ยังมีเรื่องราวคล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ
หนึ่งในเหตุการณ์ ‘ล่าแม่มด’ ที่ถูกพูดถึงกันมาจนถึงวันนี้ คือการล่าแม่มด และการไต่สวนที่เมืองซาเลม (Salem witch trials) ในรัฐแมสสาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐฯ เมื่อช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1692-1693
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อเดือนมกราคม เด็กสาวสองคนล้มป่วยด้วยอาการที่ไม่มีใครรู้ว่าคืออะไร พวกเธอโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ชัก และร่างกายบิดไปมาด้วยความทรมาน พวกเธอขอความช่วยเหลือจากผู้คนรอบค้าง
ทว่าเพื่อนๆ และหมอ รวมถึงพระสงฆ์ที่เข้ามาอยู่ในเหตุการณ์กลับผงะถอยออกไปด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายสิ่งที่อยู่ตรงหน้าว่าอย่างไรดี แต่ถึงอย่างนั้น เหตุการณ์ก็ลงเอยด้วยการที่บาทหลวงบางส่วนเข้ามาสรุปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นคือการกระทำของแม่มด ขณะเดียวกัน ก็ขอให้เด็กๆ ได้รับความเจ็บป่วยชี้ตัวว่าใครคือแม่มดบ้าง
คนกลุ่มแรกๆ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด มีทั้งขอทานที่เร่ร่อนอยู่ในเมือง ผู้หญิงสูงวัยที่ป่วย รวมถึงทาสผิวสี หลังจากพวกเธอถูกกล่าวหา เจ้าหน้าที่ในเมืองก็เข้าไปจับเข้าคุกเพื่อรอการไต่สวน
หนึ่งในคนที่ถูกจับไปสอบสวนคือ ทิทูบา ทาสชาวผิวสี เธอโดนกดดันหลากหลายวิธี บางหลักฐานขอกว่า ทิทูบา ถึงกับเอ่ยขึ้นมาว่า “ปีศาจได้มาหาฉันและสั่งให้ข้ารับใช้เขา” เรื่องราวของทิทูบา แพร่กระจายตัวรวดเร็วไปอย่างกับไวรัส ชาวเมืองเริ่มตื่นตระหนกและหวาดระแวงว่าจะมีแม่มดอาศัยอยู่ในหมู่บ้านหรือไม่
ส่วนผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายในเมืองเอง ก็เริ่มออกไปเคาะประตูบ้านหลายหลาย เพื่อสอบถามความเห็นว่า มีใครรู้จักหรือ ‘สงสัย’ ว่าใครจะเป็นแม่มดบ้าง
แน่นอนว่า ชาวเมืองกำลังอยู่ในภาวะตื่นกลัวแม่มดจากเรื่องเล่าที่ถูกเสริมเติมแต่งในระหว่างทางมากมาย หลายคนถึงกับให้ชื่อของคนรู้จักไปกับเจ้าหน้าที่ พร้อมกับโยนไอเดียว่าคนเหล่านั้นอาจจะเป็นแม่มดก็ได้ ส่งผลให้มีชาวบ้านหลายคนถูกจับตัวไปสอบสวนและคาดคั้นความจริงอย่างหนักหน่วง
ในเดือนพฤษภาคมปี ค.ศ.1692 ผู้ปกครองเมืองอย่าง วิลเลียม ฟิลิปส์ ก็เข้ามาร่วมวงในปรากฎการณ์นี้ด้วย เขาได้ออกคำสั่งให้ก่อตั้งศาลพิเศษเพื่อพิจารณาคดีเกี่ยวกับการกระทำที่เป็นแม่มด โดยที่ผู้ต้องสงสัยคนแรกที่ถูกนำตัวขึ้นศาลนี้ คือหญิงชราคนหนึ่งชื่อว่า บริดเจ็ท บิชอป
หญิงชราถูกถามว่า เธอได้ประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับแม่มดหรือไม่? เธอตอบว่า “ฉันบริสุทธิ์ไร้มลทินเฉกเช่นเดียวกับเด็กที่ยังไม่เกิด” แต่ถึงอย่างนั้น คดีนี้ก็จบลงด้วยคำพิพากษาให้เธอต้องถูกนำตัวไปประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ
ขณะที่การพิจารณาในคดีอื่นๆ ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่หวาดกลัวและระแวงกันเอง ผู้ต้องสงสัยบางคนเลือกที่จะซักทอดไปยังคนอื่นๆ ว่าเป็นแม่มด เพื่อที่จะมีชีวิตรอด ไม่ต่างจากบรรยากาศในสังคมเมืองซาเลม
ภาพที่ผู้คนซักทอดกันเอง กล่าวหากันเอง โดยมีผู้กุมอำนาจรัฐและผู้มีอำนาจตัดสินความเป็นความตายของคนเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง จนอำนาจรัฐกลายเป็นสิ่งที่ถูกใช้อย่างน่าสะพรึงกลัว
ตามข้อมูลระบุว่า การไต่สวนในเมืองซาเลมในยุคสมัยนั้น มีคนถูกประหารชีวิตด้วยข้อหาเป็นแม่มดหลายสิบคน และมีอีกหลายคนที่เสียชีวิตในระหว่างอยู่ในคุกเพื่อรอการสอบสวน
ประวัติศาสตร์ที่ดำมืดในเมืองซาเลม ยังคงถูกพูดถึงจนทุกวันนี้
พร้อมกับภาพที่น่ากลัวของการที่คนในสังคม ถูกทำให้ต้องหวาดระแวงกันเอง โดยมีผู้คนที่มีอำนาจในบ้านเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
อ้างอิงจาก
https://www.smithsonianmag.com/history/a-brief-history-of-the-salem-witch-trials-175162489/
https://www.newyorker.com/magazine/2015/09/07/the-witches-of-salem
https://ngthai.com/history/2316/salem-witch-hunt/2/