ชีวิตคนเราต้องเลือกเนอะ และการเลือกนี้ก็แสนจะเครียด ต้องคิดแล้วคิดอีก เลือกนายกฯ ยังดี มีเวลาให้เราค่อยๆ คิด ใช้เหตุผล ฟังการดีเบต แสดงวิสัยทัศน์ไปเรื่อยๆ
แต่นอกจากเลือกนายกแล้ว หลายคนอาจจะกำลังตกที่นั่งในการเลือก ‘คนที่ใช่’ อยู่ อันนี้เลือกยากยิ่งกว่าเลือกนายกฯ คนที่เรากำลังเดทๆ อยู่ตอนนี้ คนนี้จะใช่มั้ยนะ? ยิ่งถ้าเดทอยู่หลายๆ คน ในใจยิ่งอึกอักว่าเลือกคนไหนดี การเลือกคนที่ใช่เป็นการเลือกที่แสนจะปั่นป่วนเพราะยุ่งเหยิงไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก บางคนทำเราวูบลงหลุม หน้ามืดตาลายตั้งแต่แรกพบสบตา บางคนอาจจะเฉยๆ ตอนแรก แต่ในความสัมพันธ์ที่นิ่งๆ เจ้าความสัมพันธ์ที่นิ่งๆ นั้นกลับค่อยๆ เติบโตขึ้นตามกาลเวลา
จริงอยู่ว่าเรามีแนวโน้มจะตีความโลกออกเป็นสองข้าง แต่ความรักเป็นเรื่องซับซ้อนและเล่นตลกกับเราอยู่เสมอ สูตรสำเร็จว่า เอ้อ ความสัมพันธ์ที่เริ่มแบบหนึ่งไม่มีการการันตีว่าจะจบลงเป็นแบบที่ใช่เสมอไป
ว่าด้วยความสัมพันธ์—หวือหวา หรือค่อยเป็นค่อยไป
ในโลกของความรัก เรามักเจอคู่เดทที่เข้ามาอยู่สองแบบใหญ่ๆ แบบแรกคือความรักแบบร้อนแรง เป็นคนที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่ในอากาศ เลือดสูบฉีด หน้าแดงทุกครั้งที่เจอ มองๆ ไปอะไรก็ดีไปหมด เป็นคนที่ไลน์มาทีไรทำหัวใจเราเต้นรัว กับอีกเวอร์ชั่นคืออาจจะเป็นความสัมพันธ์ที่นิ่งๆ หน่อย เออ คนนี้ก็โอเคแหละ เป็นคนที่เจอหน้ากันเรื่อยๆ กลายเป็นอีกคนที่เราใช้เวลาด้วยกันไปนานๆ มีเรื่องราวสารพัดมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน
ฟังดูเรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย แต่คู่เดทแบบสองขั้วเป็นสิ่งที่เชื่อว่าหลายคนเคยเจอ และเคยต้องตัดสินใจเลือกใครคนใดคนหนึ่ง เลิฟกูรูมักแนะนำไว้กว้างๆ ว่า เอ้อ ความสัมพันธ์แบบที่ร้อนแรงมากๆ มักจะทำให้เราเจ็บมากกว่าแบบช้าๆ แต่ชัวร์ ข้อสนับสนุนหนึ่งคือเวลาเราเดทคนที่ทำให้เราอยู่ในห้วงรัก เรามักจะไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง—เนอะ นึกภาพถ้าเราอยู่กับหนุ่มในฝัน เราเองก็มักไม่ค่อยเป็นตัวเองเท่าไหร่ บางครั้งการอยู่ในโลกฝันก็บดบังโลกแห่งความจริงไปบ้าง
งานสำรวจคู่รักที่ยืนระยะได้จึงมักได้คำตอบพื้นๆ กลางๆ เช่นว่า คุณสมบัติพื้นฐานของคู่แต่งงานหรือคู่หมั้นในอุดมคติคือคนที่มีลักษณะแบบเรียบๆ เป็นคนที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ อบอุ่นและเข้าอกเข้าใจ ดังนั้นด้วยการคาดคาดคะเน คนรักแบบที่เรียบๆ ค่อยๆ เรียนรู้กันไปเลยดูจะมีเส้นทางการพัฒนา การเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่มั่นคงยั่งยืนได้ต่อไป
แต่โลกของความจริงนั้นแสนซับซ้อน เพราะบางทีเราอาจจะเผลอมองความสัมพันธ์แบบช้าๆ เป็นความสัมพันธ์ในฝันไปซะงั้น (เป็นความฝันอีกด้าน)ไม่ว่าความสัมพันธ์จะเริ่มต้นที่ไหน สิ่งสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์นั้น ‘ใช่’ ก็มาจากคำตอบง่ายๆ พื้นๆ คือ ทั้งสองฝ่าย ‘พยายาม’ ให้ความสัมพันธ์ไปต่อได้อยู่รึเปล่า
ในความสัมพันธ์ล้วนมี ‘ความพยายาม’
กลายเป็นคำตอบเชยๆ แต่ว่าอาจจะเป็นคำตอบที่ง่ายที่สุดในการมองหาว่าคนที่เรากำลังคบหาอยู่เป็นคนที่ใช่รึเปล่า ความสัมพันธ์ในโลกแห่งความจริงเป็นเรื่องที่ ‘ไม่ง่าย’ และเป็นอะไรที่ทั้งสองฝ่ายต้อง ‘ทำงานร่วมกัน’ และในความพยายามนั้นก็เป็นสิ่งที่สะท้อนว่า เออ ทั้งเขาและเรากำลังมองเห็นความสำคัญของความสัมพันธ์นี้อยู่นะ
แน่ล่ะ พอถึงจุดหนึ่ง เราต่างมีความรับผิดชอบบางอย่าง มีชีวิตส่วนตัว มีงานที่น่าปวดหัว จากประเด็นเล็กๆ เช่น ท่ามกลางตารางชีวิตที่แสนยุ่งยากนั้น คนสองคนพยายามจัดสรรเวลามาใช้ร่วมกันตามความเหมาะสมได้รึเปล่า ใส่ใจที่จะตอบไลน์กันมั้ย พยายามให้อีกฝ่ายสบายใจทั้งเวลาที่อยู่ด้วยกันหรือไม่ได้อยู่ด้วยกันรึเปล่า ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ เช่นจากความฝันและเส้นทางชีวิตที่ต่างกัน คนสองคนจะมีความฝันร่วมกันและค่อยๆ ปรับเส้นทางจนเข้าหากันได้ในท้ายที่สุดรึเปล่า
ในแง่ของ ‘คุณสมบัติ’ ความพยายามคงจะเป็นการลงมือทำสำคัญหนึ่งที่ทำให้คนๆ นั้น เป็นคนที่ใช่สำหรับเรารึเปล่า แต่ในความรักและความสัมพันธ์ พวกองค์ประกอบที่อยู่นอกเหนือการควบคุมดูจะเป็นสิ่งที่ทรงพลังพอๆ กันกับความพยายาม ดังนั้นนอกจากการพิจารณาและใช้เหตุผลแล้ว คำแนะนำพื้นๆ ก็กลับมาอีกครั้งคือ…ก็คงต้องเชื่อ ‘หัวใจ’ ของตัวเอง
ในใจของเราลึกๆ รู้แหละว่า คนที่เราเดทอยู่คนนี้เป็นคนที่ใช่สำหรับเราแล้วรึยัง และเราเองก็อยากที่จะทำให้ความสัมพันธ์นี้ไปต่อพร้อมกันกับเขารึเปล่า คำแนะนำแถมท้ายคือนอกจากฟังเสียงหัวใจแล้ว ลองฟังเสียงเพื่อนๆ ดูก็พอจะช่วยได้ ความรักเป็นเรื่องของการลอง และให้เวลา พยายามแล้วไม่เวิร์กก็ปล่อยผ่านไป หัวใจร้าวแล้วก็ซ่อมใหม่ได้ แข็งแรงกว่าเดิม
อ้างอิงข้อมูลจาก