เวลาหกล้ม เข่าถลอก เราเป็นคนเลือกว่าจะไปโรงพยาบาล หรือปล่อยไว้ ให้หายเอง ใช่ไหม?
เวลาสิวขึ้น ก็ไม่มีใครมาบังคับเราได้ว่าต้องบีบออก หรือปล่อยไว้แบบนั้น จริงไหม?
ที่เราตัดสินใจทั้งหมดนั้น เพราะรู้สึกว่าร่างกายของเราเป็นของเรา ไม่ใช่ของใคร ถูกไหม?
และถ้าวันนึงเรานึกครึ้ม อยากลองเป็น sex woker ใช้ร่างกายที่เกิดมา แลกกับเงิน ของขวัญ หรือความสนุกเพียวๆ …. เรายังเป็น ‘คน’ อยู่ใช่ไหม?
TheMATTER ไม่ได้ขอตั้งคำถามว่า การเป็น sex worker เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม แต่อยากชวนทุกคนตั้งหลักร่วมกันก่อนว่า ถ้าเรามอง sex worker เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกับเรา ดังนั้น กฎหมายก็ควรคิดคำนึงถึงพวกเขา และควรถูกออกแบบโดนคำนึงถึงพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งด้วย จริงไหม
ดังนั้น เราขอชวนมองโมเดลกฎหมายใน 7 ประเทศ ที่มอง sex worker ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่ผี หรือปีศาจร้าย รวมถึงกฎระเบียบข้อบังคับที่ออกแบบเพื่อ ‘ควบคุม (Regulate)’ อุตสาหกรรมโลกีย์ให้ได้มาตราฐาน และอยู่ในคุณภาพ
นิวซีแลนด์
นิวซีแลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่มีสวัสดิการ และกฎหมายที่ดี คอยคุ้มครองผู้ประกอบอาชีพ sex worker โดยนิวซีแลนด์ได้ออกกฎหมายรองรับอาชีพนี้มาตั้งแต่ปี 2003 และอนุญาตให้ชาวนิวซีแลนด์ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี รวมถึงชาวออสเตรเลีย และผู้ที่มีวีซ่าแบบอยู่อาศัย สามารถประกอบอาชีพนี้ได้โดยสมัครใจ
สำหรับผู้ที่ต้องการเปิดสถานขายบริการทางเพศ (Brothel) ต้องขออนุญาตจากทางภาครัฐบาลเสียก่อน โดยนอกจากมีหน้าที่ดูแลลูกค้า และแล้ว ยังต้องคอยดูแลว่าระหว่างประกอบกิจกรรม ทั้งลูกค้าและผู้ให้บริการมีการสวมใส่ป้องกัน อาทิ ถุงยาง และแผ่นยาง (เวลาออรัลเซ็กส์) โดยถ้าหากเจ้าหน้าที่ภาครัฐตรวจพบว่ามีการฝ่าฝืน อาจมีการโทษปรับทุกฝ่าย
นิวซีแลนด์ไม่ได้บังคับว่า sex worker ทุกคนต้องมีค่าย สำหรับใครที่อยากเปิดอิสระ หรือตั้งเป็นกลุ่มเล็กๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยกฎหมายนิวซีแลนด์ระบุว่า ในกรณีที่ sex worker รวมตัวกันไม่เกิน 4 คน เรียกว่า “small, owner-operated brothel”, or “SOOB” ซึ่งในส่วนนี้ต้องจัดการ ดูแลเรื่องต่างๆ กันด้วยตัวเอง
ผู้ให้บริการมีสิทธิ์ปฏิเสธ และหยุดให้บริการทันที หากรู้สึกว่าเรื่องราวเริ่มเลยเถิด กล่าวคือ นิวซีแลนด์ซีเรียสกับการ ‘สมยอม (Consent)’ เป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ ภาครัฐนิวซีแลนด์แนะนำให้ sex worker เซ็นสัญญากับสถานบริการในรูปแบบสัญญาแบบอิสระ (independent contractors) มากกว่าในฐานะลูกจ้าง กับนายจ้าง
สหรัฐอเมริกา
ถึงแม้ สหรัฐอเมริกาจะพยายามเป็นต้นแบบของระบบประชาธิปไตยในโลก แต่ในด้านการรับรองอาชีพ sex worker แล้ว ก็ยังมีเพียงรัฐเนวาดาเท่านั้น ที่กฎหมายอนุญาตให้มี sex worker ได้อย่างถูกกฎหมาย (ตั้งแต่ปี 1971) ทั้งนี้ นิยามของ sex worker ตามกฎหมายรัฐเนวาดา รวมถึง นักเต้นรูดเสา และเพื่อนเที่ยว
รัฐเนวาดาบังคับให้ sex worker ทุกคนต้องมีใบอนุญาตก่อนที่จะสมัครเข้าทำงาน โดยจะต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพในครั้งแรก และต่อมาในทุกเดือน รวมถึงต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันทุกครั้งที่ฉะกับผู้ใช้บริการ
อย่างไรก็ดี กฎหมายไม่ได้ระบุไว้ให้ sex worker สามารถปฏิเสธการให้บริการได้ ดังนั้น โดยส่วนใหญ่ หากไม่ยินยอมหรือไม่ถูกใจ พวกเขา/เธอจึงมักจะใช้วิธีเรียกราคาที่สูงจนผู้ใช้บริการรับไม่ไหวเสียมากกว่า
เนวาดาไม่ได้อนุญาตให้ทุกเมืองสามารถเปิดสถานบันเทิง และสถานบริการได้ แต่กำหนดไว้ว่าต้องเป็นเมืองที่มีประชากรน้อยกว่า 700,000 คนเท่านั้น และจากการเก็บข้อมูลของมหาวิทยาลัยเนวาดา ในปี 2012 ชี้ว่า สถานให้บริการในรัฐเนวาดา รับลูกค้าราวปีละ 400,000 คน และมีเงินหมุนเวียนระหว่าง 35-50 ล้านดอลลาร์ต่อปี
เนเธอร์แลนด์
หลายคนมีภาพจำถึงเนเธอร์แลนด์ ในฐานะเมืองจักรยาน หรือประเทศที่กัญชาถูกกฎหมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว เนเธอแลนด์ก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน ไม่ว่า การจัดการปัญหายาเสพติด การใช้พลังงานทดแทน ตลอดจนเรื่อง sex worker ซึ่งได้รับการรองรับว่าเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2000
รัฐธรรมนูญเนเธอร์แลนด์ไม่ได้กำหนดรายละเอียดถึงอาชีพ sex worker ไว้มากนัก แต่ให้อำนาจท้องถิ่นในการออกกฎระเบียบเองมากกว่า ทำให้ในแต่ละพื้นที่ก็มีข้อกำหนดแตกต่างกันไป
อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญก็ระบุถึงประเด็นกำกับบางประการที่ท้องถิ่นต้องใส่เข้าไปในกฎหมาย เช่น สถานที่ตั้งห้ามใกล้โบสถ์และโรงเรียน ความปลอดภัยและสะดวกสบายพื้นฐาน ตลอดจน เจ้าของสถานบริการต้องไม่เคยมีประวัติอาชาญกรรม เป็นต้น
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญเนเธอร์แลนด์ระบุว่า ชาวเนเธอร์แลนด์ หรือประชากรในประเทศสหภาพยุโรป ตลอดจนผู้มีวีซ่าอยู่อาศัย ที่อยากเป็น sex worker ต้องมีอายุมากกว่า 21 ปี และต้องขอใบอนุญาตในการประกอบอาชีพ
ถึงแม้ กฎหมายที่ระบุให้ sex worker ต้องผ่านการตรวจสุขภาพ อยู่ภายใต้กฎหมายท้องถิ่น แต่อันที่จริง เนเธอร์แลนด์มีสวัสดิการประกันสุขภาพให้กับประชาชนทุกคนอยู่แล้ว ฉะนั้น การขอตรวจสุขภาพในด้านต่างๆ จึงทำได้ทันทีและไม่เสียค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ สถานค้าบริการสำหรับ sex worker เอง ก็ต้องมีการขอใบอนุญาตจากภาครัฐเช่นกัน
เยอรมนี
เรียกได้ว่าเยอรมนี เป็นหนึ่งในประเทศต้นแบบของกฎหมาย sex worker เลยทีเดียว พวกเขาได้รับรองให้ sex worker เป็นอาชีพถูกกฎหมายตั้งแต่ปี 2002 ก่อนค่อยๆ ปรับปรุงกฎหมายให้ดีขึ้นมาเรื่อยๆ จนในปัจจุบัน
เยอรมนีกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ประกอบอาชีพ sex worker ไว้ที่ 18 ปี โดยอนุญาตให้ประชากรในประเทศสหภาพยุโรป รวมถึงผู้ผู้มีใบอนุญาตทำงานสามารถทำได้
ทุกคนต้องพกใบอนุญาตสองชนิดติดตัวตลอดเวลาทำงานคือ ใบอนุญาตทำงาน และใบรับรองสุขภาพ ซึ่งสามารขอได้จากศูนย์การแพทย์ของรัฐเสียก่อน โดยผู้มีอายุตั้งแต่ 21 ปีต้องมาตรวจซ้ำทุก 1 ปี ขณะที่ผู้มีอายุต่ำกว่า 21 ปี ต้องเข้ารับการตรวจทุก 6 เดือน
เยอรมนีมีกฎเกณฑ์ที่ค่อนข้างครอบคลุมและเคร่งครัดต่อ sex worker โดยกำหนดว่าต้องเสียภาษี, ทำประกันสุขภาพ รวมถึงต้องเสียภาษี อย่างไรก็ดี เยอรมนีมีกฎหมายที่คุ้มครอง sex worker สูงมาก จนใกล้เคียงกับกฎหมายแรงงานทั่วไป ยกเว้นเฉพาะบางข้อเท่านั้น
และสำหรับผู้ต้องการเปิดสถานบริการ sex worker ต้องขออนุญาตจากทางภาครัฐเสียก่อน รวมถึงมีความรับผิดชอบว่าต้องจัดหาอุปกรณ์ป้องกันให้กับ sex worker ที่ทำงานอยู่ภายในด้วย
เดนมาร์ก
เดนมาร์กเป็นอีกประเทศหนึ่งที่รองรับอาชีพ sex worker อย่างไรก็ตาม กฎหมายเดนมาร์กยังไม่ได้ครอบคลุมและคุ้มครองอาชีพนี้เท่าไรนัก แต่มุ่งเน้นไปที่การป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน อาทิ การล่อลวงเพื่อมาขายบริการทางเพศ มากกว่า
ผู้ที่จะเป็น sex worker ในเดนมาร์กต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และประชากรในสหภาพยุโรป หรือผู้มีใบอนุญาตทำงานสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม กฎหมายไม่บังคับให้มีการตรวจสุขภาพ รวมถึงไม่อนุญาตให้มีการเปิดสถานบริการโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม sex worker กลับต้องเสียภาษี และไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายเท่ากับแรงงานทั่วไป
กรีซ
ถึงแม้ว่ากรีซจะยอมรับว่า sex worker เป็นกิจกรรมที่ทำได้ อย่างไรก็ดี กฎหมายยังไม่ได้รองรับให้ sex worker เป็นอาชีพ ดังนั้น กฎหมายแรงงานจึงไม่ครอบคลุมและปกป้องคนเหล่านี้
กรีซกำหนดว่า ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป และยังไม่แต่งงาน ไม่ว่าเป็นประชากรกรีซ ประชากรในสหภาพยุโรป หรือผู้มีใบอนุญาตทำงานสามารถเป็น sex worker ได้ แต่ต้องเข้าไปขอใบอนุญาตจากทางภาครัฐ รวมถึงต้องมีใบรับรองแพทย์ ซึ่งจะต้องตรวจใหม่ทุกๆ สองสัปดาห์เสียก่อน
กฎหมายกรีซกำหนดให้ sex worker ต้องทำงานภายในสถานบริการที่มีใบอนุญาตเท่านั้น และเจ้าของสถานบริการมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัย และรักษาข้อตกลงห้ามจ้าง sex worker ที่ไม่มีใบอนุญาตและใบรับรองแพทย์เข้าทำงาน มิฉะนั้นจะถูกปรับ
ทั้งนี้ กฎหมายกรีซระบุไว้ว่า กลุ่มคนรักร่วมเพศ เช่น ชายรักชาย ที่ซื้อบริการ sex worker มีโทษทางกฎหมาย
ตุรกี
คงเป็นเรื่องเซอไพรส์สำหรับหลายคนที่ประเทศที่มีประชากรจำนวนมากเป็นมุสลิม อย่างตุรกี มีกฎหมายรองรับให้ sex worker ถูกกฎหมาย เหตุผลข้อหนึ่งคือ ตุรกีมองว่าประเทศตนเองเป็น รัฐฆราวาส (Secular State) และแยกศานาออกจากการเมืองมานานแล้ว
การจะประกอบอาชีพเป็น sex worker ในตุรกี ต้องขอใบอนุญาตจากภาครัฐ รวมถึงต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพก่อน และถ้าหากมีสัญชาติตุรกี และเลือกที่จะมาเป็น sex worker กฎหมายกำหนดคุณสมบัติไว้ว่า ต้องมีสถานะโสด, มีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป และบังคับว่าต้องได้รับการศึกษาขั้นต่ำในระดับประถม
สถานบริการ sex worker ในตุรกี ต้องขออนุญาตจากภาครัฐ และการให้บริการในที่อื่นนอกจากสถานบริการถือว่าผิดตามกฎหมาย
อ้างอิง:
Illustrator by Waragorn Keeranan