วันนี้ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนไป เมฆน้อยลง แดดจ้าขึ้น มีลมอ่อนๆ เหมือนเป็นสัญญาณของลมหนาวที่ใกล้เข้ามา
ไม่นับกลิ่นต้นตีนเป็ดที่ฉุนจมูกในยามค่ำคืน เราเริ่มรู้สึกถึงหน้าหนาวที่เราทุกคนต่างรอคอย ฤดูกาลแห่งความเฉอะแฉะกำลังจะหมดไป ท้องฟ้าแจ่มใสและลมเย็นๆ รอเราอยู่… ถึงแม้ว่าคนไทยแบบเราๆ จะต้องมาลุ้นกันต่อว่าปีนี้จะหนาวได้จริงสักกี่วัน
บรรยากาศของหน้าหนาวเป็นห้วงเวลาที่แสนพิเศษ เราทุกคนต่างสัมผัสความรู้สึกบางอย่างอันเป็นสัญญาณของหน้าหนาวได้ ฤดูหนาวมีกลิ่นและความรู้สึกที่แสนจะเฉพาะตัว จริงอยู่ว่าในแต่ละที่ย่อมมีกลิ่นและความรู้สึกของฤดูหนาวที่ต่างกันไป บ้านเราอาจจะเป็นต้นตีนเป็ด ในยุโรปอาจจะเป็นไม้สน เตาไฟ แต่โดยรวมแล้ว เราต่างสัมผัส ‘กลิ่น’ ที่เฉพาะของฤดูหนาวได้ ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ไหนก็ตาม
กลิ่นพิเศษของฤดูหนาว ส่วนหนึ่งเกิดจากอากาศเย็นๆ ที่ส่งผลกับร่างกายและการรับกลิ่นของเรา แต่ความรู้สึกของเราต่อฤดูหนาวไม่ใช่แค่เรื่องทางกายภาพเท่านั้น กลิ่นของฤดูหนาวเกี่ยวข้องกับความรู้สึกและความทรงจำ ฤดูหนาวเป็นห้วงเวลาต้องมนตร์ ช่วงท้ายของปีคือช่วงเวลาพิเศษ เป็นช่วงเวลาของการปลดเปลื้อง การพักผ่อน ความรัก จูบแรก การปิดเทอม การเฉลิมฉลอง กลิ่นอาหารร้อนๆ
กลิ่นและความรู้สึกของฤดูหนาว เป็นสิ่งที่ร่างกายของเราตอบสนองต่อความทรงจำและความอบอุ่นของห้วงเวลาพิเศษๆ นี้
กลิ่นของฤดูหนาว…คือกลิ่นของการไม่มีกลิ่น
ฟังดูเหมือนนิทานเซ็น พอพูดว่ากลิ่นของฤดูหนาวที่เราคุ้นเคยคือภาวะที่ ‘กลิ่น’ และการรับรู้กลิ่นของเราน้อยลง ถ้าสังเกตกลิ่นของฤดูหนาวที่ว่า แง่นึงคือความรู้สึกของเราที่มีต่ออากาศเย็นๆ เป็นความรู้สึกชาๆ ที่เกิดขึ้นเวลาเราสูดเอาอากาศเย็นๆ เข้าไปในจมูก ความรู้สึกของกลิ่นฤดูหนาวคือการที่ในอากาศและร่างกายของเรารับกลิ่นน้อยลง
กลิ่นทั้งหลายที่เราได้รับเกิดจากสสารและโมเลกุลที่ฟุ้งอยู่ในอากาศ พออากาศเย็นลง ความชื้นน้อยลง การฟุ้งกระจายของโมเลกุลในอากาศก็ลดลง…มากกว่าวันที่อากาศร้อนๆ ลองนึกถึงอาหารที่เพิ่งออกจากตู้เย็นกับหลังจากที่เราอุ่นร้อนๆ หรือวันที่อากาศร้อนและชื้น กลิ่นต่างๆ จะฟุ้งและรุนแรงมากกว่าวันที่อากาศเย็นๆ—เช่นวันที่อากาศร้อนหรือฝนตก กลิ่นต่างๆ รอบตัวเราจะรุนแรงมากขึ้น
ประกอบกับร่างกายและประสาทรับกลิ่นของเราจะมีประสิทธิภาพน้อยลงเมื่ออุณหภูมิลดต่ำลง เมื่อสองอย่างผสมกันคือกลิ่นในอากาศน้อยลง ร่างกายเรารับกลิ่นได้น้อยลง กลิ่น—ของการไม่ได้กลิ่นจึงเป็นเอกลักษณ์ของกลิ่นแบบฤดูหนาวที่เราสัมผัสได้
กลิ่นของอาหาร และรสชาติของความทรงจำ
การรับรู้กลิ่นของเราเป็นเรื่องซับซ้อน การที่เราจะรู้สึกถึงกลิ่นอะไร จดจำหรือนึกถึงอะไรเป็นสิ่งที่สัมพันธ์กับความทรงจำในระยะยาว ไปจนพฤติกรรมและสภาวะทางอารมณ์
หนึ่งในกลิ่นที่สำคัญที่เรามักได้กลิ่นในอากาศคือกลิ่นของอาหารปรุงสุก ความรู้ของเราที่มีต่อกลิ่นอาหารร้อนๆ ไม่ใช่แค่เรื่องของความหิวเท่านั้น แต่เป็นการกระตุ้นความทรงจำและความรู้สึกที่มีต่ออาหารร้อนๆ ท่ามกลางอากาศเหน็บหนาว กลิ่นของอาหารเชื่อมโยงกับความรู้สึกอบอุ่นที่เราได้รับ ทำให้เราคิดถึงบ้าน นึกถึงเหตุการณ์พิเศษ กลิ่นและอากาศแห้งๆ ช่วยกระตุ้นความทรงจำพิเศษๆ กลับขึ้นมาใหม่
กลิ่นของฤดูหนาวจึงไม่ใช่แค่เรื่องของโมเลกุลในอากาศ แต่คือความรู้สึกที่ล่องลอยอยู่รอบตัวเราในบรรยากาศนั้นๆ ฤดูหนาวของบางคนคือกลิ่นของต้นคริสต์มาส สำหรับบางคนคือกลิ่นดอกไม้ที่ชวนให้นึกถึงวันเก่าๆ มวลอากาศเย็นในจมูก ผิวเนื้อในเสื้อหนาวหยาบๆ เดทและรอยจูบแรกในช่วงปลายปีที่ยังคงติดอยู่ในหัวใจ
จมูกและปากของเราเป็นช่องทางสำคัญที่สัมพันธ์กับความรู้สึกและตัวตน ฤดูหนาวเป็นฤดูที่น่ารักและเป็นฤดูแห่งความรักในหลายสาเหตุ เราชอบลมเย็นๆ อากาศสบายๆ แสงแดดที่แจ่มใส กลิ่นสะอาดๆ อาหารอร่อยๆ ไปจนถึงเหตุการณ์และความรู้สึกช่วงส่งท้ายปี
ไม่รู้ว่าปีนี้จะหนาวแค่ไหน และบางทีดอกตีนเป็ดก็อาจจะมีเยอะจนทำให้เวียนหัวไปสักหน่อย แต่ลมหนาวมักหอบเอาความรู้สึกและความทรงจำบางอย่างกลับมา และมักเป็นฤดูที่จะมีอะไรให้เราจดจำต่อไปอย่างแน่นอน
อ้างอิงข้อมูลจาก