“สมมติเราผ่อนบ้านราคา 3 ล้านบาทที่ดอกเบี้ย 7% ต่อปี ยิ่งนานวันดอกเบี้ยยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อครบ 30 ปี เราอาจต้องจ่ายเงินไปทั้งหมด 7 ล้านบาท ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมา 4 ล้านคือดอกเบี้ย ซึ่งถ้าเรารีไฟแนนซ์ทุกๆ 3 ปี จากที่ต้องจ่ายทั้งหมด 7 ล้าน ก็สามารถเหลือแค่ 5 ล้านบาทได้”
นพ—พงศธร ธนบดีภัทร ผู้เริ่มต้นแนวคิด Refinn เล่าประโยชน์มหาศาลของการรีไฟแนนซ์ให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ตาลุกวาวเล่นๆ
เขาเพิ่งเรียนจบจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ บวกกับที่บ้านทำธุรกิจการเงินอยู่แล้ว จึงนำความสนใจทั้งสองด้านมารวมกัน และเมื่อความยุ่งยากคือปัญหาใหญ่ที่ทำให้คนไม่รีไฟแนนซ์ Refinn จึงทำทุกอย่างให้ง่ายที่สุด ด้วยการให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลผ่านเว็บไซต์ แล้วช่วยคำนวณค่าใช้จ่าย และนำเสนอโปรโมชั่นใหม่โดยเรียงลำดับความประหยัดมาให้ ซึ่งพงศธรการันตีความง่ายขั้นกว่าว่า
“เราจะบอกด้วยว่าผู้ใช้ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง เราจะส่งแมสเซนเจอร์ไปรับ พร้อมจัดการยื่นเรื่องกับธนาคารให้เอง เรียกได้ว่าแค่นั่งอยู่บ้านก็รีไฟแนนซ์ได้”
และด้วยแนวคิดที่แข็งแรง สตาร์ทอัพนี้จึงเป็นที่สนใจของ กรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ตกลงใจร่วมลงทุนและเป็นประธานบริษัท
“โจทย์ของ Refinn ตรงกับสิ่งที่ผมพยายามทำมาตั้งแต่สมัยอยู่ในตำแหน่ง เพราะตอนนี้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP พุ่งสูงถึง 80% ปัญหาสำคัญของสังคมไทยคือเรื่องนี้ และถ้ามองในฐานะนักลงทุนก็มองว่าเป็นโอกาสที่ดี เขาเองก็มองว่าผมน่าจะช่วยให้เขาโตได้ในฐานะประธาน”
และหลังจากที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตอนนี้ Refinn ช่วยรีไฟแนนซ์บ้านไปแล้วรวมมูลค่ากว่าสามพันล้านบาท ยิ่งกว่านั้น กรณ์ยังแย้มถึงโอกาสในอนาคตว่า อาจเพิ่มพื้นที่ไปถึงตลาดทุน ให้เจ้าของทุนได้พบกับลูกหนี้ที่ดีโดยตรง ทั้งสองฝ่ายจะได้พบกับดอกเบี้ยราคาตรงกลาง ซึ่ง Refinn จะช่วยจัดการให้ฝ่ายนายทุนได้ดอกเบี้ยมากกว่าการฝากธนาคาร ในขณะที่ลูกหนี้เองก็จ่ายน้อยกว่าราคาที่จ่ายให้แก่ธนาคารในการผ่อนบ้าน ซึ่ง Refinn จะสามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินของพวกเราได้อีกมากขนาดไหน เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม
จากคอลัมน์ Start Up โดย ฉัตรรวี เสนธนิสศักดิ์
giraffe magazine 51 – Online News Issue