หากพูดถึงตลาดพระที่เซียนพระต้องไปเยือน แน่นอนว่า ‘ท่าพระจันทร์’ คงเป็นชื่อแรกที่หลายคนนึกถึง แต่ในยุคดิจิทัล เราอาจไม่จำเป็นต้องเดินทางไปถึงท่าพระจันทร์ก็หาเช่าพระเครื่องและวัตถุมงคลมาบูชาได้เพียงแค่คลิกผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนเท่านั้น
เพราะการเข้ามาของ NFT ผ่านระบบบล็อกเชนทำให้เกิดสิ่งใหม่หลายอย่างแบบที่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นมาก่อน ไม่เพียงแค่การทำธุรกรรมทางการเงิน แต่ปัจจุบันการทำธุรกิจหรือกิจการต่างๆ ล้วนปรับตัวและก้าวเข้าสู่ระบบดังกล่าวไม่น้อย และตอนนี้ก็มาถึงยุคที่เราเริ่มได้เห็นเซียนพระและผู้คนไม่น้อยเข้ามาดูพระและเช่าพระเครื่องและวัตถุมงคลบนบล็อกเชนแล้ว
Crypto Amulets คือกิจการเช่าพระเครื่องพระบูชาไทยในรูปแบบ NFT เจ้าแรกในโลก และเป็นโปรเจกต์แรกของวงการพระเครื่องไทย ที่ให้บริการซื้อขายบนบล็อกเชน รวมทั้งยังได้เปิดขายพระเครื่องซีรีส์แรกบนแพลตฟอร์ม OpenSea ที่ศิลปิน NFT มักนำงานไปขายในนั้นอีกด้วย
ว่าที่ร้อยตรีเอกพงศ์ เข็มทอง หรือ โก๋ สุรินทร์ นักสะสมพระเครื่องและนักจัดสร้างวัตถุมงคล คือผู้ริเริ่มนำพระเครื่องพระบูชาไทยมาลงขายเป็นพระเครื่องดิจิทัลในรูปแบบ NFT ผ่านระบบบล็อกเชนภายใต้ชื่อว่า Crypto Amulets สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ Crypto Amulets ยังเป็นคอมมูนิตี้ที่รวมทั้งเซียนพระดั้งเดิม นักลงทุนฯ และผู้ชื่นชอบงาน NFT เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับพระเครื่องและงานพุทธศิลป์เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญ ยังมีผู้สนใจที่เป็นคนต่างชาติมาเข้าร่วมคอมมูนิตี้นี้ผ่านโปรแกรม Discord อย่างล้นหลาม
The MATTER ได้มีโอกาสคุยกับ โก๋ สุรินทร์ มาร่วมพูดคุยแบ่งปันเกี่ยวกับการทำพระเครื่องพระบูชาไทยในบล็อกเชน นอกจากมุมมองที่เปิดกว้างและโอกาสของพระเครื่องไทยแล้วนั้น การพูดคุยกันครั้งนี้ยังทำให้ได้เห็นวิถีเปลี่ยนผ่านของงานพระเครื่องที่มีอายุเก่าแก่บนเทคโนโลยีของยุคสมัยนี้อีกด้วย
จุดเริ่มต้นพระเครื่องไทยเข้าสู่โลก NFT
เดิมที โก๋ สุรินทร์ รับเช่า-บูชาพระเครื่องมาประมาณ 10 ปีแล้ว และเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ก็ได้เริ่มก้าวขาลงมาสร้างสรรค์ในรูปพระเครื่องดิจิทัลผ่านระบบบล็อกเชน ชื่อว่า Crypto Amulets โดยโก๋เล่าถึงที่มาที่ไปที่ตัดสินใจนำพระเครื่องพระบูชาไทยมาลง NFT ไว้อย่างน่าสนใจ
“สิ่งที่ทำให้สนใจนำพระเครื่องเข้าระบบบล็อกเชน เพราะผมมองเห็นโอกาสจากสิ่งนี้ โดยบล็อกเชนเป็นระบบที่มีความปลอดภัยสูง เก็บข้อมูลแบบถาวร ไม่สามารถลบหรือแก้ไขได้ โปร่งใส ปลอดภัย และไร้ตัวกลาง นี่เลยถือเป็นโอกาสดีๆ ที่จะได้นำพระเครื่องเข้ามาขายผ่านระบบบล็อกเชน และ Crypto Amulets ถือเป็นโปรเจกต์แรกของโลกและวงการพระครื่องไทยที่นำเข้าพระเครื่องพระบูชาเข้าสู่บล็อกเชน ซึ่งเกิดขึ้นที่จังหวัดสุรินทร์ครับ
“ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง ผมอยากให้คนต่างชาติได้รู้จักพระเครื่องไทยและหันมาสะสมพระเครื่องกันมากขึ้น ด้วยแนวคิดอันมีเอกลักษณ์ของงานศิลปะผสมผสานกับงานพุทธศิลป์ที่สวยงามของไทย จึงตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานครั้งนี้มาในรูปแบบพระเครื่องดิจิทัลบนเทคโนโลยีบล็อกเชน”
ความเหมือน-ต่างของพระเครื่องดั้งเดิมกับพระเครื่องดิจิทัลในรูปแบบ NFT
เมื่อพูดถึงเรื่องความเหมือนหรือแตกต่างระหว่างพระเครื่องแบบดั้งเดิมกับพระเครื่องดิจิทัล โก๋ได้เริ่มจากการเล่าถึงขั้นตอนการสร้างพระเครื่องทั้ง 2 รูปแบบก่อน
“จริงๆ ก็ไม่แตกต่างกันมากครับ การสร้างวัตถุมงคลและพระเครื่องพระบูชาแบบดั้งเดิมเริ่มจากออกแบบลายเส้นงานศิลปะก่อน โดยวาดลายเส้นจนเราพึงพอใจความสวยงามของงานชิ้นนี้ จากนั้นก็มาทำขั้นตอน 3D เพื่อเน้นมิติของงาน ให้เกิดความคมชัดตรงรอยโค้ง รอยเว้า และตรงส่วนต่างๆ ที่จะเพิ่มเติมแต่งให้คมชัดและสวยงามมากขึ้น แล้วค่อยมาทำเป็นบล็อกเหล็กหนึ่งตัว แกะบล็อกออกมาเรียบร้อยจนได้แบบสำเร็จรูปพร้อมนำมาปั๊มผลิตวัตถุมงคลตามจำนวนที่เราต้องการได้
“ส่วน Crypto Amulets จะเริ่มจากลายเส้นเหมือนกัน โดยรังสรรค์ผลงานออกมาก่อนว่าเราอยากโชว์ลวดลายแบบไหน จากนั้นก็มาปรับอีกครั้งในงาน 3D เน้นความคมชัดและมิติของงาน เพื่อให้เกิดความสมดุลของงานที่ออกมาในรูปทรงสวยงาม ก่อนนำมาเรนเดอร์ตามเนื้องานที่ต้องการอย่างการลงสีทอง สีเงิน สีต่างๆ ก็เรนเดอร์ไปเรื่อยๆ แต่ละชิ้นงาน บางลายอย่างลายกนกจะใช้เวลาค่อนข้างนานมาก ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์เลยกว่าจะได้ออกมาเป็นลายลายหนึ่งแบบเสร็จสมบูรณ์ แล้วก็มีต้นทุนสูงมากด้วย”
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น ก็คือพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคล หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าการปลุกเสกพระ โดยขั้นตอนนี้ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างพระเครื่องทั้งแบบดั้งเดิมและที่อยู่บนระบบบล็อกเชนเลยทีเดียว
“การปลุกเสกพระเครื่องดิจิทัลในรูปแบบ NFT ก็เหมือนปลุกเสกพระเครื่องแบบดั้งเดิมเลย อย่างพระเครื่องแบบดั้งเดิม เมื่อปั๊มออกมาเป็นเนื้อเหรียญที่ต้องการแล้ว ก็นำแพ็กใส่ลังแล้วนำมาเข้าพิธีพุทธาภิเษก เช่นเดียวกันกับ Crypto Amulets ครับ หลังจากเรนเดอร์จนแล้วเสร็จ จึงนำพระเครื่องดิจิทัลเข้าพิธีพุทธาภิเษกในรูปแบบ 5G ขึ้นจอ LED พันสายสิญจน์ที่เชื่อมต่อกับบล็อกเชน นำเข้าไปตั้งอยู่ในปรัมพิธี แล้วฉายสไลด์ภาพ NFT ทั้งหมดไปเรื่อยๆ พระก็สวดอธิษฐานจิตเข้าไป ตรงนี้เองที่ทำให้การันตีได้ว่าพระเครื่องดิจิทัลของเราผ่านพิธีพุทธาภิเษกที่ดีและยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกันกับพระเครื่องแบบดั้งเดิม”
คุณค่าที่ไม่จำกัดรูปแบบ
หลังจากถามถึงความแตกต่างที่เป็นรูปธรรมอย่างขั้นตอนการสร้างไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือการให้คุณค่าและมูลค่ากับวัตถุมงคลแต่ละชิ้น แม้พระเครื่องดิจิทัลจะต่างจากพระเครื่องแบบดั้งเดิมในแง่ของขั้นตอนการสร้างบางขั้นตอนและรูปแบบของตัววัตถุมงคล แต่การตีค่าของพระเครื่องทั้งสองรูปแบบกลับไม่ได้ต่างกันแม้แต่น้อย
“ผมขอเกริ่นเป็นเบื้องต้นก่อนนะครับ อย่างแรกคือ พระเครื่องแบบดั้งเดิมกับพระเครื่องดิจิทัลอย่าง Crypto Amulets มีพิธีพุทธาภิเษกเหมือนกัน เราเป็นพระเครื่องเหมือนกัน ส่วนความแตกต่างเรื่องเนื้อพระเครื่อง พระเครื่องแบบดั้งเดิมจะมีแบบเนื้อทองแดงหรือเนื้อทองคำ (ที่ผลิตออกมา) เหมือนกัน ส่วน Crypto Aamulets จะมีสีที่แตกต่างกัน และไม่ซ้ำกันเลย เช่น 1 หมื่น NFT นี้จะไม่ซ้ำกันเลย จะมีแค่หนึ่งเดียว พูดง่ายๆ ก็คือจุดแตกต่างคือ NFT มีแค่หนึ่งเดียว ไม่สามารถทดแทนกันได้ ไม่สามารถซ้ำกันได้
“ส่วนคุณค่าเกิดขึ้นจากอะไร คุณค่าเกิดจากเราให้คุณค่าของสิ่งนั้น เป็นสิ่งที่เราชอบเหมือนกัน อยากสะสมเหมือนกัน ในเมื่อมันมีชิ้นเดียวนะครับ แต่มีความต้องการมันห้าคน สิบคน แต่ของไม่สามารถผลิตขึ้นมาได้ใหม่แล้ว เพราะได้เก็บข้อมูลในระบบบล็อกเชนเป็นระบบกระจายตัว เก็บข้อมูลแบบถาวรและไม่สามารถทดแทนกันได้ มีเพียงชิ้นเดียว พอมีความต้องการมาก คุณค่าก็เกิดขึ้น เพราะแต่ละคนก็ให้คุณค่าของสิ่งนั้นขึ้นมา ต่างคนต่างอยากได้ แต่เป็นเจ้าของได้แค่คนเดียว ก็เลยต้องมาคุยกันเรื่องราคาว่าเขาจะขายที่เท่าไหร่ ตั้งขายราคาเท่านี้ไหวไหม ถ้าไหวก็ซื้อเก็บได้เลย
“พระเครื่องดั้งเดิมเราบูชามาเก็บไว้บ้านหรือแขวนคิดติดตัวไว้ตลอดใช่ไหมครับ พระเครื่องดิจิทัลก็เช่นเดียวกัน ก่อนซื้อก็ต้องมีวอลเล็ต พอซื้อมาแล้ว พระเครื่องนั้นก็อยู่ในโทรศัพท์เรา เราสามารถพกติดตัวไปได้ตลอดเหมือนกัน”
เข้าถึงกลุ่มคนหลากหลายมากขึ้น
จริงอยู่ที่พระเครื่องพระบูชาไทยเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนต่างชาติอยู๋ก่อนแล้ว แต่ต้องยอมรับเช่นกันว่า ‘บล็อกเชน’ ช่วยให้คนได้เข้ามาทำความรู้จักพระเครื่องพระบูชาไทยมากกว่าเดิม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มาจากแวดวงอื่นหรือไม่ได้มีพื้นฐานสนใจเรื่องวัตถุมงคลมาก่อน
เช่นเดียวกัน เมื่อถามถึงกลุ่มเป้าหมายหรือคนที่เข้ามาติดต่อขอซื้อพระเครื่องดิจิทัลจาก Crypto Amulets โก๋ก็เล่าให้ฟังว่ามีกลุ่มลูกค้าหลากหลายกว่าตอนทำปล่อยเช่าพระเครื่องแบบดั้งเดิม
“เราแยกกลุ่มลูกค้าเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือนักสะสมพระเครื่อง กลุ่มที่สองคือนักลงทุนในคริปโตเคอเรนซี และกลุ่มที่สามคือคนที่ชื่นชอบงานศิลปะ โดยเราจะได้ฐานลูกค้าจากกลุ่มนักสะสมเดิมประมาณ 50% ที่เหลือก็จะเป็นกลุ่มนักลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่กับผู้ชื่นชอบในงานศิลปะ ซึ่งส่วนมากเป็นต่างชาติทั้งนั้นเลย
“ถ้าเป็นตอนที่ทำพระเครื่องแบบดั้งเดิม ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยสัก 90% แต่หลังจาก Crypto Amulets เข้าสู่ระบบล็อกเชนก็จะได้ทั้งฐานนักสะสมคนไทยมาเป็นอย่างแรกอยู่แล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ชอบสะสมพระเครื่อง จากนั้นเราได้นักลงทุนในคริปโตฯ ที่ชื่นชอบงาน NFT เข้ามาสะสมมากขึ้น
“ส่วนกลุ่มคนที่ชื่นชอบงานศิลปะโดยเฉพาะ ก็จะเป็นกลุ่มคนที่อยากเก็บสะสม (พระเครื่อง) ไว้ เพราะเห็นว่ามีจำนวนจำกัด เป็นอะไรที่ใหม่ในบล็อกเชน และนำไปต่อยอดได้ในอนาคต หรืออาจจะเก็บเป็นทรัพย์สินของเราก็ได้”
นอกจากนี้ ในมุมมองของโก๋ นี่ถือเป็นการเปิดกว้างไปถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติได้ดีทีเดียว “เพราะบล็อกเชนเป็นตลาดไร้พรมแดนครับ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนบนโลกนี้ ถ้ามีความชื่นชอบหรืออยากสะสมพระเครื่อง ทุกคนสามารถเข้าซื้อและตรวจสอบได้ด้วยตัวเราเอง โดยไม่ต้องเดินทางมาเลย เพราะเราจะมีวอลเล็ตเป็นของตัวเองสำหรับซื้อและเก็บพระเครื่อง NFT ไว้ได้
“แล้วผู้ซื้อก็ได้รับกรรมสิทธิ์เต็มรูปแบบ ทั้งควบคุมดูแล หรือแม้แต่มีสิทธิทางการค้าแบบไม่จำกัดบน NFT หมายความว่า เจ้าของนำมาขายต่อทอดตลาดได้ หรือจะส่งมอบให้คนที่เรารักเราชอบได้ในอนาคตหรือโอกาสต่อไป
ทำความเข้าใจกับกลุ่มลูกค้าเดิม
อีกหนึ่งความท้าทายในการก้าวเข้ามาทำพระเครื่องบนระบบบล็อกเชน คงหนีไม่พ้นการสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจให้กับเซียนพระที่เป็นฐานของกลุ่มเป้าหมายเดิมของกิจการเช่าพระ แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องใช้เวลาในการอธิบาย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการทำ Crypto Amulets
“จริงๆ แล้ว เราจะอธิบายให้ผู้ที่ยังไม่ได้ศึกษาหรือเข้าใจเกี่ยวกับ NFT ฟังว่ามันดีอย่างไร มัน (มีคุณค่า/ความศักดิ์สิทธิ์) เหมือนกันอย่างไร มันเป็นโอกาสยังไง
“และผมเชื่อว่า คนทั้งโลกจะมีอย่างหนึ่งเหมือนกัน คือชอบสะสมอะไรใหม่ๆ
แบบเห็นอะไรใหม่ ก็อยากสะสมเก็บไว้ เพราะอย่างน้อยเราได้เป็นเจ้าของเพียงผู้เดียว เลยคิดว่านี่เป็นโอกาสดี สำหรับทั้งนักสะสมพระเครื่องดั้งเดิมหรือผู้ที่ชื่นชอบในงานศิลปะ”
นอกจากนี้ เมื่อว่ากันถึงเรื่องการเก็บรักษาแล้ว นี่ก็อาจเป็นข้อได้เปรียบอีกหนึ่งอย่างของพระเครื่องดิจิทัลในรูปแบบ NFT เพราะเดิมพระเครื่องอย่างที่เรารู้จักกันอาจมีจำกัดในการเก็บรักษา หากเก็บรักษาไม่ดี อาจทำให้ตัววัตถุมงคลมีตำหนิหรือเเสียหายได้ ซึ่งส่งผลต่อการนำมาต่อยอดเก็งกำไรกรณีที่ต้องการปล่อยเช่าต่อได้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับ Crypto Amulets เพราะไม่ว่าจะนานแค่ไหน ก็ไม่มีชำรุดและคงความสวยงามตลอดไป
“ถ้าโทรศัพท์เรามีปัญหาหรือแบตหมด NFT ที่เราเก็บไว้จะหายหรือไม่ ตรงนี้ไม่ต้องห่วงเลยครับ เพราะ NFT ทั้งหมดเชื่อมต่อกันระหว่างบล็อกเชน ซึ่งเป็นสัญญาณกระจายตัว เก็บข้อมูลถาวร ไม่สามารถลบหรือแก้ไขได้ และไร้ตัวกลาง ที่สำคัญ เรามีวอลเล็ตที่มีรหัสสิบห้าตัว ซึ่งแต่ละวอลเล็ตจะไม่เหมือนกันเลย เราจึงต้องเก็บรักษารหัสนั้นให้ดี ไม่ว่าเราจะเปลี่ยนไปติดตั้งวอลเล็ตใหม่ที่อุปกรณ์ใด เพียงใส่รหัสวอลเล็ตสิบห้าตัวนั้น ก็จะได้ NFT มาทั้งหมด ไม่มีสูญหาย เว้นแต่ว่าเราทำรหัสนั้นหายไปแล้วจำไม่ได้ ก็หายแน่นอนและไม่สามารถกู้คืนได้”
พระเครื่อง NFT กับแก้ปัญหาพระปลอม
ในแวดวงคนเล่นพระเครื่อง ปัญหาหนึ่งที่มักเจอเสมอคือผู้เช่า (คนซื้อ) เจอพระเครื่องหรือวัตถุมงคลปลอม นี่จึงเป็นสาเหตุที่คนเข้าวงการนี้มักต้องศึกษาหาความรู้เรื่องการดูพระแท้ให้เป็น ซึ่งส่วนใหญ่มักอาศัยการเรียนแบบครูพักลักจำหรือเป็นวิชาที่ถ่ายทอดกันเฉพาะภายในคนใกล้ชิด ถ้าไม่มั่นใจก็ตัองให้ผู้รู้และผู้เชี่ยวชาญการันตีให้เท่านั้น
แต่เมื่อพระเครื่องพระบูชาถูกนำมาอยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างบล็อกเชน ก็ช่วยให้นักสะสมหรือคนที่สนใจพระเครื่องหมดกังวลเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น เพราะทุกคนสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเราเองก่อนซื้อผ่านระบบบล็อกเชน รวดเร็วและปลอดภัย โดยโก๋เล่าถึงกลไกของระบบบล็อกเชนที่ช่วยให้ทุกคนเข้าถึงการครอบครองพระเครื่องหรือวัตถุมงคลแท้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้เชิงลึก
“ตรงนี้เป็นจุดเด่นของบล็อกเชนเลยครับ หากคุณอยากสะสม (พระเครื่อง) ก็ตรวจสอบได้ด้วยตัวเองว่านี่คือของแท้หรือไม่ผ่านระบบบล็อกเชนก่อนที่จะทำการซื้อขายกัน ยกตัวอย่าง กรณีพระเครื่องแบบดั้งเดิม ถ้าเราอยากบูชาพระเครื่องที่อายุผ่านมาเป็นร้อยปี แต่ไม่มีความรู้เลย ก็ต้องไปหาผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่มีความรู้ด้านนี้เพื่อที่ให้ช่วยดูและการันตีว่าเป็นของแท้หรือเปล่า
“ต่างจาก Crypto Amulets เลย เพราะเราตรวจสอบได้ด้วยตัวเราเอง ถ้าเรามีเงินและอยากได้งาน NFT ชิ้นนี้ ซึ่งหาจากที่ไหนไม่ได้แล้ว ก็ต้องเสนอราคาเป็นสกุลเงินดิจิทัลไปให้เจ้าของว่าให้ราคาเท่านี้ แล้วดูว่าเจ้าของจะขายไหม ก่อนซื้อก็นำไปตรวจสอบที่บล็อกเชนได้ว่าพระเครื่อง NFT นั้นใช่ของแท้หรือไม่ แล้วหากคนขายตกลงขายในราคาที่เสนอไป คนซื้อก็ได้รับ NFT นั้นทันที ทำให้ทุกอย่างรวดเร็ว สะดวก และปลอดภัยมากขึ้น”
โอกาสพระเครื่องไทยในระบบบล็อกเชน
ในฐานะเจ้าของกิจการพระเครื่อง โก๋ได้แชร์มุมมองเกี่ยวกับโอกาสและการเติบโตของธุรกิจพระเครื่อง NFT ในบล็อกเชนไว้อย่างน่าสนใจ
“ผมมองว่าเป็นอีกตลาดหนึ่ง แล้วก็คิดว่าในอนาคตไม่เกินสี่ปีครับ ตลาดพระเครื่องดิจิทัลของไทยจะเข้ามาในระบบ NFT อีกมาก และผู้คนทั่วโลกอีกมากจะหันมาสนใจสะสมพระเครื่องไทย ตอนนี้ไม่ได้มีเฉพาะคนไทยที่เข้ามาสะสมแล้ว แต่ยังมีนักสะสมจากต่างชาติและผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะสวยงาม ผมว่าเป็นตลาดที่กว้างมากครับ และจะเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับวงการพระเครื่องไทย
“อยากฝากบอกศิลปินที่สนใจ NFT ไม่ว่าคุณจะเก่งด้านไหน มีความชอบยังไงที่อยากแสดงออกมาให้โลกได้รู้จัก คุณแสดงออกมาได้เลย ขอแค่ศึกษาและตั้งใจทำให้ดี แล้วสิ่งนั้นจะเป็นผลดีกับตัวเราแน่นอนครับ จงกล้าทำในสิ่งที่เรารักและตั้งใจทำให้ดีที่สุด ความสำเร็จจะเกิดขึ้นถ้าเราเริ่มลงมือทำ
“เพราะบางทีสิ่งที่เราทำออกมานั้น สิบคนอาจไม่ชอบ แต่พอตั้งขายขึ้นมา ฝรั่งหรือต่างชาติอาจชอบ เพราะคนทั่วโลกมากมายจะเข้ามามองเห็นในจุดนี้เอง” โก๋กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามรับข้อมูลข่าวสารหรือพูดคุยแลกเลี่ยนได้ที่
Website: Cryptoamulets.io
Facebook: Cryoto Amulets
Discord: Crypto Amulets