‘พื้นที่สาธารณะ’ สถานที่ที่บอกความหมายในตัวมันเอง พื้นที่ที่ทุกคนสามารถเข้าใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ แต่ในเชิงปฏิบัติ ความหมายเหล่านั้นอาจไม่ได้ครอบคลุมถึงคนทุกกลุ่มในสังคม
ในชีวิตประจำวันเราใช้พื้นที่สาธารณะส่วนไหนกันบ้าง ทางเท้า สะพานลอย ถนน เพื่อเดินทางไปยังที่ต่างๆ มีพื้นที่ทำกิจกรรมที่เราแวะเวียนไปตามโอกาส อย่างสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ หรือห้องสมุด เราเข้าใจตรงกันว่าพื้นที่เหล่านี้เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม แต่ปัญหาคือคนบางกลุ่มมายังพื้นที่เหล่านี้ได้ แต่กลับไม่สามารถเข้าถึงได้
สำหรับผู้พิการ ประตูเปิดต้อนรับ แต่อาจมีขนาดไม่กว้างพอสำหรับรถวีลแชร์ เมื่อเข้ามาด้านในแล้ว แต่ไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหน ไม่รู้จะร่วมกิจกรรมอย่างคนอื่นเขายังไง การเดินทางมาถึงเฉยๆ จึงอาจไม่นับว่าเป็นการเข้าถึงสำหรับคนทุกกลุ่มนั่นเอง
The MATTER อยากชวนทุกคนมาสำรวจเส้นทาง การเดินทางไปยังพื้นที่สาธารณธของผู้พิการ กับ หนู–นลัทพร ไกรฤกษ์ จาก ThisAble.me สื่อผู้นำเสนอประเด็นเกี่ยวกับผู้พิการ

ในช่วงบ่ายเราพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์ ความตั้งใจแรกอยากเน้นหนักไปถึงงานการเข้าถึงหนังสือ ห้องสมุด ในช่วงบรรยากาศงานมหกรรมหนังสือระดับชาติที่กำลังจัดขึ้นขณะนี้ แต่เมื่อการพูดคุยดำเนินไปเรื่อยๆ เราจึงเข้าใจว่าปัญหาในการเข้าถึงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับอีเวนต์ใหญ่สักเหตุการณ์ แต่มันเกิดขึ้นในหลายแห่งหน ในหลายเวลา แม้แต่พื้นที่สาธารณะ พื้นที่สำหรับทุกคน ก็ยังมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงเช่นกัน
ปัญหาที่ว่านั้นไม่ใช่แค่เรื่องของการเดินทางไปถึง พื้นที่สาธารณะส่วนใหญ่สามารถเดินทางไปถึงได้ด้วยขนส่งสาธารณะตามความสะดวกของบุคคล แต่ปัญหาคือ เมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว ผู้พิการกลับไม่รู้สึกว่าสามารถเข้าถึงที่นั่นได้ ด้วยสองประเด็นหลักๆ คือการออกแบบที่ไม่ได้คำนึงถึงผู้พิการ และ Inclusive ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่น เข้าไปแล้วไม่มีกิจกรรม ไม่มีพื้นที่ที่ผู้พิการสามารถร่วมกิจกรรมกับผู้อื่นได้
คนที่สามารถใช้ชีวิตปกติได้ อาจจะยังนึกไม่ออกว่าปัญหาเหล่านั้นมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร งั้นเรามาเริ่มกันสำรวจในมุมผู้พิการกันตั้งแต่แรกเริ่มออกเดินทางไปยังพื้นที่สาธารณะนี้กัน หนูเล่าถึงการเดินทางว่า
“การออกไปครั้งนึง มันไม่สะดวกด้วยเนอะ ไม่สะดวกในการเดินทางไม่สะดวกในสถานที่ แถมยังจะมีค่าใช้จ่ายที่มันสูงมากๆ ด้วยค่ะ ถ้าอย่างเราเองนั่งวีลแชร์ จําเป็นจะต้องเรียกขนส่งบริการขนส่งผ่านแอปฯ เพราะว่าโบกมาเค้าก็ไม่รับ บางครั้ง กดเรียกเราก็ไม่สามารถเรียกแท็กซี่ธรรมดาได้ เพราะบางคันที่ติดแก๊ซ เราไม่สามารถเก็บวีลแชร์ไว้ข้างหลังได้
เราก็จําเป็นจะต้องเรียกรถที่มันมีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกนิดนึง เพื่อจะได้เก็บวีลแชร์ของตัวเอง ซึ่งนั่นมันหมายถึงค่าใช้จ่ายที่มันมากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นมันก็พอทุกอย่างไม่ได้เอื้อให้แบบเราสามารถออกไปใช้ชีวิตได้
หนูคิดว่าหลายคนอยากออกไปมีส่วนร่วมกับสังคมนะ อย่างตอนนี้เราเห็นเขามีงานหนังสือ เขามีจัดอันนู้นอันนี้กัน เราก็อยากไปหมดนั่นแหละค่ะ แต่พอมาบวกลบคูณหารกับความเหนื่อย อาจจะต้องไปจ้างคนดูแลเพิ่มไปเป็นเพื่อนกัน มันทําให้คนพิการหลายคนก็ออกไปนอกบ้านน้อยลง แล้วใช้ชีวิตในโลกออนไลน์มากขึ้น คิดว่าอย่างนั้น”

ดูเหมือนว่าต้นทุกของการเดินทางออกไปไหนสักครั้ง ผู้พิการมีทั้งค่าใช้จ่ายและแรงกายแรงใจที่ต้องจ่ายมากขึ้น เราจึงยกตัวอย่างทางออก ว่าถ้าหากเราเพิ่มพื้นที่สาธารณะให้ใกล้ผู้คนมากขึ้น เข้าถึงแต่ละชุมชนมากขึ้น จะช่วยลดปัญหาการเดินทางของผู้พิการได้หรือเปล่า คำตอบของหนูค่อนข้างน่าสนใจ
“หนูก็คิดว่าก็อาจจะช่วย แต่เราต้องมาดูอีกทีหนึ่งว่าสถานที่ที่มันเกิดขึ้น มันเข้าถึงได้ไหม เพราะเราค้นพบว่าหลายครั้ง อะไรที่มันเกิดขึ้นในชุมชน มันอาจจะไม่ได้พร้อมเรื่องสถานที่ ยกเว้นว่าถ้าชุมชนนั้นรู้จักแล้วก็เข้าใจคนพิการอยู่แล้ว
เราคิดว่าอันนี้จะเป็นสิ่งที่ชุมชนทําได้ดีกว่าส่วนกลางอีก เพราะว่าเขาเข้าใจว่าธรรมชาติของคนในชุมชนเป็นอย่างไร หนูคิดว่ามันปัจเจกสุดๆ ว่าบางทีเขาแบบคนพิการเข้มแข็ง มันก็อาจจะโอเคเข้าถึงได้”
นอกจากนี้หนูยังเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้ไปใช้บริการพื้นที่สาธารณะในสหรัฐอเมริกา ที่นั่นนับว่าเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ พื้นที่สำหรับผู้คนทุกกลุ่ม ไม่ใช่แค่สวนสาธารณะไว้เดินเล่น แกลเลอรี่อ้อยอิ่งชมงานศิลปะ แม้แต่ยิมออกกำลังกาย ผู้พิการก็สามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในนั้นได้ ไม่ใช่แค่ไปนั่งดูคนอื่นเล่น แต่เข้าไปใช้เครื่องออกกำลังกายได้เช่นกัน เพราะเครื่องเหล่านั้นออกแบบมาเพื่อปรับเปลี่ยนสำหรับผู้พิการได้ด้วย
“อย่างตอนไปที่อเมริกา ตอนเขาบอกว่าจะพาไปยิม เราก็แบบคนพิการไปยิมหรอ สมมุติว่าเราเห็นเครื่องออกกําลังกาย ยกน้ําหนัก ปกติมันก็จะเป็นเหมือนเบาะนอนข้างล่าง แล้วก็ข้างบนก็จะเป็นที่ยกน้ําหนัก คือเราสามารถเอาเบาะนอนออกได้ ด้วยมือเดียวแบบไม่ได้หนักหนาอะไร คือไม่ต้องรอให้เทรนเนอร์มายกให้ คนพิการสามารถแบบยกขึ้นแล้วก็เหวี่ยงมันออกไป เราก็สามารถเอาวีลแชร์เข้าไปเสียบแทนแล้วเราก็ยกน้ําหนักได้ เอ้าทําได้นี่หว่า ภาพนี้มันไม่เคยอยู่ในอยู่ในจินตนาการของเราเลยว่าคนพิการคนหนึ่ง ถ้าเราจะไปออกกําลังกายปกติทํายังไง”
“ความรู้สึกของเรามันที่มัน inclusive
แล้วมันรู้สึกว่าไม่ต้องมีใครมามองว่า
เรามานั่งทําอะไรอยู่ตรงนี้มันเป็นอย่างงี้”
เราพูดคุยถึงยิมที่น่านั้นอีกสักพัก จึงเข้าใจว่านั่นคือยิมที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่รัฐจัดไว้ให้ พื้นที่สาธารณะของเขาไม่ใช่แค่อนุญาตให้คนพิการเข้าไปได้ แต่เป็นที่ที่คนพิการสามารถร่วมกิจกรรมกับคนทั่วไปได้ปกติ ไม่ต้องอยู่ในพื้นที่พิเศษ ไม่มีสายตาจับจ้อง จนนำมาสู่การพูดคุยถึงเรื่องความเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ยังขาดหายไปจากพื้นที่สาธารณะของไทย
“พอกลับเอาสิ่งนี้กลับมามองที่ไทย การเข้าการเข้าถึงได้ที่เราคุยกันไปในตอนต้น มันก็อาจมาจากมุมมองของคนส่วนใหญ่ที่เขาสามารถปฏิบัติใช้ชีวิตได้ปกติ แล้วเขามองว่าแบบแบบนี้แหละเข้าถึงได้แล้ว แต่ว่ามันก็อาจจะยังไม่ครอบคลุมทุกคน
หลายๆ ครั้ง คนคิดว่าเข้าได้คือเข้าได้จบ แต่พอเข้ามาคุณไม่สามารถมีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่ชุมชนทำอยู่ได้เลย สำหรับเรามันไม่ใช่การเข้าถึงที่สมบูรณ์ การมีส่วนร่วมทางสังคม คือเราต้องสามารถบ่งบอกความต้องการของตัวเองได้ ว่าฉันอยากจะทําอะไร เช่น หาฉันอยากจะไปยกน้ําหนัก ฉันอยากจะไปอ่านหนังสือที่นี่ตรงนี้โต๊ะตัวนี้ ไม่ใช่ว่าต้องมีคนมาบอกว่าคนพิการคุณต้องนั่งเก้าอี้ตัวนี้เท่านั้นเท่านั้นนะ คุณห้ามไปนั่งโต๊ะตัวอื่น ต้องนั่งในที่ที่จัดแจงไว้ให้เท่านั้น
เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไปอยู่ที่อื่น หรือว่าเราไปอยู่ตรงอื่นเขาจะเขาจะมองว่า เราไม่เชื่อฟังหรอ ทําไมไม่อยู่ในกฎระเบียบที่เขาตั้งเอาไว้ เลยคิดว่าประเทศไทยต้องยกระดับเรื่องการเข้าถึง นอกจากแค่เข้าถึงได้ มันจะต้องสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างเท่าเทียมกับคนอื่นด้วย”
“มันควรคิดไว้ในใจเสมอว่า
สิ่งที่คุณจัดให้ ถ้าไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
นั่นไม่ใช่การมีส่วนร่วมแบบเท่าเทียม”
อีกพื้นที่สาธารณะที่เราสนใจอยากพูดคุยคือ ห้องสมุด พื้นที่แห่งการเรียนรู้ แหล่งความรู้ หรือแม้แต่พื้นที่หย่อนใจสำหรับใครที่อยากใช้เวลาเงียบเชียบไปกับการอ่านหนังสือเล่มโปรดสักเล่ม ทำการบ้าน ทำงาน
เรามักพูดกันว่าทุกคนสามารถใช้ห้องสมุดได้ อยู่ที่ใครจะปลุกตัวเองลุกไปบ้าง แต่กับใครบางคนการเข้าไปเอง อาจเป็นอุปสรรคที่สูงเกินกว่าจะก้าวผ่านได้จริงๆ ห้องสมุดที่ไม่มีทางลาด ประตูไม่กว้างพอสำหรับวีลแชร์ พื้นที่เงียบที่ไม่มีหนังสือเสียง ล้วนเป็นเครื่องย้ำว่าที่แห่งนี้อาจไม่สะดวกสำหรับทุกคน
แล้วหน้าตาห้องสมุดหรือพื้นที่สาธารณะที่เฟรนด์ลี่กับผู้พิการ จะมีหน้าตาแบบไหน จุดไหนที่ควรใส่ใจมากขึ้นบ้าง?
“เบื้องต้นนะ ต้องเข้าถึงได้ คนอาจจะมองว่า เป็นแค่เรื่องของการมีลิฟต์หรือว่าการมีทางลาดใช่ไหม แต่ว่าถ้าพูดกันตามตรงแล้ว ต่อให้มีประตูใหญ่พอที่หนูจะเข้าได้ หรือว่ามีทางลาดที่หนูจะเข้าได้แต่พอเราเข้าไปถึงข้างในแล้ว ข้างในมันอาจจะไม่ได้เอื้อให้ใช้งาน
เช่น ชั้นหนังสือทุกชั้นเป็นชั้นที่สูงหมดเลย เป็นชั้นที่อยู่ในระดับต้องยืนหยิบ หรืออีกกรณีก็คือแคบมาก ระยะห่างของแต่ละชั้น โดยเฉพาะห้องสมุดมหาวิทยาลัย เราจะเห็นว่ามันจะติดกันเลย แล้วเราต้องไปไขมันออกมา เพื่อให้มันกว้างขึ้น
พอเราจะหยิบหนังสือ เราก็จําเป็นจะต้องหมุนไอ้ตัวชั้นให้มันให้มันขยายออกมา ซึ่งหนูคิดว่าอะไรแบบนี้เป็นอะไรที่คนนั่งวีลแชร์ทําลําบากมากมาก หรือแม้แต่คนพิการประเภทอื่นหนูก็คิดว่ามันทําลําบาก คือเราไม่สามารถทําสิ่งนั้นได้ด้วยตัวเอง คือถ้าเราเข้าไปเมื่อไหร่ จําเป็นต้องขอความช่วยเหลือ
เราก็คิดว่ามันก็น่าจะมีคนเต็มใจช่วยแหละ แต่ว่าในความรู้สึกของเรา ถ้าเกิดทุกวันที่เราต้องไป แล้วเราต้องขอความช่วยเหลือแบบนั้น มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทํา เราก็อยากจะช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด
ปัจจุบันคนพิการไปห้องสมุดที หรือว่าไปเข้าใช้พื้นที่สาธารณะ มันดูเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ต้องให้เจ้าหน้าที่มาเปิดประตูให้นะ ทําให้มันดูแบบเอิกเริก สิ่งที่เราคิดว่าอยากได้เลยคือการใช้งานที่มันเรียบง่าย เหมือนกับคนอื่น”
สมมติมีเพื่อนตาบอดไป เราอาจรู้สึกว่าคนตาบอดไม่เข้าห้องสมุดหรอก เพราะจะไปอ่านหนังสือยังไง แต่ในต่างประเทศมันไปไกลกว่านั้นมากนะ ห้องสมุดมันมีบริการอ่าน มีหนังสือเสียง คนตาบอดเขาก็สามารถทําได้เหมือนกัน ในการที่จะพกคอมฯ ของตัวเองเข้าไป แล้วก็นั่งทํางานผ่านโปรแกรมอ่านออกเสียงที่เขาใช้อยู่ เราก็คิดว่ามันมีหลายฟังก์ชั่น
เพราะฉะนั้น เราอยากให้การทําห้องสมุดมันคิดมากขึ้นว่าคนที่มาใช้งาน มันมีความหลากหลาย”
ปัญหาสำหรับผู้พิการ ไม่ใช่แค่การออกแบบที่กีดกันพวกเขาออกมาจากพื้นที่เท่านั้น แต่ยังหมายถึงการกีดกันด้วยการไม่ถูกนับรวม เข้าไปมีส่วนร่วมในพื้นที่นั้นได้อย่างคนทั่วไป เมื่อเราทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงพื้นที่สาธารณะได้ พื้นที่สาธารณะจะเปิดกว้างและเติบโตไปพร้อมกับศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ทุกคน