การสั่งไม่ฟ้อง ‘วรยุทธ (บอส) อยู่วิทยา’ จนเจ้าตัวหลุดทุกคดี สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการยุติธรรมไทย
แต่หลายคนที่ไม่ได้ติดตามคดีนี้อย่างละเอียด อาจจะงงๆ กับตัวละครที่เกี่ยวข้องทั้งหมด The MATTER ขอสรุปจักรวาลของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไว้ในโพสต์เดียว เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจของทุกๆ คน
เหตุการณ์โดยสรุป
เวลาราว 05.30 น. ของวันที่ 3 กันยายน ปี 2555 วรยุทธ (บอส) อยู่วิทยา ขับรถยนต์หรูยี่ห้อเฟอร์รารี่ ชนเข้ากับรถจักรยานยนต์ตราโล่ห์ของ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจจราจร สน.ทองหล่อ บนถนนสุขุมวิทขาออก วิ่งไปพระโขนง ระหว่างซอยสุขุมวิท 47 และ 49 แรงชนทำให้ ด.ต.วิเชียรตกจนรถมากระแทกกระจกหน้าของรถยนต์บอส ก่อนตกลงบบนถนน เสียชีวิตทันที ส่วนรถจักรยานยนต์ถูกลากไปจนถึงบริเวณปากซอยสุขุมวิท 49 หลังเกิดเหตุ บอสได้หลบเข้าไปในบ้านพักส่วนตัวในซอยสุขุมวิท 53 ก่อนจะมอบตัวกับตำรวจในวันเดียวกัน
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2020/07/qb-boss-edit.png)
ตัวละครสำคัญ
1.) วรยุทธ (บอส) อยู่วิทยา / หลานผู้ก่อตั้งแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง ‘กระทิงแดง’ / ผู้ต้องหาคดีชนตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี 2555 ภายหลังใช้วิธีประวิงเวลา และหลบหนีคดีไปต่างประเทศ จนหลายข้อหาหมดอายุความ และอัยการสั่งไม่ฟ้องในปี 2563
2.) ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ / ตำรวจจราจร สน.ทองหล่อ (เสียชีวิต) / ถูกรถยนต์ Ferrari ของบอส อยู่วิทยา ชนเสียชีวิต เวลาตีห้าครึ่ง วันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2555 ระหว่างขับรถจักรยานยนต์อยู่บนถนนสุขุมวิทขาออก วิ่งไปพระโขนง ระหว่างซอยสุขุมวิท 47 และ 49
3.) สมัคร เชาวภานันท์ / ทนายความของบอส อยู่วิทยา / อดีต ส.ว.แต่งตั้ง ปี 2551-2554 เคยทำงานใน กมธ.ตำรวจวุฒิสภา ชุดปี 2554-2557 ร่วมกับ พล.ร.อ.ศิษฐวัขร วงษ์สุวรรณ ผู้ยื่นหนังสือขอเลื่อนพบตำรวจให้กับบอส อยู่วิทยา จนบางข้อหาหมดอายุ และยื่นขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุด-กมธ.กฎหมาย สนช. นำไปสู่การเปลี่ยนผลคดี อัยการสั่งไม่ฟ้องในท้ายสุด
4.) พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ / ประธาน กมธ.กฎหมาย สนช. (น้องชายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) / ประธานของคณะกรรมาธิการ ชุดที่มีบทบาทสำคัญ ในการยื่นคำร้องให้อัยการสูงสุดสอบสวนพยานหลักฐานเพิ่มเติม นำไปสู่การเปลี่ยนคำสั่งจาก ‘ฟ้อง’ เป็น ‘ไม่ฟ้อง’
5.) พ.ต.ต.ธนสิทธิ แตงจั่น (ยศขณะนั้น) / ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน / ผู้เปลี่ยนคำให้การ รถยนต์ของบอส อยู่วิทยา เคยวิ่ง 177 กม.ต่อชั่วโมง เหลือ 79 กม.ต่อชั่วโมง
6.) สายประสิทธิ์ เกิดนิยม / ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยยานยนต์ / ให้ความเห็นปี 2560 คำนวณความเร็วรถบอส อยู่วิทยา อยู่ที่ 76 กม.ต่อชั่วโมง ไม่ใช่ 177 กม.ต่อชั่วโมง
7.) พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร, จารุชาติ มาดทอง / ประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ ผู้ออกมาให้ข้อมูลในปี 2560 โดยอ้างว่า ด.ต.วิเชียร เป็นผู้เปลี่ยนเลน ตัดหน้ารถของบอส อยู่วิทยา กระชั้นชิดจนเกิดอุบัติเหตุ และให้ข้อมูลว่า รถ Ferrari น่าจะวิ่งเร็ว 50-60 กม./ชั่วโมงเท่านั้น
8.) เนตร นาคสุข / รองอัยการสูงสุด / ผู้ลงนามในคำสั่งไม่ฟ้องคดีบอส อยู่วิทยา ข้อหา ‘เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย’ ซึ่งเป็นข้อหาสุดท้ายในคดีนี้
9.) พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ / ผู้ช่วย ผบ.ตร. (น้องชายของเนวิน ชิดชอบ) / ผู้ลงนามแทน ผบ.ตร. ไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องบอส อยู่วิทยา ของอัยการ
ข้อกล่าวหา
- เมาแล้วขับ (ไม่ฟ้องตั้งแต่แรก)
- ขับรถเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (หมดอายุความปี 2556)
-
ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหาย (หมดอายุความปี 2556)
-
ชนแล้วหนี ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ (หมดอายุความปี 2560)
-
ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (หมดอายุความปี 2570 แต่อัยการสั่งไม่ฟ้องในปี 2563)
ในทางนิตินัย คำสั่งไม่ฟ้องของอัยการ ถือว่าคดี ‘สิ้นสุดแล้ว’ เว้นแต่มีพยานหลักฐานใหม่ / ครอบครัวผู้เสียหายฟ้องเอง (ซึ่ง ด.ต.วิเชียร ไม่มีลูกและภรรยา ส่วนพ่อแม่ก็เสียชีวิตแล้ว
ดังนั้น การตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบของฝ่ายอัยการ ตำรวจ หรือรัฐบาล ไม่ว่าจะให้เวลาทำงาน 7 วัน 15 วัน หรือ 30 วัน จึงไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงคำสั่งใดๆ ทั้งสิ้น (หากไม่พบพยานหลักฐานใหม่) เป็นเพียงการศึกษาข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมาย และอาจจะมีข้อเสนอแนะบางอย่างเท่านั้น
นี่คือคดีใหญ่ที่สั่นสะเทือนความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมไทยคดีหนึ่ง น่าสนใจว่าผู้เกี่ยวข้องจะกู้คืนความเชื่อมั่น และหาวิธีอุดช่องโหว่นี้อย่างไร
เพื่อให้วลี ‘คุกมีไว้ขังคนจน’ ไม่เป็นจริงในสังคมไทยอีกต่อไป