ที่ผ่านมา work-life balance เป็นปัญหาการทำงานที่ใครๆ ต่างแสวงหาทางออกให้เรื่องนี้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะการทำงานล่วงเวลา การพูดคุยเรื่องงานจนดึกดื่น ไปจนถึงแจ้งเตือนในเวลาส่วนตัว ที่คอยเข้ามานั่งเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตส่วนตัวของเราเสมอ ยิ่งมาตอกย้ำปัญหานี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นในช่วงที่เราต้อง work from home กันถ้วนหน้า เส้นแบ่งเวลางานและชีวิตส่วนตัวช่างเบลอจนแยกแทบไม่ออก แต่ในอีกมุมหนึ่ง มีคนที่ชื่นชอบการทำงานไปเที่ยวไป โดยไม่ได้สนใจ work-life balance สักเท่าไหร่นัก
หลังจากที่ทั้งโลกต้องปรับรูปแบบการทำงานพร้อมกันยกใหญ่ด้วยการทำงานที่บ้านไปแล้วในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 รูปแบบการทำงานหลายอย่างจึงถูกนำมาทบทวนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการประชุมที่ยืดเยื้อ จำนวนวันที่เข้าไปนั่งในออฟฟิศ ไปจนถึงการตั้งคำถามว่าออฟฟิศยังจำเป็นอยู่ไหม? และ ‘Workcation’ เป็นอีกรูปแบบการทำงานใหม่ๆ ที่เราได้เห็นกัน เป็นการทำงานแบบเปลี่ยนสถานที่ได้ตามใจฉัน คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็น work from anywhere แต่จุดที่แตกต่าง คือ Workcation การทำงานแบบย้ายสถานที่ไปยังสถานที่ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ท่องเที่ยวแทน ทำงานไปเที่ยวไป อิงแอบอยู่กับธรรมชาติ หรืออยากจะชิลในโรงแรมแสนสบาย โดยทั้งหมดนี้อยู่ในเวลางาน workday ของเรา
แม้ในตอนแรกอาจจะฟังดูชวนเกาหัว อยากจะปรับ work-life balance กันแทบตาย แต่ทำไมถึงเอางานมาเที่ยวไปกับเราด้วยนะ นั่นเพราะการทำงานไปเที่ยวไปนี้ อยู่ในเวลางานของเราด้วย แม้เราจะได้อยู่ในสถานที่ที่ให้ความรู้สึก vacation แต่ยังนับเป็นวันทำงาน และเรายังต้องโฟกัสกับงานอยู่นั่นเอง จึงไม่รู้สึกว่าเราถูกช่วงชิงเวลาส่วนตัว เวลาพักผ่อน ไปตอนไหนเลย (นอกจากเราจะทำงานเกินเวลาเสียเอง) Workcation จึงเหมือนเป็นวิธีที่ทำให้เราหลีกหนีจากบรรยากาศเดิมๆ ของออฟฟิศ หรือสถานที่ที่เรานั่งทำงานบ่อยๆ มากกว่าการหลีกหนีงานทั้งหมดเหมือนกับ vacation
เปลี่ยนบรรยากาศแล้วดียังไง?
The American Society of Interior Designers พบว่า สภาพแวดล้อมในออฟฟิศ เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพงานและความพึงพอใจของคนในออฟฟิศ ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ด้วยสามัญสำนึกเช่นกัน สอดคล้องกับ Fellowes Workplace Wellness Trend รายงานว่ากว่า 92% ของพนักงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเนี่ย ยินดีที่จะอยู่ออฟฟิศนานขึ้นแบบไม่อิดออดเลย ถ้าที่ออฟฟิศของพวกเขา มีสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับสุขภาพให้ อย่างเก้าอี้ที่เหมาะกับการทำงาน ฟิตเนส และพื้นที่ให้พวกเขาได้ยืดเส้นยืดสาย
เห็นได้ว่า สภาพแวดล้อมนั้นส่งผลกับการทำงานและความพึงพอใจของพนักงานขนาดไหน ใครๆ ต่างก็อยากได้สภาพแวดล้อมดีๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นระเบียบ ไม่มีอะไรรกหูรกตา เมื่อมานั่งทำงานท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการทำงาน สภาพแวดล้อมที่ทำให้เราพึงพอใจ ความโปรดักทีฟมันจะหายไปไหนได้
การได้ไปในสถานที่ที่เราเลือกเอง เพื่อหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ จึงเป็นอีกวิธีที่เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน งานวิจัยในหัวข้อ ‘Psychological Perceptions Matter: Developing the Reactions to the Physical Work Environment Scale’ จาก Bond Business School บอกว่า การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมจริงๆ ในที่ทำงาน ไม่ใช่แค่ตกแต่งเพิ่มเติม ย้ายที่นั่งในออฟฟิศเดิม แต่หมายถึงการเปลี่ยนสถานที่ไปเลย โดยเฉพาะสถานที่ที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ จะช่วยลดความฟุ้งซ่านของจิตใจ ลดความเครียด เพิ่มความครีเอทีฟให้กับตัวเอง ได้อีกด้วย
เปลี่ยนแค่ไหนก็อย่าสนุกจนลืมงาน
อย่าลืมว่าการมาเที่ยวครั้งนี้ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆ สร้างความครีเอทีฟให้ตัวเอง งานจึงยังคงเป็นหัวใจหลักของทริปนี้ เรายังคงต้องโฟกัสกับมันอยู่ตลอด และเดดไลน์ก็ไม่ได้หายไปไหน เพราะฉะนั้น การเลือกสถานที่จึงเป็นสิ่งสำคัญของทริปนี้เช่นกัน อย่าลืมเลือกโรงแรมหรือที่พักที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ไม่มีคนพลุกพล่านนัก เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะมีสมาธิกับการทำงานในทุกครั้งที่เราพกคอมพิวเตอร์ไปที่ส่วนกลาง สระว่ายน้ำ หรือมุมไหนในที่พัก
อย่ามัวแต่สนุกกับการท่องเที่ยว จนลืมจัดสรรเวลาให้ดี โดยแบ่งเวลาให้กับการทำงานก่อนเสมอ ไม่อย่างนั้นความครีเอทีฟในการพักผ่อนครั้งนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าหากเราไม่มีวินัยในการทำงาน
เขียนคอนเทนต์นี้จบ ก็อยากจะจองตั๋วขึ้นมาบ้างแล้ว
อ้างอ้างข้อมูลจาก
Bond University Research Portal