หนึ่งในตัวละครระดับพระเอกตลอดกาลของไทยก็คือ ‘ขุนแผน’ แถมยังไม่ใช่พระเอกธรรมดานะครับ ขุนแผนยังเป็นพระเอกประเภท ‘คาสโนว่า’ อีกด้วย
น่าสนใจว่า ในความเป็นคาสโนว่าสารพัดสิ่งอย่าง ขุนแผนกลับไม่ถูกตำหนิติเตียนจากความเป็นไทย ตัวอย่างที่สำคัญอันหนึ่งก็คือ เมื่อยังอายุไม่ถึงเกณฑ์จะบวชเป็นพระ ขุนแผนก็บวชเป็นเณร (แน่ล่ะ จะให้ขุนแผนบวชเป็นแม่ชีหรือยังไง?) และในเมื่อตอนนั้นยังไม่มีศักดินาเป็นขุน แต่ยังใช้ชื่อตัวว่า ‘พลายแก้ว’ พอบวชเณรก็เลยเรียก ‘เณรแก้ว’ ไม่ใช่เณรแผน
ครั้งหนึ่งเณรแก้วเคยเทศน์มหาชาติ แล้วนางเอกอย่าง นางพิมพิลาไลย (นิคเนม : นางพิม) ก็มาฟังเทศน์ แถมฟังไม่ฟังเปล่ายังปลาบปลื้มในรสพระธรรมที่เณรแก้วเทศน์ จนถอดเอาผ้าเปลื้องออกจากตัวแล้วถวายติดกัณฑ์เทศน์ให้กับเณรแก้วเลยทีเดียว
นึกออกไหมครับว่า หญิงไทยสมัยก่อนจะมีผ้าสวมอยู่สักกี่ชิ้นกัน? และก็แน่นอนด้วยว่า นางพิมคงจะไม่ถอดผ้าโจงที่นุ่งห่มเบื้องล่างของเธอแน่
ไม่ว่าที่นางพิมถอดจะเป็นผ้าชิ้นไหนก็ตามที ก็เล่นเอาเณรแก้วของเรากระสับกระส่ายเลยทีเดียว เช้าวันรุ่งขึ้นเณรก็รีบคว้าบาตรแล้วมุ่งตรงเข้าไปในเมืองสุพรรณบุรี เพื่อไปรับบิณฑบาตรที่บ้านของนางพิม ซึ่งก็เล่นเอาเขินเพราะนางเองก็ดูจะมีใจอยู่เหมือนกันเหอะ
แต่เณรแก้วคนดีของเรานี่สิครับ ไปรับบิณฑบาตรบ้านเขาแล้วยังไม่รับเปล่าๆ แต่ยัง ‘…ประสิทธิ์วิทยา เป่ามหาลมละลวยประสมนาง บันดาลซ่านเสียวสวาดิพิม…’ ใส่นางพิมมันเสียอย่างนั้น เล่นเอานางพิม ‘…กำเริบใจหวั่นไหวให้ปั่นป่วน…’ ขึ้นมาเหมือนกัน
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้นางพิมไม่ได้เป็นคนลงมาใส่บาตรเองกับมือนะครับ นางเห็นเณรมาแล้วก็เขิน เลยให้พี่เลี้ยงคือ นางสายทอง ลงมาใส่บาตรให้แทน แต่ก็เป็นเพราะอย่างนี้แหละ เณรแก้วเลยมีโอกาสดึงตัวนางสายทองเข้าไว้เป็นพวก แล้วยังเกี้ยวใส่นางสายทองเข้าด้วยอีกคนอีกต่างหาก
หลังจากนั้นแค่ไม่กี่วัน เณรแก้วก็สึกจนกลายเป็น พลายแก้ว แล้วรอให้ฟ้ามืดลงอีกนิดค่อยไปแอบปีนขึ้นบ้านของนางพิม แต่ก่อนที่จะเข้าห้องนางพิมก็แวะ ‘เก็บเวล’ ที่ห้องนางสายทองพี่เลี้ยงก่อน แล้วจึงค่อยเข้าห้องของนางพิม ซึ่งผมคงไม่ต้องบอกใช่ไหมครับว่าเขาเข้าไปทำอะไรกัน?
แน่นอนว่า นอกจากทั้งนางพิมและนางสายทองจะไม่ท้อง แถมหลังจากนั้นพลายแก้วก็รีบแต่งงานกับนางพิมอย่างรวดเร็ว แต่มันก็คือการมีอะไรก่อนแต่งงานอยู่ดีนะครับ มีทั้งเป่ามนต์มหาละลวยให้สาวหลง แอบปีนขึ้นบ้านผู้อื่นในยามวิกาล แถมเป็นกิ๊กกับพี่เลี้ยงของนางพิมอีกต่างหาก (แน่นอนอีกเช่นกันว่าพลายแก้วแต่งงานกับเฉพาะนางพิม และผมไม่เห็นเคยมีใครที่ไหนเรียกร้องให้กับนางสายทอง?)
วีรกรรมต่างๆ เหล่านี้ ไม่เห็นเคยมีใครวิจารณ์ว่า พลายแก้ว หรือขุนแผน ทำอะไรไม่ดีกับนางพิมเลย กลับเห็นเป็นเรื่องดี เป็นสิ่งวิเศษ อย่างน้อยก็วิเศษมากพอที่จะทำให้ ‘พระขุนแผน’ ซึ่งที่เป็นพระเครื่องที่มีคุณ (?) ในแง่ง่ามของความมีเสน่ห์ ชวนให้สาวรักสาวหลงเลยก็แล้วกัน
ชะตากรรมต่างๆ เช่นเดียวกันนี้กับไม่เกิดกับ ‘นางพิม’ ซึ่งต่อมาถูกขุนช้างหลอกให้แต่งงานด้วย แล้วก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘นางวันทอง’ ในภายหลัง นางวันทองเดียวกันวลีที่ว่า ‘วันทองสองผัว’ ที่มีความหมายไปในเชิงดูถูกว่าเป็นผู้หญิงที่ร่านแรดนั่นแหละนะครับ ทั้งๆ ที่นางพิมถูกขุนช้างหลอกเอาทำเมีย ส่วนขุนแผนที่ได้ทั้งนางพิม และนางสายทองในคืนเดียวกัน กลับกลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์ไปเสียนี่?
แต่วีรกรรมของขุนแผนไม่ได้มีอยู่เพียงเท่านั้น (ถ้าทั้งชีวิตของขุนแผนมีเพียงแค่นางพิม กับนางสายทอง จะเรียกว่าเป็นพระเอกประเภท คาสโนว่า ได้ยังไงกัน?) ผู้หญิงอีกคนในชีวิตของขุนแผนคือ นางบัวคลี่ ซึ่งก็อยู่กินกันจนนางบัวคลี่มีลูกน้อยๆ อยู่ในท้องให้กับขุนแผนเลยทีเดียว
เรื่องคงจะไม่มีอะไรให้พูดถึง ถ้านางบัวคลี่ไม่วางแผนร่วมกับพ่อของตนเองคือหมื่นหาญ ว่าจะวางยาพิษฆ่าขุนแผน แต่ขุนแผนของเรานี่ระดับไหนแล้วครับ? คาสโนว่าฆ่าไม่ตายระดับนี้ ต้องเลี้ยงโหงพรายเอาไว้กับตัว และก็เป็นโหงพรายที่ว่านั่นแหละที่มากระซิบเตือนภัยขุนแผนว่า อย่าไปกินอาหารวางยาพิษที่นางบัวคลี่จัดหามาให้
ถ้าใครเป็นขุนแผนก็คงปวดใจมากเหมือนกันทั้งนั้น คืนนั้นเมื่อนางบัวคลี่หลับ ขุนแผนถึงกับรำพึงถึงนางบัวคลี่ออกมาดังๆ ว่า ‘…ไม่รู้เลยว่าร่างมันร้างใจ…’
และเมื่อหล่นคำคมหล่อๆ ออกมาแล้ว ขุนแผนก็จัดการหยิบเอามีดขึ้นมาผ่าท้องนางบัวคลี่ ก่อนที่จะหยิบเอาเด็กทารกในท้อง (ซึ่งก็คือลูกของขุนแผนเองนั่นแหละ!) ออกไปกระทำความปิ้งย่าง ไม่ใช่ที่ร้านหมูกระทะ แต่เป็นในพระอุโบสถยามค่ำคืน (สำหรับชาวพุทธแบบไทยๆ จะมีที่ไหนศักดิ์สิทธิ์ไปกว่าพระอุโบสถ ในวัดกันอีกล่ะครับ) เพื่อเอาลูกของตนเองนั่นแหละ มาปลุกเสกเป็น ‘กุมารทอง’
ไม่ต้องสืบเลยนะครับว่า ครั้งหนึ่งผู้ที่อ้างตนว่าจอมขมังเวทย์ในยุคร่วมสมัยกับปัจจุบันอย่าง เณรแอ เอาตัวอย่างการย่างเด็กทารกเพื่อปลุกเสกเป็นกุมารทองมาจากไหน? ส่วนในกรณีขุนแผนจะเรียกว่า ‘ทำแท้ง’ ได้หรือเปล่าไม่รู้? แต่ฆาตกรรมนางบัวคลี่ (และบวกลูกในท้องเข้าอีกหนึ่ง) นี่ใช่แน่ๆ และก็ไม่เห็นเคยมีใครออกมาโวยวายปกป้องสิทธิ์ที่จะมีชีวิตให้กับน้องกุมารที่โดนปิ้งย่างคนนั้น