1.
“แค่ทำตัวดีๆ แล้วคุณจะปลอดภัย เชื่อผมสิ ผมทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นๆ มาหลายครั้งแล้ว”
13 มิถุนายน ค.ศ.1983 ชายคนหนึ่งขับรถกระบะสีขาวไปตามถนนในรัฐอลาสก้า สหรัฐอเมริกา ช่วงเวลานั้น เป็นยุครุ่งเรืองของดินแดนที่ปกคลุมด้วยความหนาวเย็นและขาวโพลนแห่งหิมะ มีการสร้างท่อส่งแก๊ส ผู้คนอพยพทำงาน แรงงาน โสเภณี คลับเปลื้องผ้า คนเลวและคนดีปะปนไปทั่วรัฐนี้
ชายคนดังกล่าวขับรถอย่างเอื่อยเฉื่อย 2 ข้างทางเป็นป่า บรรยากาศดูมัวหมอง วิทยุรายงานข่าวปกติ ในช่วงที่ผ่านมามีการพบร่างหญิงสาวเสียชีวิตในสภาพเปลือยกาย มีร่องรอยข่มขืน ถูกยิงด้วยกระสุนปืนแบบล่าสัตว์ แต่ในดินแดนกว้างใหญ่และมีคนแปลกหน้ามาหางานทำ มันเป็นเรื่องปกติที่จะพบความตายนิรนามนี้
เสี้ยววินาทีขณะครุ่นคิด เขาชะลอรถลง เมื่อมีบางอย่างโผล่จากข้างทาง เขาชะงัก แต่ไม่ได้หยุดรถ จนเมื่อสังเกตดีๆ สิ่งที่โผล่ออกมาคือร่างหญิงสาว วัยน่าจะไม่ถึง 20 ปี
เธอถูกใส่กุญแจมือ สภาพร่างกายบอบช้ำ ไม่สวมรองเท้า มีเสียงกรีดร้องออกมา เพื่อขอความช่วยเหลือ ชายหนุ่มมองเข้าไปในป่า เขาเห็นบางคนยืนอยู่ในนั้น ทีแรกก็คิดว่ามันเป็นแผนลวงปล้นฆ่าหรือไม่ จึงไม่ได้เบรกรถ และเตรียมจะขับผ่านไป
แต่กุญแจมือที่รัดข้อมือหญิงสาวไพล่หลัง พร้อมท่าทางของเธอ ทำให้เขาตัดสินใจชะลอรถ และรับตัวเธอขึ้นมา ขณะนั้นบางคนที่อยู่ในป่า หายไปแล้ว
“ช่วยฉันด้วย มีคนพยายามจะฆ่าฉัน”
เขาขับรถพาเธอไปส่งยังโรงแรมม่านรูด ที่ซึ่งเธอโทร.หาแมงดาให้มารับตัว ก่อนจะโทร.แจ้งตำรวจ และพาตัวส่งโรงพยาบาล สายตรวจรับแจ้งข้อมูลคร่าวๆ โสเภณีวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น เธอถูกรับตัวโดยลูกค้า และถูกลักพาตัวไปข่มขืน
ทีแรกเหล่านักสืบไม่ค่อยเชื่อคำให้การของเธอ ผ่านไป 1 เดือน หญิงสาวได้รับการรักษาและฟื้นฟูจิตใจ กว่าจะเปิดปากเล่าเรื่องราวทั้งหมดได้
คราวนี้ตำรวจอ้าปากค้าง
ปีศาจอยู่รอบตัวพวกเรานี่เอง
2.
หญิงสาวบอกว่า เธอนัดพบลูกค้าชาย ที่ลานจอดรถแห่งหนึ่ง เขาขอให้เธอทำออรัลเซ็กซ์ โดยจะให้เงิน 200 ดอลลาร์ มันเป็นเงินที่มากโข เธอจึงยอมทำตาม
โสเภณีรายนี้หนีออกจากบ้าน ตั้งแต่เด็ก ระหกระเหินเร่ร่อน จนได้มาเจอแมงดา และพาตัวเธอเข้าสู่โลกแห่งการค้ากาม ขณะที่เธอกำลังทำให้ลูกค้ารายนี้ เขาแสดงท่าทีพึงพอใจ รวบผมและสร้อยคอเธอไว้ ทีแรกหญิงสาวคิดว่าเขาแค่มีอารมณ์
แต่เพียงชั่วพริบตา เขากระตุกผมและสร้อยรัดคอเธอ ก่อนจะเอาปืนจ่อ เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็เอากุญแจมือรัดเธอไว้ แล้วขับรถออกไป มุ่งหน้าสู่บ้านพัก เหยื่อสาวไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน เขาจับเธอมัด เอาโซ่ล่ามคอ และลงมือข่มขืนอย่างรุนแรง เขาขังโสเภณีรายนี้ไว้ในห้องใต้ดิน ไร้ซึ่งโอกาสจะหนี แม้แต่เสียงกรีดร้องก็ไม่มีใครได้ยิน
วันหนึ่งผ่านไป เขาบอกจะพาเธอไปสถานที่ห่างไกล โดยขู่ว่า
“ถ้าทำตัวดีๆ คุณจะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย”
แต่เหยื่อรู้ดีว่า ถ้าออกจากบ้านหลังนี้ไป จะต้องตายแน่ๆ เขาต้องฆ่าเราอย่างแน่นอน
แผนการหนีจึงคิดขึ้นตลอดเวลา แม้จะยังไม่สบโอกาส เพราะเธอถูกใส่กุญแจมือไว้อย่างแน่นหนา อย่างไรก็ดีดูเหมือนโชคชะตาจะเป็นใจ ชายหนุ่มสุดโหดขับรถไปที่สนามบิน ขับไปที่โรงจอดเครื่องบิน ขณะกำลังขนข้าวของขึ้นเครื่องลำเล็ก เหยื่อก็ตัดสินใจในชะตาชีวิตของตัวเอง ลงจากรถ และวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต วิ่งอย่างสุดใจเท่าที่จะทำได้ จนไปพบรถกระบะ
ตลอดชีวิตของเธอ ในวัยเพียง 18 ปี ผ่านไปหลายสิบปี เมื่อเธอย้อนมองชีวิตตรงนี้ก็สรุปได้ว่า
“ฉันหนีออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก หนีจากแมงดาชั่วๆ และครั้งนี้ฉันก็หนีจากฆาตกรต่อเนื่อง”
3.
เมื่อตำรวจนำเรื่องราวมาปะติดปะต่อ แล้วครุ่นคิด เรื่องเล่านี้ยากจะเชื่อว่าเป็นจริง บางทีเธอแค่อยากหนีจากแมงดา จึงแต่งเรื่องขึ้น หรือบางทีเธออาจจะหนีจากปีศาจจริงๆ
ตำรวจรวบรวมข้อมูลในรัฐอลาสก้า มีร่างหญิงสาวถูกฆ่าทิ้งริมทางเป็นจำนวนมาก แต่มันจะเป็นฝีมือของฆาตกรต่อเนื่องหรือ บางทีพวกเธออาจถูกข่มขืน อาจถูกฆ่าชิงทรัพย์เท่านั้นเอง
ชีวิตของคนเหล่านี้ราคาถูกเกินกว่าจะมีคนในสังคมสนใจ เรื่องราวของเหยื่อวัย 18 ปีก็เช่นกัน บางทีเธออาจถูกชิงทรัพย์และหนีจากคนร้ายเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ดีชุดสืบสวนตัดสินใจเชื่อเธอ เมื่ออาการทางกายและทางใจทุเลาลง ตำรวจก็ลงมือสอบปากคำอย่างละเอียด พยานคนนี้ค่อยๆ เล่ารายละเอียดรถ จุดเกิดเหตุที่พบหน้าลูกค้าชาย แม้บ้านพักที่เขาลักพาตัว เหยื่อจะจำไม่ได้ แต่เธอก็เล่ารายละเอียดภายในบ้านได้อย่างชัดแจ้ง
มันมีหัวสัตว์ที่ถูกล่ามาสตาฟเก็บไว้ บ้านของเขามีปืนยาวมากมาย นักสืบฟังแล้วจด แต่ในรัฐอลาสก้าแห่งนี้ มันก็เหมือนการงมเข็มในมหาสมุทร บ้านแบบนี้มีอยู่ไปทั่วทั้งนั้นแหละ
เจ้าหน้าที่เปลี่ยนแนวทางการสืบสวน พาเธอไปสนามบิน ขับพาไปดูโรงจอดที่เธอหนีออกมาได้ ในที่สุดเหยื่อก็ชี้และระบุรูปพรรณเครื่องบินเล็กออกมา
ตำรวจเรียกตัวคนดูแลอู่จอดเครื่องบินมาสอบสวน หาคนเช่าในช่วงเวลานั้น หาเจ้าของเครื่องบินลำที่หญิงสาวระบุ ในที่สุดพวกเขาก็พบชื่อหนึ่งปรากฏขึ้น นักสืบขมวดคิ้ว จะเป็นไปได้เหรอ
เจ้าของเครื่องบินต้องสงสัยว่าลักพาตัวโสเภณีสาวมานั้น ชื่อว่า โรเบิร์ต แฮนเซ่น (Robert Hansen) เจ้าของร้านขายขนม ชายขี้อาย ท่าทางใจดี ที่ตำรวจชอบไปซื้อโดนัทมากินเป็นประจำ
ช่วงเวลานั้น นักสืบชั่งใจ ระหว่างโสเภณีที่หนีออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ผู้เผยว่าตัวเองถูกลักพาตัว ถูกข่มขืนทรมาน กับนักธุรกิจที่ทำงานในชุมชน เป็นที่เคารพ ชอบไปโบสถ์ นิสัยดี ร่ำรวยพอประมาณ แถมทำขนมอร่อย
ระหว่างสองฝ่าย เราควรจะเชื่อใครดี
เหล่านักสืบเริ่มการทำงานอย่างเรียบง่าย พวกเขาดูประวัติของโรเบิร์ตย้อนหลัง ชายหนุ่มมีครอบครัว มีลูก 2 คน แต่ประวัติการถูกจับกุมมันช่างน่าสงสัย เขาเคยโดนจับในข้อหาข่มขืนผู้หญิง 3 ครั้งในรอบ 12 ปี แต่ศาลลงโทษเขาไม่หนักหนามากนัก
แต่เมื่อเริ่มแล้วก็ไปต่อให้สุด ตำรวจตัดสินใจพาเหยื่อไปตามที่อยู่ ซึ่งโรเบิร์ตต้องระบุไว้ ขณะเช่าโรงเก็บเครื่องบิน เมื่อหญิงสาวไปถึงหน้าบ้าน เธอก็ยืนยันว่านี่คือหลังที่ถูกลักพาตัวมาขังไว้
ตำรวจรวบรวมหลักฐาน ไม่รู้ว่าสิ่งที่โสเภณีพูดจะเป็นจริงหรือไม่ แต่พวกเขาก็ลองดูสักตั้ง จึงขอหมายค้นจากศาล แล้วบุกเข้าบ้านหลังดังกล่าว พวกเขาพบหัวสัตว์ที่ถูกสตาฟไว้ รวมถึงปืนยาว ซึ่งเป็นปกติของคนแถวนี้ที่ชอบล่าสัตว์
แต่ที่หัวเตียงนอน มันมีแผนที่ของรัฐอลาสก้า มีการปักหมุดอะไรบางอย่างไว้ ตำรวจนำไปตรวจสอบ พบว่าหมุดที่ถูกปักนั้น มีหลายจุดที่เจ้าหน้าที่ยังงงว่าหมายถึงอะไร แต่มีบางหมุดที่เป็นจุดซึ่งตำรวจพบศพหญิงสาวถูกฆ่า เมื่อค้นบ้านพักอย่างละเอียด พวกเขาก็พบข้าวของทรัพย์สินของผู้หญิง ซึ่งแฮนเซ่นเก็บไว้ที่บ้าน รวมถึงเงินและแหวนของโสเภณีหญิงที่รอดชีวิตด้วย
เจ้าหน้าที่พาตัวโรเบิร์ต แฮนเซ่นไปสอบสวนทันที ทีแรกเขาปฏิเสธ แต่เมื่อตำรวจเค้นหนัก พร้อมนำหลักฐานมาวางไว้ตรงหน้า เจ้าของร้านขายขนม ชายท่าทางใจดีมองหลักฐาน และสบตาเจ้าหน้าที่
“ตอนนั้นเอง ขนตรงท้ายทอยเขาลุกชัน หน้าและคอเขาแดง จากเจ้าของร้านนิสัยดี เขาค่อยๆ แปรเปลี่ยนตัวเองเป็นนักฆ่า ในที่สุดแฮนเซ่นก็รับสารภาพว่าได้ฆาตกรรมหญิงสาว เขาพูดอย่างมีชีวิตชีวา พวกเราต่างตกตะลึงที่ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงนี้”
4.
โรเบิร์ต แฮนเซ่นเป็นลูกผู้อพยพจากเดนมาร์ก เดิมอาศัยในรัฐไอโอวา ครอบครัวเก่งเรื่องทำขนมอย่างมาก ชีวิตวัยเด็กของเขา อยู่ภายใต้การครอบงำที่เคร่งครัดของแม่ รูปร่างเล็กถูกรังแก และมีปัญหาในการเข้าสังคม เพื่อนทุกเพศในวัยเดียวกันมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ เด็กน้อยจึงเก็บตัวและเอาดีทางการล่าสัตว์ ซึ่งจะเป็นความชำนาญที่เขาเอาไปใช้ล่าคน
ก่อนจบการศึกษา เขาก็ก่อเรื่องเผาโรงเก็บรถบัสของโรงเรียน จนถูกตัดสินจำคุก 3 ปี แต่ติดอยู่ 20 เดือนเท่านั้น ก่อนย้ายมาอลาสก้า โดยช่วงเวลานั้น เขาก่อเหตุลักขโมย และเคยถูกจับในข้อหาข่มขืนผู้หญิง แต่เจ้าหน้าที่ไม่เคยสนใจเขาเลย เพราะเมื่อย้ายมารัฐนี้ โรเบิร์ตเปิดร้านขายขนมสุดอร่อย แต่งงานมีลูก หน้าที่การงานมั่นคง ชีวิตดี ร่ำรวย จนซื้อบ้านไว้ห่างไกลผู้คนเพื่อใช้ล่าสัตว์ ซื้อเครื่องบินลำเล็กไว้ขับเล่นได้
อย่างไรก็ดีชีวิตแสนดีเป็นเพียงฉากหน้า ซ่อนความเหี้ยมเกรียมไว้เบื้องหลัง ชีวิตอีกโลกที่ไม่มีใครรู้ โรเบิร์ตมีปมกับผู้หญิง เขาเลือกโสเภณีหรือนักเต้นเปลื้องผ้าเป็นเหยื่อ ทีแรกเขาเล็งผู้หญิงปกติไว้ แต่หากก่อเหตุแบบนั้น โรเบิร์ตคงจะไม่รอด แต่หากเลือก 2 อาชีพนี้ที่มีเกลื่อนในเมือง ตำรวจและสังคมคงไม่สนใจ
เหยื่อรายแรก คือโสเภณีวัย 20 ปี เขาเรียกเธอขึ้นรถ เอาปืนจี้ลงมือข่มขืน ระหว่างนั้นเธอพยายามจะหนี เขาเจอมีดในกระเป๋าเหยื่อ จึงแทงเข้าที่ข้างหลังก่อนเอาไปทิ้ง ผ่านไปเกือบ 20 กว่าปี จึงมีคนพบศพ แต่เฮนเซ่นไม่รับสารภาพ เพียงเพราะเขาจำเธอไม่ได้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
“ชื่อผมยังไม่รู้จักเลย”
การลวงโสเภณี หรือนักเต้นเปลื้องผ้าขึ้นรถ แล้วเอาปืนจี้ พาตัวไปบ้านเพื่อข่มขืน หลายครั้งเขามัดเหยื่อพาขึ้นเครื่องบินไปอยู่บ้านที่ไว้ใช้ล่าสัตว์ ก่อนลงมือข่มขืนอีกรอบ จากนั้น เขาจะปล่อยพวกเธอกลับ ในสภาพเปลือยกาย วินาทีนั้นโรเบิร์ตจะควงปืนล่าสัตว์และออกค้นหาเหยื่อ ก่อนยิงทิ้งอย่างหฤหรรษ์ สนุกที่ได้ล่าคน ซึ่งมันกว่าการล่าสัตว์เป็นไหนๆ
ชายหนุ่มรับสารภาพว่าฆ่าหญิงสาวไป 17 ศพด้วยกัน ตามหมุดที่ปักไว้ในแผนที่ซึ่งพบในบ้าน นอกจากนี้โรเบิร์ตยังบอกว่าเขาได้ข่มขืนผู้หญิงเฉยๆ ไปกว่า 30 ราย หลายคนถูกขู่ว่าหากแจ้งตำรวจ จะถูกฆ่าด้วย
การก่อเหตุสะเทือนขวัญของชายคนนี้ สร้างความตื่นตะลึงไปทั้งอเมริกา สื่อมวลชนตั้งฉายาให้เขาว่าจอมเชือดแห่งร้านขนม นับเป็นฆาตกรต่อเนื่องสุดโหดที่สะเทือนทั้งประเทศ
17 ชีวิตที่สูญเสีย คือหลักฐานของตำรวจ ที่มาจากคำรับสารภาพของแฮนเซ่น แต่ความจริงอีกมุมของพยานโสเภณีที่รอดชีวิต ทำให้คนดีของชุมชนมีความผิดอย่างหนักหน่วง ศาลตัดสินจำคุกเขาถึง 461 ปี และพาตัวไปขังในเรือนจำต่างรัฐ หมดโอกาสที่จะมีชีวิตออกมาข้างนอกอีก
ผ่านไปหลายปีโสเภณีปากเอกของเรา ออกจากวงจรค้ามนุษย์ มีชีวิตสักแห่งในอเมริกา มีครอบครัวมีลูก 3 คน มีชีวิตยืนยาวถึงทุกวันนี้ เมื่อคดีนี้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ หญิงสาวจึงได้ออกมาเล่าเรื่องราวแก่นักแสดงที่จะถ่ายทอดชีวิตเธอ เป็นการส่งต่อความเลวร้ายให้สังคมได้รับรู้ความเหี้ยมโหดของฆาตกรต่อเนื่องรายนี้
“โลกดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ
เมื่อไม่มีคนอย่างโรเบิร์ต แฮนเซ่น”
5.
ฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ติดคุกอย่างยาวนาน ระหว่างนั้นผู้คุมเรือนจำไม่เคยประมาทนักฆ่ารายนี้ วันหนึ่งพวกเขาพบระเบิดทำมือในห้องขังของเขา
“ดีที่เราพบก่อน ไม่อย่างนั้นใครจะรู้ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”
จากเหตุการณ์นี้เจ้าหน้าที่พาเขาไปขังในเรือนจำที่เข้มงวดกว่าเดิม ผ่านไปหลายปี ชายหนุ่มก็โรยรา เขาป่วยตามสังขารแห่งธรรมชาติ และในที่สุดก็เสียชีวิตในเรือนจำจากความชรา เมื่อปี ค.ศ.2014 ด้วยวัย 75 ปี โดยระหว่างต้องโทษนั้น มีการพบร่างหญิงที่ถูกเขาฆ่าอย่างต่อเนื่อง แฮนเซ่นถูกพาตัวไปให้การ ปิดคดีคนหายได้มากมาย
และเชื่อว่าน่าจะมีอีกหลายศพที่ถูกชายคนนี้ฆ่า
ผู้ช่วยอัยการที่ดำเนินคดีนี้ บอกว่าโรเบิร์ต แฮนเซ่นไม่เคยสำนึกผิด โลกของเขามีเพียงผู้หญิงที่ดีและเลวเท่านั้น เขาแค้นที่ถูกกระทำถูกเมินเฉย จึงลงมือกับสตรีที่ถูกสังคมกดขี่เพื่อระบายความเจ็บปวดของตัวเอง
พลันที่รู้ว่าเขาตาย ชุดสืบสวนที่ล่าตัวต่างโล่งใจและบอกว่าสมควรแล้ว
ตอนตัดสินคดีนี้ รัฐอลาสก้าไม่มีโทษประหารชีวิต ทำให้โรเบิร์ตต้องติดคุกอย่างยาวนานแทน แม้จะมีคนวิจารณ์ว่าปีศาจแบบนี้เลี้ยงไว้ในคุกให้เสียภาษีทำไม ยิงทิ้งน่าจะดีกว่า อย่างไรก็ดีผู้ช่วยอัยการที่พาจอมเชือดแห่งร้านขนมเข้าคุกได้สำเร็จบอกไว้ว่า การที่โรเบิร์ตต้องติดคุก ไม่ได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม อากาศดีๆจากรัฐอลาสก้าอีก วันๆ ได้แต่นั่งในคุก ที่ไม่มีอะไรให้มอง มีแต่กลิ่นเหม็นหืน แถมคนรอบตัวก็เลวๆ ทั้งนั้น ผมเชื่อว่าทุกลมหายใจที่เขามีชีวิต จะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ต้องมาอยู่ในที่แบบนี้จนวันตาย
“สำหรับผม นี่คือการลงโทษที่เหมาะสมแล้ว”
ข้อมูลอ้างอิง