เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเดินสยามพารากอน เห็นคนต่อแถวหน้าร้าน Louis Vuitton กันยาวเหยียด ไอ้เราก็นึกว่าต่อแถวซื้อกระเป๋าหลุยส์รุ่น The Masters collection ของ เจฟฟ์ คูนส์ (Jeff Koons) ที่พิมพ์ลายภาพวาดของศิลปินชั้นครูอย่าง ดาวินชี แวนโก๊ะห์ หรือราฟาเอล ก็ทำให้อดรู้สึกไม่ได้ว่าคอแฟชั่นยุคนี้เขารักศิลปะกันจริงอะไรจริงเนาะ!
แต่พออีกวันได้อ่านข่าวเรื่องนี้ ก็เลยกระจ่างแจ้งว่าอันตัวเรานั้นเข้าใจผิดไปเอง จริงๆ ฝูงชนล้นหลามที่เห็นวันนั้นน่ะ เขามาต่อแถวซื้อสินค้าหลุยส์รุ่นใหม่ล่าสุดที่จับมือสตรีทแบรนด์สเก็ตบอร์ดชื่อดังอย่าง Supreme ที่เพิ่งเข้ามาวางขายในบ้านเราหมาดๆ ต่างหากเล่า #เด๋อจริงแกรรร
ซึ่งอันที่จริงก่อนหน้านี้ Louis Vuitton เอง ก็เคยฟ้อง Supreme เกี่ยวกับการหยิบเอาลวดลายโมโนแกรมของหลุยส์ไปใช้ในสินค้าโดยไม้ได้รับอนุญาตมาก่อน แต่วันเวลาผ่านเลยไป ผลประโยชน์ลงตัว สุดท้ายก็เลยมาจูบปากกันได้สินะ!
แล้วจริงๆ ถ้าจะบอกว่ากระเป๋าหลุยส์รุ่น Supreme ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับศิลปะเลยก็ไม่ได้ซะทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้ก็มีผู้สันทัดเคยแซะไว้ เอ้ย! ตั้งข้อสังเกตว่า โลโก้และฟอนต์สีแดงขาวของ แบรนด์สินค้าสเก็ตบอร์ดและเครื่องแต่งกายที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1994 อย่าง Supreme นั้น มันช่างไปละม้ายคล้ายคลึงกับผลงานของศิลปินคอนเซ็ปชวลอาร์ตชาวอเมริกันตัวแม่อย่าง บาร์บารา ครูเกอร์ อยู่ไม่หยอกเหมือนกัน
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2017/07/1-9.png)
en.wikipedia.org
ก็เลยเกิดการเมาท์กันให้แซ่ดว่า เอ? หรือโลโก้ของ Supreme นั้นจะทำการ Appropriated หรือแปลเป็นไทยว่า ‘หยิบฉวย’ เอารูปแบบในงานศิลปะของ บาร์บารา ครูเกอร์ มาใช้หรือเปล่าหว่า? ซึ่งภายหลัง เจมส์ เจบเบีย ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Supreme เองก็ออกมายอมรับว่าได้แรงบันดาลใจมากจากงานของ บาร์บารา ครูเกอร์ จริงๆ นั่นแหละนะ หากแต่ตัวศิลปินเจ้าของงานอย่าง บาร์บารา ครูเกอร์ ก็ไม่ได้ออกมาให้ความเห็นหรือเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บาร์บารา ครูเกอร์ (Barbara Kruger)
ศิลปินคอนเซ็ปชวลชาวอเมริกันผู้เป็นที่รู้จักจากการทำงานศิลปะที่ใช้สโลแกนสั้นๆ แรงๆ กระแทกใจคนอ่าน เขียนเป็นข้อความสีขาวบนพื้นแดงโดดเด่นแตะตา วางบนภาพขาวดำที่เธอหยิบฉวยมาจากนิตยสารและสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ จนดูคล้ายกับป้ายโฆษณา เธอพัฒนาภาษาภาพทางศิลปะขึ้นจากประสบการณ์ในสมัยที่เธอทำงานเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ในนิตยสารอย่าง House and Garden, Mademoiselle, และ Aperture
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2017/07/2-3.jpg)
acca.melbourne
ผลงานของเธอที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ I shop, therefore I am (1987) และ Your body is a battleground (1985) งานศิลปะของบาร์บารา ครูเกอร์ มุ่งเน้นในการวิพากษ์วิจารณ์ลัทธิบริโภคนิยม ความปรารถนาในสังคมสมัยใหม่ เป็นการชำแหละโครงสร้างทางวัฒนธรรมของอำนาจ อัตลักษณ์ของบุคคล สถานะและความเหลื่อมล้ำทางเพศ ผลงานของเธอได้รับการยอมรับจากกลุ่มสตรีนิยมหรือเฟมินิสต์ว่าเป็น ศิลปะแบบเฟมินิสต์
ผลงานศิลปะของเธอมักจะปรากฏอยู่บนพื้นที่สาธารณะหรือบนสื่อต่างๆ ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของคน อย่างป้ายบิลบอร์ด, บนบัตรรถประจำทาง, โปสเตอร์, สวนสาธารณะ, ในชานชาลาสถานีรถไฟ, และพื้นที่สาธารณะต่างๆ เธอยังทำงานศิลปะจัดวางเฉพาะที่ (Site-specific Installation Art) ในรูปแบบของวิดีโอ, ภาพยนตร์, การกระจายเสียง, และการฉายโปรเจ็กเตอร์
อนึ่ง ฟอนต์ตัวหนังสือที่เธอเลือกใช้มักจะเป็นฟ้อนต์ Futura Bold Oblique ตัวหนาเอียง บางทีก็ใช้ฟอนต์ Helvetica Extra Bold ที่มักจะใช้กันบ่อยๆ ในงานโฆษณา
ปัจจุบันเธออาศัยและทำงานอยู่ในนิวยอร์ก และลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2017/07/5-4.jpg)
i-d.vice.com
จนกระทั่งในปี 2013 ที่ Supreme ได้ไปฟ้องร้อง ลีอาห์ แมคสวีนีย์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้าสตรีทสตรี Married to the Mob (MTTM) ที่เอาโลโก้ของ Supreme ไปดัดแปลงในเชิงเสียดสีแดกดันว่า “Supreme Bitch” พิมพ์ลงบนเสื้อยืดและหมวกนั่นแหละ จึงมีนักข่าวหัวใสส่งอีเมลสอบถามความเห็นของครูเกอร์ซึ่งเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิยาลัยโคลัมเบียในเวลานั้น
ซึ่งตัวครูเกอร์เองที่ทำงานศิลปะในเชิงแดกดันและวิพากษ์วิจารณ์ลัทธิทุนนิยมและบริโภคนิยมอย่างแสบสันต์ นั้นก็ไม่ได้ตอบอะไร หากแต่ส่งอีเมลแนบไฟล์เอกสารชื่อ “fools.doc” (พวกโง่เง่า.doc) กลับไปให้ ซึ่งข้างในไฟล์มีประโยคที่มีใจความว่า
“What a ridiculous clusterfuck of totally uncool jokers. I make my work about this kind of sadly foolish farce. I’m waiting for all of them to sue me for copyright infringement.”
(“มันช่างเป็นเรื่องวุ่นวายไร้สาระน่าขันของพวกตัวตลกที่โคตรน่าสมเพช. งานที่ฉันทำก็เกี่ยวกับเรื่องตลกโง่เง่าที่น่าเศร้าพวกนี้นี่แหละ. ฉันกำลังรอพวกนั้นทั้งหมดมาฟ้องร้องฉันข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์อยู่น่ะนะ”)
ในท้ายที่สุด การฟ้องร้องระหว่าง Supreme และ MTTM ยุติลงด้วยข้อตกลงที่ว่า MTTM สามารถใช้คำว่า Supreme Bitch บนสินค้าต่อไปได้ ถ้ามันไม่เป็นไปในแบบที่ บาร์บารา ครูเกอร์ ทำ (น่าจะเป็นการใช้ตัวหนังสือสีขาวบนพื้นแดงอะไรเทือกนั้น)
เอวังก็ด้วยประการละฉะนี้น่ะครับท่านผู้อ่าน
#ต้องให้ตัวแม่ออกโรงสินะ
อ้างอิงข้อมูลจาก