ประเพณีนิยมที่สาวจีนต้องถูกบังคับเพียงเพราะพ่อแม่ชาวจีนกลัวลูกสาวลูกชายจะไม่มีคู่ครอง และการมองว่าไม่แต่งงานถือเป็นความผิดแผกในสังคมจีนตั้งแต่สมัยอดีตเริ่มถูกแปรเปลี่ยนและแก้ไขไปตามกาลเวลา เรียกได้ว่า ยุคนี้คือยุคที่สาวจีนนิยม ‘เป็นโสด’ ‘อยู่แบบไร้คู่’ หรือ ‘แต่งงานช้าหลังอายุ 30’ มากยิ่งขึ้น
สาวจีนยุคใหม่นิยมทำงานเก็บเงินและลงทุนเพื่ออนาคตของตัวเองกันมากขึ้น ไม่สนใจว่าจะมีคู่ครองรึเปล่า และพร้อมจะคุยหัวชนฝาบอกครอบครัวว่า ‘ขออยู่เป็นโสดแบบสาวเก่ง ถ้าหากไม่เจอคู่ครองที่รักจริงๆ’ โดยสอดคล้องกับสถิติในจีน ที่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา ตัวเลขของการแต่งงานคนจีนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง อัตราการหย่าร้างเองก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถ้าเทียบกับเมื่อ 30 ปีที่แล้ว
สาวจีนไม่กลัวการเป็น ‘หม้าย’ เหมือนเมื่อก่อน
เดี๋ยวนี้สาวจีนวัยทำงานนิยมซื้อบ้านตั้งแต่ก่อนแต่งงาน จะได้ไม่ต้องกังวลว่า จะไม่มีบ้านอยู่ถ้าต้องหย่าหลังแต่งงาน หรือบางคนที่เลือกไม่แต่งงานไปเลย ก็จะมีสินทรัพย์เป็นของตนเอง ใช้ชีวิตอย่างสบายไม่ง้อการมีคู่ ต่างจากธรรมเนียมสมัยก่อนที่ผู้หญิงต้องรอผู้ชายซื้อบ้านหลังแต่งงาน ซึ่งถ้าดูตามข้อมูลการหย่าร้างของคู่รักชาวจีน จะพบข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจ และเหตุผลที่สาวจีนหันไปซื้อบ้านด้วยเงินของตัวเอง
เพราะคู่รักชาวจีนจำนวนไม่น้อยพอหย่ากันแล้ว กลับจำใจต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน และด้วยความที่ราคาอสังหาริมทรัพย์นั้นสูงมาก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น กรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว และเซินเจิ้น ทำให้คู่รักที่หย่ากันแล้วไม่มีใครยอมที่จะแยกออกไปหาซื้อที่พักใหม่ จะให้ไปเช่าอยู่คอนโดราคาถูก ตัวห้องก็เล็ก คุณภาพชีวิตไม่ดีเท่าเดิม ส่วนใหญ่เลยไม่ยอม
นอกจากเหตุผลที่คู่รักหย่ากัน แต่ไม่อยากแยกไปเพราะไม่มีเงินซื้อบ้านใหม่แล้ว อีกเหตุผลหนึ่งยังมาจากพ่อแม่ของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง คือพ่อแม่ชาวจีนจำนวนไม่น้อยจะมอบเงินเก็บแทบจะทั้งหมดที่มีมาช่วยลูกๆ ซื้อบ้าน ดังนั้นหมายความว่า เงินของทั้งฝ่ายชายฝ่ายหญิงและครอบครัวหมดไปกับเรือนหอ คอนโด หรือบ้านที่อยู่ด้วยกัน ทำให้ไม่สามารถแยกออกมาได้นั่นเอง
ถ้าดูตามสถิติการซื้อที่พักอาศัยใน 12 เมืองใหญ่ของจีน—รวมกรุงปักกิ่ง มหานครเซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น—จาก Beike แพล็ตฟอร์มซื้อขายที่พักรายใหญ่ในจีน ในปี พ.ศ. 2561 กว่า 47.9% ของผู้ซื้อที่พักอาศัยเป็นผู้หญิง ก้าวกระโดดจากปี พ.ศ. 2557 ที่ตอนนั้นมีสัดส่วนเพียง 30% และในบรรดาสาวโสดที่อายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป ครองสัดส่วนถึง 47% ในการมีที่พักอาศัยและอสังหาริมทรัพย์เป็นของตัวเอง
อัตราส่วนการซื้อบ้านของหญิงจีนยุคใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากตำแหน่งงานรายได้สูงในตลาดงานปัจจุบัน มีจำนวนผู้หญิงมากขึ้นหลายล้านคน เป็นการเปลี่ยนแปลงจากสังคมจีนในอดีต ที่จะมีเฉพาะผู้ชายมีตำแหน่งดี เงินเดือนสูง และได้รับโอกาสเท่านั้น
สถาบันสถิติแห่งชาติจีนมีหลักฐานบอกถึงความเปลี่ยนแปลงนี้เป็นอย่างดี เพราะจำนวนผู้หญิงในตลาดงานจีนกินพื้นที่ 43.5% ของจำนวนแรงงานในระบบทั้งหมด ซึ่ง 65.45 ล้านคนเป็นสาวเก่งทำงานในเมืองใหญ่ ซึ่งตอนนี้บทบาทของผู้หญิงจีนในระบบแรงงาน โดยเฉพาะการทำงานที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะทาง ได้รับการยอมรับมากขึ้น เห็นได้จากกฎหมายใหม่ของรัฐบาลท้องถิ่นปักกิ่งที่ออกมาบังคับใช้ให้ทุกบริษัทในปักกิ่งห้ามจำกัดสิทธิการสมัครงานของผู้หญิง ไม่ว่าจะกำหนดตำแหน่งเฉพาะให้ผู้ชายได้ทำงาน หรือแม้แต่การกรอกสถานะภาพว่าโสดหรือไม่ รวมถึงห้ามมีการตรวจการตั้งครรภ์ในการตรวจสุขภาพเข้าทำงานของผู้หญิง หากบริษัทไหนฝ่าฝืนจะถูกปรับเป็นเงินสูงสุดถึง 250,000 บาท และโดนถอนใบอนุญาตการทำหน้าที่ทรัพยากรบุคคลของบริษัทนั้นด้วย
นอกจากการเพิ่มขึ้นของกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ของผู้หญิงจีน การใช้จ่ายเพื่อเดินทางออกไปเที่ยวนอกประเทศตามแบบฉบับสาวโสดกับกลุ่มเพื่อนยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการไปเที่ยวของสาวโสดกลุ่มนี้ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายแค่เที่ยวอย่างเดียว การใช้เงินไปกับการซื้อสินค้า ก็ใช้จ่ายแบบค่อนข้างไร้ความกังวล โดยเฉพาะซื้อสินค้าหรูหราแบรนด์เนม แม้ต้องแลกมาด้วยการเป็นหนี้สิน เช่น หนี้บัตรเครดิต พบว่าสาวจีนในช่วงวัย 24-29 ปี มีอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ พุ่งสูงถึง 1,850% โดยเฉลี่ยหนี้โดยรวมในระบบของคนกลุ่มนี้มากกว่า 600,000 บาท ต่อคน
พฤติกรรมซื้อสินค้าแบบไม่แคร์เงินในกระเป๋าของสาวโสดจีน ยังสามารถดูได้จากการเติบโตของเทศกาลช้อปแหลกวันคนโสด วันที่ 11 เดือน 11 โดยมีที่มาจาก Alibaba ภายใต้การนำของแจ็คหม่า ที่เห็นโอกาสทำเงินจากคนรุ่นใหม่ เปลี่ยนวันคนโสดในยุคสมัยใหม่ให้เป็นกิจกรรมซื้อสินค้าลดราคา ภายใต้แนวคิด “ช้อปเพื่อคลายเหงาของคนโสด” แต่ต้องยอมรับว่า เทศกาลนี้ไม่ได้ทำแค่คนโสดเท่านั้น คนจีนแทบทั้งประเทศต่างเข้าร่วมซื้อสินค้าในเทศกาลคนโสดเสมือนเป็นเกมการแข่งขัน ถ้าไม่เข้าร่วมจะคุยกับใครเขาไม่รู้เรื่อง ทำให้ยอดซื้อขายบน Alibaba เติบโตอย่างก้าวกระโดดทุกปี อย่างปีล่าสุด พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา ทำยอดทะลุ 2.135 แสนล้านหยวน เป็นสถิติใหม่ที่ทำลายสถิติเดิมของปีก่อนหน้าที่ทำไว้ 1.682 แสนล้านหยวน ตั้งแต่ชั่วโมงที่ 15 เมื่อเริ่มเทศกาล
ทั้งหมดที่พูดไปไม่ใช่ว่าผู้หญิงชาวจีนไม่อยากมีคู่นะ
ในความเป็นจริงพวกเธอก็อยากมีคู่ อยากมีคนรัก อยากแต่งงาน แต่ต้องเรียกว่า ‘มีสิทธิเสรีภาพทางความคิดในการเลือกคู่ครองมากขึ้น โดยไม่สนใจในเรื่องของอายุ ไม่ต้องรีบแต่งงานก่อนอายุ 25 เพราะครอบครัวจะไม่พอใจเหมือนในอดีต’ เราจะได้เห็นสาวจีนนิยมไปงาน ‘นัดบอด’ โดยไม่ต้องรอให้พ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ไปประกาศหาคู่ตามสวนสาธารณะ—หรือนัดเจอแล้วจับแต่งงานแบบคลุมถุงชน
เดี๋ยวนี้ตามมหาวิทยาลัยของจีนเริ่มมีงานนัดบอดให้นักศึกษาแต่ละคณะได้มาเจอกัน หลายคนได้พบรักจากงานนัดบอดจนได้แต่งงานกันในชีวิตจริงก็มีไม่น้อย
นอกจากสิทธิเสรีภาพที่ของผู้หญิงจีนที่เป็นหนึ่งในเหตุผลของการครองโสด ‘การยอมรับความเป็นผู้หญิง—ลูกสาว’ ในครอบครัวคนจีนก็ต่างไปจากเดิมแล้ว พ่อแม่ชาวจีนปัจจุบันค่อยๆ เปลี่ยนความคิดว่า ผู้ชายเท่านั้นถึงดูแลครอบครัวได้ มาเป็นผู้หญิงก็ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้โดยไม่ต้องพึ่งผู้ชาย ทำให้เริ่มหมดกังวลชีวิตคู่ของลูก ทั้งยังยอมรับความคิดของลูกสาวมากขึ้น
บางครอบครัวยังมีแนวคิดที่ฟังแล้วติดตลกด้วยซ้ำไป คือ มีลูกสาวครอบครัวรวยแน่นอน เพราะไม่ต้องเก็บเงินเก็บทองตั้งแต่ลูกชายยังเล็ก เพื่อเตรียมไปขอลูกสาวบ้านอื่น แต่รอรับ(ทรัพย์)เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว