ความสวยงามของรูปลักษณ์ตามที่ประจักษ์ไว้แต่ยุคโบราณ เมื่อกล่าวถึงความงดงามของหญิงสาวคงต้องพูดถึงความงามแบบ เบญจกัลยาณี หรือความงาม 5 ประการ อันได้แก่ ผมงาม, ฟันงาม, เนื้องาม, ผิวงาม และวัยงาม
หนึ่งใน 5 ของความงามที่กอปรให้หญิงผู้ใดผู้หนึ่งงามพร้อมคือ การมีเส้นผมที่งดงาม ว่ากันว่าเส้นผมที่งดงาม คือ ผมที่งามเหมือนหางนกยูง ดำขลับสลวยเป็นเงา เมื่อสยายออกเส้นผมแต่ละเส้นต่างทิ้งเส้นเรียงตัวสวยทอดลงมาถึงชายผ้า
แม้ปีนี้เราอาศัยอยู่ในศตวรรษที่ 21 หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากยุคโบราณ แต่การมีผมที่งดงามยังคงเป็นปัจจัยที่ใช้พิจารณาว่า คนคนนั้นมีบุคลิกที่น่าพึงใจ ดูดีโดดเด่นหรือไม่ ดังนั้นการมีผมที่สลวยสวยงดงามจึงเป็นความฝันของคนส่วนใหญ่ไม่ว่าชายหรือหญิง อาจจะไม่ต้องดำขลับคมเข้ม ผมคุณอาจเป็นสีชมพูอ่อนโอรสเหมือนแสงตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้า หรืออาจจะเป็นสีเขียวประกายหม่นน้ำเงินเหมือนแสงเหนือที่ส่องประกายอยู่ที่นอร์เวย์ ผมคุณจะเป็นสีใดเป็นทรงใดก็ได้ ตราบที่มันเป็นรูป เป็นทรงและเงางามก็เป็นพอ
ในเมื่อใครต่อใครต่างน่าจะลงความเห็นและเข้าใจไปในทางเดียวกันว่า การมีทรงผมที่ดีออกจากบ้าน คือ สิ่งที่ทำให้เราดูดี ถ้าอย่างนั้นแล้วมนุษย์ทุกคนควรจัดแต่งทรงผมให้ดูดีก่อนออกจากบ้านสิ!
ใช่สิ ทุกคนต่างอยากดูดีที่สุดเมื่อย่างก้าวออกจากบ้าน แต่ปัญหาของการมีผมดีๆ สักทรงก่อนออกจากบ้านควรต้องเริ่มจากการมีอุปกรณ์ในการจัดแต่งทรงผมที่ง่ายและพื้นฐานที่สุดในการดูแลเส้นผม และสิ่งนั้นคือ…ไดร์เป่าผม
หน้าที่หลักตามปกติของไดร์เป่าผม เท่าที่เราต่างทราบกันดีคือ ทำให้ผมแห้งและช่วยจัดแต่งทรงผม หากการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าสักอย่างเสมือนการจ้างงาน ฉะนั้นแล้วไดร์เป่าผมที่สามารถทำหน้าที่ทั้ง 2 อย่างข้างต้นได้ ก็น่าจะถือว่าผ่านเกณฑ์การจ้างงานและสามารถทำงานอยู่ในบ้านคุณได้อย่างไร้กังวล
ติดอยู่เพียงแค่ตรงที่ว่า ไดร์เป่าผมส่วนใหญ่บนโลกนี้ใช้ความร้อนจากขดลวด จากนั้นพัดลมก็จะพัดเอาความร้อนจากขดลวดออกมาเป็นลมร้อนสู่เส้นผมของเรา ทำให้เราได้ลมร้อนๆ ออกมา
และผมเราก็จะแห้ง
แต่ความแห้งจากความร้อนลักษณะนี้จะมีของแถมที่เราไม่ต้องการติดมาด้วยเสมอ นั่นคือผมเสียและแห้งกรอบ ซึ่งเป็นปัญหาโลกแตกอันดับหนึ่งของมนุษย์ที่ใช้ไดร์เป่าผม ส่วนปัญหาโลกแตกอันดับสองจากการใช้ไดร์เป่าผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนไว้ผมยาวคือ ไดร์เป่าผมโดยทั่วไปโดยเฉลี่ยแล้วยังทำให้ผมแห้งได้ไม่เร็วพอ
แต่ในเมื่อไดร์เป่าผมยี่ห้อใดๆ ก็ตามในท้องตลาด ต่างก็ยังไม่สามารถผลิตไดร์เป่าผมที่ต่างออกไปอย่างมีนัยสำคัญได้อย่างจริงจัง ทุกคนจึงต้องใช้ตัวเลือกอื่นๆ ที่มีตามความเหมาะสมที่แล้วแต่เวลาและเงินในกระเป๋าสตางค์จะอำนวย
บางคนเลือกใช้พัดลมเป่าผมแทน หรือบางคนอาจใช้ไดร์เป่าแบบลมเย็นแทนที่จะใช้ลมร้อน ทั้งสองกรณีนี้ต่างเป็นที่รู้กันว่า เป็นการหลีกเลี่ยงความร้อนที่ทำให้ผมแห้งเสีย ซึ่งอาจจะสามารถแก้ปัญหาโลกแตกปัญหาที่หนึ่งพอได้ แต่ปัญหาการทำให้ผมยาวแห้งช้ายังคงไม่ถูกแก้ไขโดยพัดลม หรือไดร์เป่าลมเย็นนี่สิ
จนกระทั่งปี 2016 เมื่อ Dyson เปิดตัวไดร์เป่าผม Dyson Supersonic เครื่องเป่าผมที่ Dyson บอกว่าเป็นไดร์เป่าผมที่จะ เบากว่า เงียบกว่า ใช้งานง่ายกว่า ไดร์เป่าผมทุกตัวที่เคยมีมา
ทุกคนบนโลกของอุตสาหกรรมความสวยงามต่างตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจที่ Dyson จะกระโดดเข้ามาเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในธุรกิจความงาม หลังจากที่ James Dyson นักประดิษฐ์และผู้ก่อตั้ง Dyson มีชื่อเสียงทางด้านการเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมการดูดฝุ่นที่ไม่ต้องใช้ถุงเก็บฝุ่นแถมเครื่องดูดฝุ่นที่เขาพัฒนายังสามารถดูดฝุ่นไมครอนเล็กจิ๋วขนาด 0.5 ไมครอนได้ (ขนาดความกว้างของเส้นผมมนุษย์อยู่ที่ประมาณ 50-100 ไมครอน) พูดง่ายๆ คือแม้แต่ฝุ่นที่ตาเปล่ามองไม่เห็นก็สามารถดูดขึ้นมาได้
เมื่อ Dyson ประกาศว่าจะผลิตเครื่องเป่าผม ทุกคนบนโลกเส้นผมจึงจับตามองว่า Dyson จะนำพานวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆใด เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกแห่งความงามหรือไม่ คำว่า ‘เบากว่า เงียบกว่า ใช้งานง่ายกว่า’ มันหมายความว่าอย่างไร ตอนนั้นคงยังไม่มีใครเข้าใจ แต่ก่อนที่จะมีคนเข้าใจว่าคอนเซ็ปต์นี้แปลว่าอะไร ทุกคนต่างพากันสงสัยนำไปก่อนแล้ว เมื่อ Dyson ประกาศว่าเครื่องเป่าผมของเขาจะมีราคาอยู่ที่เครื่องละ 400 เหรียญสหรัฐ (13,780 บาท โดยประมาณ – ในขณะนี้ไดร์เป่าผม Dyson Supersonic ราคาอยู่ที่ 16,900 บาท)
ไดร์เป่าผมเครื่องละหมื่นกว่าบาท!
ทุกคนต่างพากันสงสัยไปในทางเดียวกันว่า มันจะขายได้จริงหรือ ผู้คนจะยอมควักเงินเป็นหมื่นเพียงเพื่อซื้อไดร์เป่าผมเชียว?
ปรากฏว่าหลังจากที่ Dyson เปิดตัวไดร์เป่าผมรุ่นแรก Dyson Supersonic ออกมา จากรีวิวบนโลกออนไลน์ของเหล่าบล็อกเกอร์และจากผู้ใช้จริง ทุกคนต่างพูดกันไปในทำนองเดียวกันว่า ไดร์เป่าผมของ Dyson นั้นแตกต่างจากไดร์เป่าผมทั่วไปในท้องตลาดจริงๆ
มันทำงานได้เงียบกว่า น้ำหนักเบากว่า และลมที่เป่าออกมาก็แรงพอที่จะทำให้ผมแห้งเร็ว แต่ก็นุ่มละมุนพอที่ทำให้รู้สึกสบายหนังศีรษะ จากรีวิวของคนบนโลกโซเชียลและการตลาดของ Dyson ที่เน้นย้ำไปที่การใช้งานที่มาเปลี่ยนชีวิตคนอยากดูแลเส้นผมให้ง่ายขึ้น ทำให้ราคาเรือนหมื่นของไดร์เป่าผมของ Dyson ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ผู้คนยินดีจะจ่ายเงินเพื่อแลกกับชีวิตที่สะดวกสบายพร้อมๆ กับการได้เส้นผมที่สุขภาพดี
อีก 2 ปีต่อมา Dyson เปิดตัว Dyson airwrap เซตผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมแบบครบวงจรมีทั้งที่เป่าผม ที่ม้วนผม หัวไดร์ผมหลายรูป ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 549 เหรียญสหรัฐ (18,920 บาทโดยประมาณ/ ราคา Dyson airwrap ปัจจุบันอยู่ที่ 21,900 บาท) ปรากฏว่า Dyson airwrap ขายหมดเกลี้ยงสต็อกภายในไม่กี่สัปดาห์ แถมยังมีคนลงชื่อรอคิว waiting list เพื่อที่จะซื้อเซต Dyson airwrap อยู่ที่กว่า 130,000 คน
ความแตกต่างที่ Dyson มอบให้กับผู้คนบนโลกแห่งความงามหาได้ได้มาด้วยความบังเอิญ Dyson ขึ้นชื่อเรื่องการคิดค้นและพัฒนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจากการที่เขาล้มเหลวมา 5,126 ครั้ง จากการผลิตเครื่องดูดฝุ่นรุ่นแรก เมื่อเหยียบเท้าเข้ามาในโลกของเส้นผม Dyson พัฒนา ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับเส้นผมมามากกว่า 10 ปี แถม Dyson ยังลงทุนในโรงงานและแล็ปเพื่อทดลองเกี่ยวกับเส้นผมทั่วโลกไปกว่า 100 ล้านยูโร และในปัจจุบันนี้ Dyson ยังคงร่วมพัฒนากับเหล่านักวิจัย นักประดิษฐ์ และช่างผมกว่า 6,000 คนทั่วโลกอย่างไม่หยุดนิ่งเพราะ Dyson เชื่อว่านวัตกรรมสามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตคนให้ดีขึ้นได้ และมนุษย์ไม่ควรหยุดอยู่กับที่
ผลพลอยได้ที่คนรักเส้นผมทุกคนได้รับจากการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งของ Dyson แม้ต้องรอเป็นเวลานานกว่า 10 ปี กว่าจะได้ไดร์เป่าผมที่ทำให้พวกเราผมแห้งแต่ไม่เสีย จัดแต่งผมได้บ่อยตามแต่ที่ใจต้องการแบบไม่ต้องกลัวผมเสีย แถมการไดร์ผมแต่ละครั้งแต่ละทีก็ไม่ต้องถือไดร์หนักๆ เป็นเวลานานๆ กว่าผมจะแห้ง แม้ต้องแลกกับเงินในกระเป๋าหลักหมื่นเพื่อซื้อเวลาและสุขภาพของเส้นผมที่ดีปูทางการเป็นเบญจกัลยาณีในยุคศตวรรษที่ 21
ก็คงถือว่ายังคุ้มเงินอยู่ไม่น้อยทีเดียว
อ้างอิงจาก
หนังสือ James Dyson Invention: A Life