อาจพูดได้ว่า ‘ความยากจน’ คือปรากฏการณ์หนึ่งที่มีการศึกษามาเป็นเวลานาน แต่บ่อยครั้งคำอธิบายที่สรุปจบก็มักจะวนเวียนอยู่แค่ว่า ความยากจนเกิดจากความอัตคัตของบุคคลนั้นๆ หากสำหรับ Matthew Desmond นักสังคมวิทยาชาวอเมริกัน และศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัย Princeton กลับไม่ค่อยเชื่อการสรุปจบทำนองนี้สักเท่าไหร่ เขาจึงเริ่มลงพื้นที่ศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อหาคำตอบที่น่าพึงพอใจว่าอะไรกันแน่คือสาเหตุของความยากจนในสังคมอเมริกา
Evicted : Poverty and Profit In The American City คือบทสรุปจากการลงพื้นที่ของ Desmond นั่นเองครับ โดยเขาใช้เวลาหลายปีลงไปสำรวจ และติดตามชีวิตของแปดครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบริเวณยากจนที่สุดของเมือง Milwaukee รัฐ Wisconsin สิ่งที่ Desmond ถ่ายทอดผ่านหนังสือเล่มนี้คือบันทึกต่อสิ่งที่เขาพบเห็นจากการลงพื้นที่ในช่วงปีนั้น โดยเฉพาะในช่วงปี 2008 ซึ่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกครั้งสำคัญ และส่งผลกระทบโดยตรงต่อครอบครัวทั้งแปด ซึ่งต่างต้องดิ้นรนอย่างยากลำบากในการจ่ายค่าเช่าบ้าน ไม่มีครอบครัวไหนอยากจะถูกขับไล่ออกจากบ้านที่ให้ความเป็นส่วนตัวต่อพวกเขา
แต่ก็อย่างที่ชื่อของหนังสือระบุไว้ครับ Evicted ซึ่งหมายถึงการขับไล่ ประเด็นสำคัญที่ Desmond พาเราไปสำรวจอย่างลุ่มลึกและจริงจัง เขาชี้ให้เราเห็นว่า แม้จะมีการศึกษาเรื่องความยากจนมาแล้วมากมาย แต่ส่วนมากกลับเลือกจะมุ่งเป้าไปที่เรื่องของคนไร้บ้าน เพราะเป็นปรากฏการณ์ที่เห็นได้อย่างชัดเจน หาก Evicted เลือกจะเบนสายตาเรามามองอีกประเด็นหนึ่งซึ่งมักไม่เป็นที่สนใจนัก นั่นคือปัญหาเรื่อง ‘บ้าน’ และ ‘บ้านที่ไม่มีคุณภาพ’ นั่นเองครับ
เมื่อครอบครัวหนึ่งๆ ถูกขับไล่จากบ้าน ปัญหาที่พวกเขามักพบเจออยู่เสมอคือ การต้องยอมเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ด้วยการตัดสินใจของพวกเขาเอง ที่ไม่เพียงจะสกปรก และผุพัง แต่ยังน่าเวทนาเกินกว่าที่ใครจะเช่าอาศัย พูดอีกอย่างคือ ครอบครัวที่ถูกขับไล่จะได้ข้อเสนอ (ในเชิงบังคับ) ให้ต้องเข้าพักในบ้านที่มาพร้อมสภาพแวดล้อมที่ชวนให้จิตตก แต่ก็ต้องยอมรับเพราะพวกเขาเองก็ไม่มีเงินมากพอที่จะอยู่ในบ้านที่มีสภาพดีกว่านี้
Desmond เล่าว่า ด้วยสภาวะจำยอมเช่นนี้ของผู้เช่า ทำให้ครอบครัวใดๆ ที่เคยถูกขับไล่ กับเจ้าของบ้านเช่า (Landlord) ที่ให้เช่าอาคารที่ต่ำกว่ามาตรฐานนั้นเป็นของคู่กัน นั่นเพราะเจ้าของบ้านเช่าเองก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องซ่อมแซมบ้านแต่อย่างใด พวกเขาเพียงเฝ้ารอครอบครัวใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านเช่าหลังโทรมๆ นี้ และแม้พวกเขาอาจพอมีเงินจ่ายในทีแรกจากสวัสดิการของภาครัฐ แต่ถึงจุดหนึ่งที่พวกเขาไม่มีเงินจ่ายอีกต่อไป พวกเขาก็เพียงจะถูกขับไล่ออกจากบ้านหลังเก่านี้ เพื่อไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ซึ่งสภาพย่ำแย่กว่าโดยที่เจ้าของบ้านเช่าเองก็ไม่ต้องทำอะไรมากไปนั่งมองลูกค้าคนเก่าเดินออกไป เฝ้ารอลูกค้าคนใหม่เดินเข้ามาในบ้านผุพังหลังเดิมๆ
Lamar หนึ่งในหัวหน้าครอบครัวที่ Desmond ได้ไปสัมภาษณ์เองก็ประสบปัญหาในการจ่ายค่าเช่า เพราะหลังจากที่เขาจ่ายค่าเช่าบ้านจากเงินสวัสดิการ Lamar เหลือเงินใช้ในชีวิตประจำวันเพียงวันละสองดอลลาห์กว่าๆ เท่านั้น ซึ่งนับว่าน้อยจนน่าวิตก แถมพอนานวันเข้า เขาก็เริ่มไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า เพราะไหนจะต้องคอยเจียดเงินเล็กเงินน้อยให้สำหรับลูกๆ อีก Lamar พยายามจะขายสมบัติติดตัวที่เขามี แต่เงินที่ได้ก็ยังไม่พออยู่ดี จนถึงที่สุด คนอย่าง Lamar ก็ติดอยู่ในหล่มที่ไม่รู้จะไปไหน อยู่กับที่ไปก็ต้องคอยหวาดระแวงเพราะเจ้าของบ้านเช่าก็มีสิทธิจะไล่พวกเขาเมื่อไหร่ก็ได้จากการติดค้างค่าเช่า ความซับซ้อนของเรื่องนี้ยิ่งไปไกลขึ้นเมื่อผลประโยชน์ของเจ้าของบ้านเช่าได้โยงใยเข้ากับเงินช่วยเหลือคนยากจนจากรัฐบาล นั่นเพราะเงินเหล่านี้แทบทั้งหมดจะพุ่งตรงเข้ากระเป๋าของเจ้าของบ้านเช่าทันทีหาก Lamar เองซึ่งได้รับเงินช่วยเหลือนี้ไม่สามารถจัดการหนี้สินได้อีกต่อไป
Desmond ยังชี้ให้เราเห็นถึงปัญหาการแบ่งแยกสีผิวใน Milwaukee ซึ่งถือเป็นเมืองที่ปัจจุบันยังคงมีการแบ่งแยกทางสีผิวรุนแรงที่สุด อย่างกรณีการให้เช่าบ้านที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อครอบครัวผิวดำอย่างเช่น การเลือกปฏิบัติที่จำกัดบ้านสภาพดีให้กับคนผิวขาวเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงผิวดำ ซึ่งไม่เพียงต้องรับมือกับการแบ่งแยกทางสีผิว แต่ยังมีเรื่องการกดขี่ทางเพศด้วย
การถูกขับไล่จากบ้านพักไม่เพียงแต่จะสร้างความเครียดให้กับครอบครัวนั้นๆ เท่านั้น แต่ยังส่งผลให้พวกเขาไม่สามารถเก็บหอมรอมริบได้อย่างจริงจัง เพราะทุกๆ การโยกย้ายคือการเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด เงินที่เคยมีมาก็ถูกนำไปจ่ายให้กับบ้านหลังเก่า ส่วนเงินช่วยเหลือก้อนใหม่ก็ไม่เคยมากพอที่พวกเขาจะเจียดไปใช้จ่ายได้พอเพียงกับความต้องการของครอบครัว แถมการถูกขับไล่แต่ละครั้งยังฝังลงในประวัติไว้ที่ครอบครัวซึ่งรัฐเองก็สามารถตรวจสอบได้ และส่งผลต่อการคัดเลือกที่อยู่ใหม่ๆ ตามแต่ว่าประวัติของพวกเขาย่ำแย่สักแค่ไหน พูดได้ว่า ครอบครัวเหล่านี้ไม่เคยมีที่อยู่ใหม่ที่ดีไปกว่าที่อยู่ก่อนหน้าเลย สภาพความเป็นอยู่ของพวกเขาจะยิ่งตกต่ำลงเรื่อยๆ อย่างรับประกันได้
ฟังดูเป็นหนังสือเครียดๆ เนื้อหาหนักๆ นะครับ แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยขณะอ่านจริงๆ แต่สิ่งที่ Desmond ทำได้ดีอย่างน่าชื่นคือการถ่ายทอดความยากลำบากของแต่ละครอบครัวได้อย่างละเอียดและชวนให้ติดตาม จนบางครั้งก็เผลอนึกไปว่ากำลังอ่านเรื่องแต่งอยู่ด้วยซ้ำ แต่พอมานึกได้ว่าเรื่องราวตรงหน้าคือความจริงที่กำลังเกิดขึ้นในอีกซีกโลก มันก็อดที่จะหดหู่ขึ้นมาทันทีไม่ได้
Evicted คือหนังสือที่ฉายภาพปัญหาความยากจนของสังคมอเมริกาได้อย่างครอบคลุม ท้ายที่สุด คุณจะไม่เพียงแค่ได้อ่านชีวิตของครอบครัวทั้งแปดที่ต่างก็ดิ้นรนต่อสู้เรื่องที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่สิ่งที่หนังสือเล่มนี้พาเราไปคือการท้าทายต่อวาทกรรมที่ว่า สาเหตุของความยากจน เกิดจากความเกียจคร้าน ไม่รับผิดชอบ มีพฤติกรรมแย่ๆ ไม่มีการศึกษา หรือขาดซึ่งทักษะ แต่ความยากจนกลับเป็นปัญหาที่ซับซ้อนเกินกว่านั้น เป็นผลพวงจากการแสวงหากำไร และการเอารัดเอาเปรียบอย่างอำมหิต จนการจ้องตัดสินเอาง่ายๆ ว่า ที่คนพวกนี้จนเป็นความผิดของพวกเขาเอง นั้นจัดว่าโหดร้ายและละเลยความซับซ้อนของปัญหาไปมากเลยล่ะครับ